ธัญญ่า อาร์สยาม ขอโทษ 2 ตร.ขายบัตรมวย เหตุเข้าใจผิดเป็นมิจฉาชีพ ยืดเวลาอัพหน้าอก เหตุต้องเว้นให้นมลูก 6 เดือน
จากกรณีที่นักร้องลูกทุ่งสาว ธัญญ่า อาร์สยาม โพสต์คลิปจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นผู้ชาย 2 คน แต่งตัวคล้ายตำรวจ มาขายบัตรมวยการกุศล ราคาบัตรละ 2,000 บาท ก่อนบอกอีกว่าถ้าหากซื้อ 5 ใบ จะได้ขึ้นโลโก้ข้างเวทีมวยด้วย ซึ่งเจ้าตัวได้ซื้อไป 1 ใบ ก่อนจะตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะเป็นมิจฉาชีพหรือไม่?!
ต่อมาทาง “มูลนิธิตำรวจไทย-นานาชาติ” ได้ร่อนจดหมายชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ยืนยันเป็นเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิ และเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นจริง ไม่ใช่มิจฉาชีพ ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุดวันที่ 9 มีนาคม สาวธัญญ่า จัดงานแกรนด์โอเพนนิ่งร้าน Goodboy Riverview ซึ่งทำร่วมกับนักร้องรุ่นพี่ อาร์ เดอะสตาร์ ที่ Goodboy Riverview ถ.สายหัวเตย ต.ท่าอิฐ อ.ปากเกร็ด นนทบุรี พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมอัพเดตชีวิตคุณแม่ลูกหนึ่งที่มีแพลนจะไปอัพหน้าอก รวมถึงให้ความเห็นประเด็นดราม่าร้อนในแวดวงนักร้องลูกทุ่งกับแดนเซอร์ชาย
โดย ธัญญ่า เผยว่า “ก่อนที่จะโพสต์คลิปจากกล้องวงจรปิดอันนั้น อันดับแรกคือหนูได้มีการไปเสิร์ชหาข้อมูลแล้ว เพราะว่าตอนที่ไลฟ์มีพี่ๆ เอฟซีรัวคอมเมนต์กันเข้ามาเยอะมากว่าเขาเป็นมิจฉาชีพ ตอนนั้นก็ยังงงเลยว่าจะเป็นมิจฉาชีพได้ยังไงเพราะไม่เคยเห็นข่าวแบบนี้ ยังเถียงกันกับแฟนคลับอยู่เลย เขาก็เลยส่งข่าวจากหลายๆ ช่องหลักเข้ากรุ๊ปแฟนคลับมาให้ดูว่ามีการแอบอ้างจัดแข่งอะไรการกุศลแบบนี้ แล้วพอไปถามตำรวจในพื้นที่ก็บอกว่าไม่มีการจัดงาน หนูก็เชื่อเลยสิว่าเป็นมิจฉาชีพจริงๆ จนภายหลังมีเพจหนึ่งออกมาชี้แจงว่ามีการจัดงานจริงๆ และไม่ใช่มิจฉาชีพ”
“พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น หนูก็เลยอยากฝากหน่วยงานต่างๆ คือตอนนี้ประชาชนเริ่มเกิดความสับสนแล้วว่าอันไหนมิจฉาชีพ อันไหนตำรวจจริง เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะป้องกันมิจฉาชีพได้ก็คือเวลามีงานให้ประชาสัมพันธ์ผ่านทางโซเชียล หรือผ่านเพจหลักของเจ้าหน้าที่ตำรวจดีกว่าจะได้มีความชัดเจน เพราะว่าในเพจนั้นที่โพสต์แจ้งก็ไม่ได้มีการโพสต์ถึงงานที่มีการไปขายบัตรเลย หนูรู้สึกว่ามันหมดยุคที่จะมาเดินขายบัตรตามห้างร้านอะไรแบบนี้แล้ว วันนั้นโกดังหนูก็เปิดอยู่โกดังเดียว หนูก็เลยมานั่งคิดทบทวนอีกว่าถ้าเป็นตำรวจจริง เขาจะเข้ามาทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ คนที่เข้ามาก็ไม่ได้รู้ด้วยว่าเราเป็นใคร เข้ามาก็ถามหาเจ้าของโกดังเลย”
หลังจากนั้นได้มีการคุยกับทางเพจที่ออกมาชี้แจงด้วยไหม?
“ไม่ได้คุยเลยค่ะ แต่ว่าทางเพจโทรมาหาทางบริษัทอาร์เอสฯ เขาก็มาแจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงๆ ส่วนหนูก็ได้โพสต์ขอโทษผ่านช่องทางโซเชียลแล้ว รวมถึงให้เหตุผลไปแล้วว่าทำไมเราถึงคิดแบบนี้ ถามว่าหลังจากนี้มีความกังวลอะไรไหม ไม่มีค่ะ เอาจริงๆ หนูรู้สึกว่าคนก็คิดเหมือนหนูเยอะว่าต้องเป็นมิจฉาชีพแน่ๆ ในขณะที่อีกหลายคนก็บอกว่าต่อให้เป็นตำรวจจริง แต่การเข้ามาแบบนี้ยังไงคนก็ต้องคิดว่าเป็นมิจฉาชีพอยู่แล้ว มันแยกไม่ออก ถึงได้บอกว่าการทำอะไรแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรแล้ว”
“จากเหตุการณ์นี้ถามว่าหนูรู้สึกผิดไหม หนูรู้สึกผิดกับพี่สองคนนั้นที่มาหาหนูมากกว่า เพราะว่าเขาก็คงต้องทำตามหน้าที่ ด้วยความไม่รู้เราก็ไปคิดว่าเขาเป็นมิจฉาชีพอีก หนูก็ต้องฝากขอโทษพี่ตำรวจสองคนนั้นด้วยค่ะ”
บัตรที่ซื้อมาแล้วได้ลองเอาไปใช้ตามวันเวลาที่แจ้งในบัตรไหม?
“หนูจำไม่ได้ว่างานในวันที่เท่าไหร่ แต่ว่างานมีจริงๆ ค่ะ เพราะเหมือนมีการถ่ายทอดสดผ่านทางช่อง 8 ด้วย ซึ่งหนูได้เช็กกับทางช่องแล้วค่ะ”
อัพเดตชีวิตคุณแม่ลูกหนึ่ง ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
“ชีวิตตอนนี้ก็แฮปปี้ดีเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธุรกิจ หรืองานอื่นๆ ตั้งแต่คลอดลูกมารู้สึกได้เลยว่าทุกอย่างดูสดใส เหมือนลูกให้โชคค่ะ เรียกว่าเป็นช่วงชีวิตที่กราฟขึ้นก็ว่าได้ รู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีแรงที่จะออกไปทำงานทุกวัน กลับมาก็ได้อยู่กับลูก ตอนนี้เชื่อแล้วว่าลูกให้โชคมีจริง เพราะก่อนหน้านี้หนูเคยได้ยินคนบอกว่ามีลูกแล้วจะดีขึ้น แต้หนูไม่เชื่อ คือมันจะเกี่ยวกันได้ยังไง มีลูกยิ่งมีภาระมากกว่า จนมาเจอกับตัวเอง เงินทองไหลมาจริงๆ เราเชื่อว่าเขาเป็นจิตบริสุทธิ์อยู่ก็เลยน่าจะเกี่ยวค่ะ”
“ตอนนี้ลูกอายุ 6 แล้วค่ะ เข้าที่เข้าทางหลายอย่างแล้ว เริ่มกลับมาทำงานแบบเต็มพิกัด แล้วก็แบ่งเวลาให้ลูก ถ้ามีคอนเสิร์ตก็อาจจะไม่ค่อยมีเวลาหน่อย แต่โชคดีว่าคอนเสิร์ตช่วงนี้บางๆ แล้วก็ไลฟ์ขายของอยู่โกดังบ้าง อยู่บ้านบ้าง เวลาที่จะมีให้ลูกก็คือตอนนอนกลางคืนอยู่ด้วยกันตลอด ส่วนตอนช่วงกลางวันที่หนูออกไปทำงานก็จะมีคุณแม่ช่วยดูให้ค่ะ”
เห็นก่อนหน้านี้บอกว่าจะไปทำหน้าอก คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?
“พอดีแอคซิเดนต์นิดหน่อยค่ะ เพราะว่าพอไปถึงแล้วคุณหมอลืมถามว่าไม่ได้ให้นมมากี่เดือนแล้ว คือมันต้องไม่ให้นมมาอย่างน้อย 6 เดือนถึงจะทำได้ แต่หนูหยุดให้มาแค่ 4 เดือน ซึ่งยังเสี่ยงต่อการที่จะมีน้ำนมค้างอยู่ แล้วมันจะทำให้ติดเชื้อได้ เลยต้องยืดระยะเวลาออกไปก่อนคุณหมอถึงจะให้ทำ แต่หนูก็ไม่รู้ว่าพอถึงวันนั้นแล้วจะยังมีฟีลอยากทำอยู่ไหม”
ทำไมถึงอยากไปทำทั้งที่ของเดิมก็มีอยู่แล้ว?
“มีแต่ว่ามันคล้อย หนูก็เลยอยากทำให้มันยกกระชับขึ้น แต่ไม่ได้อยากทำให้ใหญ่ขึ้น ที่ตั้งใจจะทำคือแค่ 100 กว่าซีซีเอง แค่ให้เป็นทรงเท่านั้นเอง สามีก็เห็นด้วยค่ะ ยังบอกให้ทำ 400 ซีซีเลย ทำทั้งทีจะทำเล็กๆ ทำไม อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นคนใช้งานมั้ง(หัวเราะ)”
ถ้าตัดสินใจไปทำจริงๆ ในอนาคตถ้ามีลูกอีกคนนึงมันจะมีผลอะไรไหม?
“คนถามเยอะมาก แล้วก็บอกว่าถ้าจะมีลูกคนที่สองอีกก็อย่าเพิ่งทำ แต่หนูคิดว่าถ้ามีคนที่สองแล้วถ้าทรงมันไม่สวยอีกก็ไปทำใหม่ได้”
ตอนนี้ที่มีกรณีดราม่าเกิดขึ้นเกี่ยวกับการโชว์ของแดนเซอร์ที่เต้นรุนแรง จนนำไปสู่เรื่องราวอะไรต่างๆ?
“หนูก็มีแดนเซอร์ แต่เป็นแดนเซอร์หญิงล้วนค่ะ คืออย่างโชว์ของน้องลำไยเขาเป็นโชว์ที่เล่นสดทุกวัน ต้องมีการฟอร์มทีมจริงจังขึ้นมา แต่ส่วนใหญ่งานของหนูจะเป็นอีเวนต์รถ งานโอท็อป ซึ่งมันจะคนละฟีลกัน เลยไม่ได้จำเป็นมากว่าต้องมีแดนเซอร์ผู้ชาย”
สามีก็ไม่ต้องเป็นห่วงในเรื่องนี้?
“ไม่ได้เป็นห่วงค่ะ เพราะเวลาไปงานเขาก็ไปด้วยตลอด (ตัดปัญหาไปเลย ปลอดภัยไม่มีแดนเซอร์ชาย?) เอาจริงๆ ไม่เกี่ยวกับแดนเซอร์หรือไม่แดนเซอร์หรอกค่ะ หนูว่าถ้าจะนอกใจกันหรือถ้าจะมีคนอื่นก็ได้หมดแหละ ไม่ต้องในวงก็ได้ อันนี้เราพูดกันตามจริงที่มันเคยมีเกิดขึ้น”
ข่าวนี้มันกระทบต่อภาพรวมของคนที่ทำงานในแวดวงนี้ไหม เพราะว่าอาจจะถูกเหมารวมได้?
“ไม่หรอกค่ะ เรื่องแบบนี้มีมานานแล้ว แค่ว่าไม่เป็นข่าวเท่านั้นเอง นักร้องกับนักดนตรี นักร้องกับมือกลอง มีตั้งเยอะตั้งแยะ แล้วก็มีศิลปินหลายคนที่อยู่ในวงการที่มีแฟนเป็นนักดนตรีอยู่กินกันฉันสามีภรรยาเยอะมากๆ ซึ่งหนูคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้ติดว่ากินกันเองในวง ตราบใดถ้าเราไม่ได้ไปทำผิดศีลธรรมอะไร”
แต่เราไม่เคยกิ๊กกั๊กนักดนตรีใช่ไหม?
“คิดก่อนเนาะ(หัวเราะ) ไม่มีๆๆ ค่ะ”