‘ทอย ปฐมพงศ์’ เปิดใจหลังสึก เผยสถานะหัวใจ คุยสาวนอกวงการ เขินหน้าแดงตอบเรื่องสเปก
หลังจากที่พระเอกหนุ่มหน้าใส ทอย ปฐมพงศ์ ได้กราบลาสิกขาจากการบวชเป็นพระไปไม่นาน ล่าสุดเจ้าตัวก็ได้มาเปิดใจในรายการคุยแซ่บshow ถึงชีวิตหลังจากบวชเป็นระยะเวลากว่า 20 วัน ที่เจ้าตัวบอกว่าการบวชครั้งนี้เหมือนเปลี่ยนชีวิต พร้อมเล่าเส้นทางในวงการบันเทิง และเผยถึงสถานะหัวใจในตอนนี้
สึกมาสดๆ ร้อนๆ เดือนเดียวที่เพิ่งสึกออกมา หนึ่งเดือนเป็นยังไงบ้าง?
“ก็ดีครับ ก่อนคิดจะบวช เราก็ไม่รู้ว่าเราต้องการอะไร เราไม่เคยบวชมาก่อน เหมือนเป็นจุดเช็กพอยท์ในชีวิตเฉยๆ ว่าเราก็อยากบวช เพราะเราเรียนจบแล้ว เราแค่อยากบวชทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ก็ไปด้วยความรู้สึกแค่นี้เอง แต่ไปถึงก็อยากหาความสงบ”
จากตอนแรกตั้งใจไว้ 15 วัน ทำไมเลยมาเป็น 20 วัน?
“เราเพิ่งเจอความสงบเมื่อผ่านไป 10 กว่าวัน ก็เลยรู้สึกว่าเราอยากอยู่ต่ออีกหน่อย”
ความสงบคืออะไร?
“พอเป็นคนธรรมดาปกติ ไม่มีงานเราก็เล่นมือถือ หรือมีงานก็มีคนโทรตามอยู่แล้ว พออยู่ในวัดไม่มีใครตามเราได้ เพราะเราออกจากวัดไปไหนไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ ในหัวคิดแค่ว่าวันนี้ต้องเรียนอะไร เวลาคุยกับพระในวัดเขาก็จะคุยเรื่องธรรมะปนชีวิตไปด้วย”
โซเชียลเบรกไปเลยมั้ย?
“สิบวันแรกผมแตะมือถือน้อยมาก พยายามจะห่าง เพราะจุดประสงค์ที่ไปบวชเราอยากห่างจากโซเชียลด้วย เราเป็นคนติดมือถือมาก”
จริงๆ อยากบวชเป็นเดือน แต่ติดภารกิจ วงการเรียกตัวกลับมา?
“จริงๆ เหมือนวัดในคณะผม เขาจะมีการขิงว่าคนนี้บวชเท่าไหร่ บวชนานก็เป็นเรื่องที่ดี ขิงกันไปขิงกันมา เราก็เลยคิดว่าเฮ้ย เราอยากบวชเดือนนึง บวชสักเดือนก็คงดีมั้ง แต่ว่างานเราด้วย ผมก็ไม่เคยบวช เพิ่งรู้ว่ามีวันโกน พระต้องโกนผมเรื่อยๆ กลายเป็นว่าผมก็ยิ่งห่างจากงานไปเรื่อยๆ ก็เลยคิดว่าสักประมาณี้กำลังดี ผมเจอวันโกนไปแล้วรอบนึง”
ห่างโซเชียลแล้วเป็นยังไง?
ทอย : “ดีนะ ผมไม่ต้องมานั่งคาดหวัง ไม่ต้องมานั่งคิดอะไร ได้อยู่กับตัวเอง นอกจากเราสงบกายแล้ว เราก็สงบใจ ไม่ต้องมานั่งลงรูป ปล่อยใจตัวเองให้อยู่นิ่งๆ ตอนที่ไม่ได้บวช เวลาว่างเราก็อยากมีอะไรทำ พอบวชมันกลายเป็นว่าพอว่างก็ไม่ได้อยากทำอะไร เราอยู่กับตัวเองได้ สามารถยืนมองต้นไม้ มองนกไปเรื่อยๆ สงบขึ้น”
ฉายาทางธรรมปฐมวํโส แปลว่าอะไร?
“จริงๆ ตรงกับชื่อผม ผมชื่อปฐมพงศ์ ประมาณคนแรกของวงศ์ตระกูล อันดับหนึ่ง ชื่อตรงกับฉายา เพราะชื่อจริงๆ ผมก็เป็นพระตั้ง มันก็เลยไปทางนี้”
อยากบวชวัดป่า ทำไมมาเป็นวัดบวรฯ?
“อย่างที่บอกผมโฟกัสความสงบอย่างเดียว ก็เลยตั้งต้นว่าอยากจะบวชวัดป่า แต่พอไปปรึกษาพี่นุ้ย สุจิรา เขาบอกว่าไม่เผื่อคนอื่นมาหาเลยเหรอเวลาบวช บวชกรุงเทพฯ ก่อนมั้ย(หัวเราะ) ไหนๆ บวชทั้งที บวชวัดหลวงไปเลย พอไปบวชเราต้องมีเรียนก่อนอย่างน้อย 15 วัน เราเลยไปไหนไม่ได้ พอบวช 15 วันไปแล้ว ก็ฟังประสบการณ์จากพี่ๆ ที่บวชไปก่อนหน้าเรา เป็นวัดป่า ก็เป็นประสบการณ์ที่ลี้ลับมาก เลยตัดสินใจไม่ไปไหนดีกว่า (หัวเราะ) เราได้ยินมาตลอดเวลาบวช อาจารย์จะถามว่าเจอผีมั้ย พระใหม่บุญเยอะ คืนแรกบวชไปผมนอนไม่ได้เลย ไม่ได้เจอนะ กังวลกลัวเจอ ปกติเรานอนที่บ้านจะเป็นสถานที่เดิมๆ ยิ่งม่านก็จะปิดทึบแทบมองไม่เห็นอะไรเลย แต่กุฏิเขาจะมีช่องแอร์ ช่องไฟ เวลาพลิกตัวขึ้นมา เอ๊ะ มีหรือเปล่าวะ เราก็กังวล (หัวเราะ) ขนาดอยู่ในเมืองยังขนาดนี้ ผมอยู่ด้วยความกังวลไปแล้ว เหมือนผ่านเวลาไป มีพระไปวัดป่า เป็นรอบๆ วนไปวนมา เราก็ยังอยากไปอยู่นะ เขาก็บอกว่าไปเลย ดีมาก วันแรกก็ผีมาเลย ผมก็เลยไม่ไปแล้ว เปลี่ยนใจ จากนั้นเลยไม่ไปแล้ว”
กลัวผีเหรอ?
“กลัวผีมาก แต่ชอบดูหนังผีนะ ชีวิตจริงหลังๆ เจอผี เห็นเป็นคนยืนอยู่ เหมือนในหนัง กระพริบตาหันไปอีกทีก็ไม่มีแล้ว ผมเจอก่อนบวชเมื่อไม่นาน ผมเพิ่งมาเห็นปีท้ายๆ นี่เอง”
ช่วงแรกปรับตัวยาก ยังไง?
“พอเป็นพระ ก็ปฏิบัติไม่เหมือนเรา หลักๆ ไม่กินข้าวเย็น เป็นเรื่องความหิวตอนเย็น และหลักๆ คือเรื่องความสำรวม เราเป็นพระใหม่ บางทีเข้าไปเราก็ยังคุยเล่นกับพระพี่เลี้ยง ซึ่งเสียงดัง มันต้องสำรวม พอบิณฑบาต เจอคนรู้จัก เราหันไปยักคิ้วอะไรแบบนี้ซึ่งมันไม่ได้ มันไม่งาม ไม่สำรวม เราต้องเคร่งมองบาตร เอาผ้าปิด มองแค่ระยะพื้น”
หลุดทำมั้ย?
“โชคดีที่เราเป็นนักแสดง (หัวเราะ) แต่ในใจก็อยากทักว่ามาเช้านะ ปกติไม่เห็นตื่นเช้า อยากแซว แต่มันทำไม่ได้”
กิจวัตรพระใหม่ที่บวชแต่ละวันทำอะไรบ้าง?
“ทำวัตรเช้าและทำวัตรค่ำ ที่วัดผมไม่มีทำวัตรเย็น ทำวัตรค่ำเลยแล้วนั่งสมาธิ ตอนกลางวันถ้าพระใหม่ก็จะมีเรียนธรรมะ แต่เป็นธรรมะเหมือนประยุกต์ คนบวช 15 วันเขารู้อยู่แล้ว ต้องกลับไปใช้ชีวิตปกติ บางวิชาก็ประยุกต์เพื่อออกไปแล้ว ใช้ชีวิตยังไงต่อ เหมือนเอาธรรมะสอดแทรกกับชีวิตปัจจุบันมากกว่า เหมือนคนทั่วไปไปฟังธรรมะเขาไม่ได้สอนแบบลงลึกขนาดบาลี แค่ฟังเทศน์”
เราได้อะไรจากการเป็นพระ?
“หลักๆ ผมได้ความสงบ ใจเย็น พอใจเย็นทำให้เรามีสมาธิมากขึ้น อย่างน้อยที่สึกมา 1 เดือน รู้สึกตัวเองใจเย็นขึ้น นิ่งขึ้น เจออะไรเราก็ใจเย็น เมื่อก่อนเราก็ไม่ได้ใจร้อนขนาดนั้นเรามีสติมากขึ้น ผมว่าหลักๆ ต่อให้ถามพระ พระท่านก็บอกว่าสติสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเจอปัญหาหรือเจอเรื่องอะไร มันก็จะง่ายขึ้น”
บวชหาความสงบ และบวชทดแทนคุณ คุณพ่อคุณแม่ด้วย วันแรกคุณพ่อคุณแม่มาตักบาตรรู้สึกยังไงบ้าง?
“เป็นเรื่องน่าแปลกมาก ตั้งแต่ผมบวชวันแรก ผ่านไปเป็นอาทิตย์ เวลาเจอคนมาใส่บาตร ไม่ได้รวมแค่พ่อแม่ รวมคนอื่นๆ ด้วย ผมจะรู้สึกตื้นตันแบบบอกไม่ถูก หนึ่งเป็นคนรอบตัวที่เรารู้จักอยู่แล้ว อย่างบางคนที่อยากจะแซวเพราะเขาไม่เคยตื่นเช้าเลยนะ อย่างพ่อแม่ผม ไม่ได้ตื่นเช้าขนาดใส่บาตร พ่อตื่นเช้าแต่ไม่ได้ตื่นมาใส่บาตร แม่ก็ตื่นสายๆ หน่อย แต่นี่เขามาเกือบทุกวัน บ้านผมกับวัดก็ไม่ได้ใกล้กันด้วย เราเลยรู้สึกว่าเราตื้นตัน”
ตอนเปลี่ยนชุดบวชพระครั้งแรกแล้วพ่อแม่มากราบรู้สึกยังไง?
“ทำตัวไม่ถูก มันตื้นตัน เหมือนเราอยากจะร้องไห้ออกมา แม่ก็น้ำตาคลอ พอบอกว่าทดแทนบุญคุณพ่อแม่ เราก็ไม่รู้ว่ามันต้องจับต้องยังไง จนเห็นจริงๆ วันที่เรานุ่งผ้าเหลืองแล้ว เรารู้สึกว่านี่แหละคือสิ่งที่ทำให้เขามีความสุข นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราทำสิ่งนี้”
อนาคตอยากบวชอีกมั้ย?
“จริงๆ พระที่วัดก็ชวนไปบวชอีกรอบ บวชให้เข้าพรรษาเลย 3 เดือน แต่ตอนนี้เรามีหน้าที่การงาน ผมเองก็เป็นหัวหน้าครอบครัวด้วย เราต้องทำพาร์ตนี้ให้ดีก่อน เราไม่รู้ว่าอนาคตจะอยากบวชอีกหรือเปล่า แต่ตอนนี้ที่เราได้คือเราอยากทำบุญมากขึ้น เราสบายใจในการไปวัดมากขึ้น”
ก่อนเข้าวงการ มีความกลัวอะไร?
“ไม่ได้กลัวอะไรขนาดนั้น จริงๆ แม่อยากให้เข้าวงการ จุดเริ่มต้นมาอยู่แกรมมี่ ต้องย้อนกลับไปสิบปีที่แล้ว อินสตาแกรมทุกคนไม่ได้เชี่ยวชาญหรือชัดเจนแบบนี้ ว่าคนนี้เป็นออฟฟิเชียลหรืออะไร เป็นเพจแกรมมี่นี่แหละทักไปว่าช่วยมาเก็บโปรโฟล์ได้มั้ย เผื่อมีงานจะได้ส่งแคส แต่ก่อนเหมือนกึ่งดูแลศิลปิน ไม่ได้เป็นช่องขนาดนี้ ผมก็เปิดไอจีไปแล้วคิดว่าปลอมแน่เลยว่ะ ไม่ตอบ กลัวโดนหลอก อ่านแล้วไม่ตอบ เมินเขาไปเลย ผมก็หายไปเลย เขาก็บอกผ่านเพื่อนมหาวิทยาลัยมาอีกที ที่เคยไปเก็บโปรไฟล์ว่าเป็นของจริงนะ ช่วยมาบอกผมหน่อยว่าเขาของจริงนะ นั่นคือจุดเริ่มต้นได้เข้าสู่จีเอ็มเอ็มแกรมมี่”
งานชิ้นแรกที่ได้ทำ?
“รายการเรียลลิตี้ ที่เป็นผู้ชาย 8 คน พี่เอกกี้เป็นพิธีกร สมัยเมื่อนานมาแล้ว เริ่มเปิดช่องใหม่ๆ เหมือนเอาพวกผม 8 คนมาทำเรียลลิตี้โนสคริปต์ เหมือนเอาหนูปล่อยเข้าไปแล้วทุกคนคาแรกเตอร์ก็จะออกไปคนละแบบ บังเอิญ 8 คนคาแรกเตอร์ไม่เหมือนกันเลย ทำให้คนดูชื่นชอบ คาแรกเตอร์ผม คนชอบมองว่าผมเป็นคนหน้าตาเรียบร้อย เนี้ยบๆ หน่อย ตอนนั้นอายุ 19 ครับ”
ผันตัวมาอยู่ในละครได้ไง?
“พอได้ทำรายการนี้ เราเป็นเด็กสังกัดช่อง เขาก็มีงานให้เราทำ ถ้าจำไม่ผิด ผลงานแรกเป็นคลับฟรายเดย์ เพื่อนรักเพื่อนร้าย พี่กิ๊บซี่ พี่สายป่าน พอเราเล่นปุ๊บ ก็มีคนจำเราได้จากตรงนั้น แล้วก็ได้เล่นละครยาวไปเลย”
ขึ้นมาเป็นพระเอกช่องวันเต็มตัว บทบาทไหนที่อยากเล่น?
“อยากเล่นซิตคอม ส่วนใหญ่บทที่ได้เป็นดรามา อยากเปลี่ยนคาแรกเตอร์บ้าง ถ้าบทซิตคอมไหนว่างก็ว่างนะครับ อยากร่าเริงบ้าง (หัวเราะ)”
ตอนเด็กแสบมั้ย?
“เป็นเด็กกิจกรรม ไม่ใช่เด็กเรียนแน่นอน เราก็จอยๆ กับเพื่อน เป็นเด็กปกติทั่วไป ไม่ได้เกเรสุด มีโดดเรียนบ้าง”
ตอนเด็กๆ อ้วนมาก?
“ใช่ครับ เราทำกิจกรรมกลางแจ้งเยอะ ทั้งอ้วนและผิวคล้ำ เพื่อนเลยแซวว่าหมูหวาน แต่โชคดีไม่มีใครบูลลี่ผม เราเป็นเด็กกลางๆ ไม่มีใครบูลลี่เราได้ เพราะเราแกล้งเขาก่อน (หัวเราะ)”
ตอนนั้นไปจีบสาว เป็นไง จีบติดมั้ย?
“จีบไม่ติดครับ เป็นเรื่องปกติ เราอ้วนไง คนก็ไม่ได้ชอบเราขนาดนั้น”
ความรักเป็นอย่างไร?
“สถานะตอนนี้ก็ยังปกติอยู่ แต่ก็มีคนคุยบ้าง”
ในหรือนอกวงการ?
“นอกวงการครับ อายุไล่ๆ กัน”
ชอบเขาที่อะไร?
“ขอไม่ตอบครับ (หัวเราะ) พอโตขึ้นเราอยากโฟกัสเรื่องแบบ.. งานก็ส่วนนึง แต่คนที่เข้าใจกันและซัปพอร์ตกันมากกว่า ไม่ต้องหวือหวา”
เข็ดกับคนในวงการ?
“ไม่เกี่ยวครับ ความรักผมไม่เคยโฟกัสว่าจะนอกหรือใน เราโฟกัสคนที่เข้าใจเรา เวลาด้วย เพราะการทำงานของเรามันไม่เป็นเวลา บางทีเราทำงานไม่เป็นเวลา เราทำงานเหนื่อย เราเจอบทละคร ดรามา เราต้องการคนเข้าใจมากกว่า”
คุยกันนานหรือยัง?
“ประมาณ 3-4 เดือนครับ”
หวานแค่ไหน?
“ไม่ค่อยหวาน ฟีลเป็นเพื่อนกันมากกว่า อย่างที่บอกเราต้องการคนเข้าใจและซัพพอร์ตกัน มันก็จะมาในรูปแบบเพื่อนนั่นแหละ”
ประทับใจอะไรเขา?
“ประทับใจที่เหมือนมาเป็นความเข้าใจกัน เป็นความสบายใจกัน ไม่มีอะไรต้องพิเศษเลยครับ พี่พุฒยังไม่เคยเจอ”
เมื่อไหร่เจอ?
“นัดเลยพรุ่งนี้ (หัวเราะ) ก็ไม่ได้เปิดไม่ได้ปิด ถ้าคนเจอผมตามสถานที่ต่างๆ ก็ไปด้วยกันอยู่แล้ว แต่เหมือนให้เวลากับทุกๆ อย่าง”
สเปกของทอยเป็นยังไง?
“ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง (เขินหน้าแดง) เบรกก่อนครับ (หัวเราะ)”