ฮิวโก้ จักรพงษ์ เปิดความสุขในวัย 40 ปี เผยคำพูดที่ทำให้เกลียดที่สุด   

‘ฮิวโก้ จักรพงษ์’ เปิดความสุขในวัย 40 ปี เผยคำพูดที่ทำให้เกลียดที่สุด   

นับว่าอยู่ในวงการมานานกว่า 20 ปีแล้ว สำหรับศิลปินและนักแสดงมาดเซอร์ ฮิวโก้ จักรพงษ์ ที่ล่าสุดได้มาเปิดใจในรายกร WOODY FM เผยมุมมองต่อวงการบันเทิง การเป็นศิลปินที่ครั้งหนึ่งเคยรู้สึกหมดไฟ พร้อมเผยคำพูดที่เจ้าตัวเกลียดที่สุด?

ได้มีโอกาสเห็นชีวิตของฮิวโก้น่าจะ 20 กว่าปีแล้ว ตั้งแต่เป็นคนในวงการ เป็นศิลปิน เป็นคุณพ่อ และตอนนี้ก็มาเป็นนักแสดง คิดว่าสิ่งที่เราเห็นถึงความงดงามในชีวิตวันนี้คืออะไร?

“มันก็คือผลของความสัมพันธ์ทั้งนั้นแหละ ชีวิตผมมันไม่ได้เป็นผลของหลักการอะไรหรอก หรือแม้แต่อุดมการณ์สักเท่าไหร่ ส่วนมากมันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ก็เหมือนกับหนังเรื่องนี้ที่ผมกับ เป้ อารักษ์ คลุกคลีกันมา 10 ปี จนกระทั่งมันก็บารมีระหว่างกัน มันพอที่จะเรียกร้องอะไรกันได้ ผมก็เรียกเขามาเป็นแขกในคอนเสิร์ต เขาก็ให้ผมไปเป็นโปรดิวซ์อัลบั้มเขาบ้าง เป็นเรื่องปกติของพรรคพวก ผมไม่มีเพื่อนที่ไม่ร่วมงานด้วย ไม่ได้มีสังคมอะไรนอกเหนือจากครอบครัวกับงาน เพราะว่าผมทำงาน วงผมก็เป็นสังคมของผม หรืออยู่ในกองถ่ายก็เหมือนอยู่กับคนที่รู้จัก ชีวิตผมอยู่ได้ด้วยความสัมพันธ์”

ADVERTISMENT

แล้วเป็นคนที่ค่อนข้างเปิดไหม?

“ไม่ เพราะว่าถ้าเปิดภาระจะตามมา เพราะว่าถ้าคุณสนิทกับผมปุ๊บ คุณเรียกร้องสิทธิอะไรจากผมได้เยอะมากไง ผมเลยจะไม่ค่อยให้คนเข้ามา เพราะเดี๋ยวผมจะยุ่ง”

ADVERTISMENT

เราเห็นแต่ละคนที่เติบโตกับกาลเวลา ก็ได้มีโอกาสทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ?

“ก็ต้องอย่างนั้น เพราะว่าจริงๆ ถ้าเราพูดถึงวงการบันเทิง มันไม่ใช่ไฟลต์บังคับนะ ไม่มีใครมาบังคับให้เต้นกินรำกิน ทำทั้งทีก็ควรจะทำในสิ่งที่ตัวเองว่าดี เราเองก็เริ่มรู้สึกว่าเรามีหน้าที่ต่อ อย่างผู้ชมเราหลักๆ ก็คือแฟนเพลง รู้สึกว่าเรามีความรับผิดชอบต่อกัน มันเป็นความสัมพันธ์อีกแบบหนึ่งด้วย ที่บางทีก็ดูสนิท สำหรับผมสนิทสนมพอๆ กับญาติเลยนะ แต่มันเป็นอีกแบบหนึ่งที่เหมือนมันไปทางเดียวกัน เราจะส่งเพลงไปให้เขา แล้วเขาก็จะส่งกำลังใจบ้าง เชียร์บ้าง หรือทำให้เรามีงานทำ แล้วผมมองทุกอย่างเป็นความสัมพันธ์ ไม่ได้มองเรื่องพวกนี้เป็นวิทยาศาสตร์หรือเป็นหลักการ บางทีพอคนมาปรึกษา ก็ให้คำปรึกษาลำบากเหมือนกัน เพราะว่าคนเราโอกาสกับโชค โอกาสที่ได้เจอคน มันจะสำคัญกว่าพรสวรรค์หรือฝีมือ ผมรู้จักคนที่เก่งกว่าผมเยอะมากเลยที่ไปไม่ถึงไหน เพราะว่าไม่มี Relationship หรือว่าผมรู้จักคนที่ไร้พรสวรรค์จริงๆ ไม่ควรจะถึงไหนเลย ไปถึงสุดหอคอยได้เลยเพราะความสัมพันธ์ หรือจะเรียกว่าบางทีถ้ามองในแง่ร้ายก็เป็นเด็กเส้น แต่จริงๆ มันก็คือการบริหารความสัมพันธ์ ยิ่งถ้าไม่ได้เป็นเด็กใหม่ ไม่ได้เนื้อหอมนะยิ่งสำคัญ เพราะว่าเนี่ย 40 กว่าแล้ว แต่ว่าถ้ามันเหมือนประวัติโอเค ไม่มีศัตรู แล้วก็เป็นคนทำงานด้วยง่าย มาตรงเวลา เรื่องความสัมพันธ์มันบริหารง่ายมาก ผมก็เป็นคนที่บริหารง่ายมากแค่คุณมีมารยาทกับผมนิดหนึ่ง ไม่ได้เป็นคนยุ่งยากอย่างที่คนคิด แต่ถ้าเข้ามาผิดวิธีก็ยากที่จะคุยด้วย ถ้าสัมพันธ์มันสนิทอย่างเป้แนะนำเรื่องนี้ ผมไม่ได้อ่านบทเลยผมก็รับแล้ว เพราะรู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ พออ่านบทก็ท้าทายดี ก็สนุกดี แล้วการอยู่กองถ่ายสนุกจะตายมีแต่คนเก่งรอบๆ ด้าน เรียบง่ายดี เพราะปกติผมก็ไม่ได้ไปไหนในการออกกองก็เหมือนได้ไปโซเชียลคลับเลย”

สิ่งที่ทำให้มีความสุขนอกจากครอบครัวและดนตรี มีอะไรที่เราสนใจมากในวัย 40 ไหม?

“พอทำงานก็พยายามชมเชยเรื่องต่างๆ ด้วยไง ไม่ใช่แค่รอเพื่อมาสัมภาษณ์ ผมออกไปบนระเบียง ผมไปถ่ายรูปรถไฟ ไปดูว่าไม่เคยมาตึกนี้ ไหนลองดูสิว่ามีอะไร ทำยังไงก็ตามที่ไหนๆ ก็ต้องไปสักที่หนึ่ง ก็พยายามสนุกกับมัน ไปต่างจังหวัดไปกินข้าวไปดูว่าจังหวัดมีอะไร มีโบราณสถานอะไรให้ดู เพื่อนผมที่อยู่วงซิลลี่ฟูลส์ เขาบอกว่าทำงานยังไงให้เหมือนเที่ยว อันนั้นก็ช่วยได้เยอะ การถ่ายรูป กล้อง ผมจะพกกล้องไป 2-3 ตัว พกเลนส์ส่องนกไป ที่เหลือก็คือกิจวัตรรับส่งสมาชิกในครอบครัวไปที่ต่างๆ มันเป็นความสุขมาก”

ที่ไหนในเมืองไทยที่คุณรู้สึกว่าชอบพลังงานที่นี่จัง?

“ถ้าในเรื่องการเล่นดนตรีตอนนี้นะ คนดูที่ผมหลงใหลที่สุดคือ จังหวัดมหาสารคาม ไปทีไรผมรู้สึกว่ามันเป็นความพอดีระหว่างความแนว ความกระตือรือร้นและความตื่นเต้น ก็คือเป็นคนมีรสนิยมแต่ก็พลังงานสนุกมาก มันทำให้มีความหวังทุกครั้งที่เราไป เพราะเราก็วัดตัวเองจากผู้ชมของเรา รู้สึกว่าผู้ชมเราเป็นยังไงมันก็สะท้อนว่าเราอยู่ตรงไหน แล้วทุกครั้งที่ได้ไปเล่นก็รู้สึกว่าเรายังอยู่ในกระแส ไม่ได้เป็นกระแสหลัก แต่อยู่ในกระแสอะไรสักอย่าง ทำให้เรารู้สึกมีอนาคต”

คำว่า Burned out (หมดไฟ) เคยได้ยินไหม?

“ได้ยินครับ ก็เป็นไปได้นะ แต่มันยังไม่ได้เกิดขึ้นกับผมสักเท่าไหร่ อาจจะเคยเกิดขึ้นช่วงที่ผมอยู่เมืองนอกช่วงหนึ่ง ตอนที่ผมโดนดร็อปจากค่าย แล้วก็ไปเป็นนักแต่งเพลงให้คนอื่น แล้วก็ไปเซสชั่นแล้วเซสชั่นอีก ไม่มีอะไรคืบหน้าเลยประมาณเกือบ 2 ปี แต่นอกจากนั้นผมเป็นคนค่อนข้างโชคดีแล้วก็ไม่ค่อยหลวมตัวไปทำอะไรที่ไม่ควรทำสักเท่าไหร่เพราะว่าเกรงใจแม่ แล้วพอผมไปเข้าวงการที่โน้นผมก็แต่งงานแล้ว ผมจะสร้างกรงให้ตัวเอง แล้วจะได้ไม่ต้องคิด”

คำว่าต้องค้นหา แพชชั่น ที่วันนี้ใช้กัน ของคุณเป็นยังไง ?

“มันไม่น่าต้องค้นหานะ มันน่าจะผุดขึ้นมา ผมน่าจะต้องเอาแพชชั่นมาใส่บังเหียนมากกว่าต้องหามัน แพชชั่นมันมาเต็มๆ อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราจะต้องคิดถึงคนอื่นบ้าง อย่าคิดถึงแต่แพชชั่นตัวเอง คุณไม่ได้อยู่คนเดียว คุณมีพนักงาน คุณมีครอบครัว คุณมีหน้าที่อื่นๆ มีพ่อแม่พี่สาวอะไรเยอะแยะ แค่นี้ผมก็ได้เยอะมากแล้ว โชคดีมากแล้ว ที่ได้ตามเส้นทางที่กำหนดเอง”

The Stone พระแท้ คนเก๊ เข้าฉายวันที่?

“วันที่ 3 เมษายน ครับ เขียนโดยคุณเป้ อารักษ์ เขาไปคลุกคลีอยู่ในวงการพระเครื่องมาเกือบ 4-5 ปีแล้ว กว่าจะเขียนบทเรื่องนี้ เนื้อหาเกี่ยวกับการไล่ล่าพระสมเด็จองค์หนึ่ง ซึ่งแท้ไม่แท้ก็ไม่รู้ แต่คนรอบข้างมีเก๊แน่ เป็นหนังไล่ล่าสิ่งของอันนี้ นอกจากจะต้องพิสูจน์ว่าพระแท้หรือไม่แท้คนนี่แหละตัวน่ากลัว”

อยากเห็นแล้วว่าน้องเขามีแพชชั่นขนาดไหนกับหนังเรื่องนี้?

“ประสบการณ์เขาเยอะมาก ผมไม่รู้ว่าเขาเล่นหนังมากี่เรื่อง ตั้งแต่ผมกลับมาจากเมืองนอก ตอนที่ผมไปอยู่นิวยอร์กสักพักหนึ่งแล้วกลับมาเขาดังแล้ว เห็นเขาเล่นหนังเล่นละครปีหนึ่งไม่รู้กี่เรื่อง ประสบการณ์ในกองถ่ายค่อนข้างไว้ใจได้ ค่อนข้างสบายใจและก็ไม่ได้กดดันอะไร”

เราดีใจแทนกับคนที่ได้ทำในสิ่งที่เขาทำเต็มที่?

“ต้องอย่าหยุด ต้องห้ามเลิก ต้องทำให้ได้ถึง 10 ปีแล้วเดี๋ยวจะรู้ แล้วถ้าทำไม่ได้ 10 แล้วยังรักมันอยู่ก็แสดงว่าเดี๋ยวคุณอยู่ได้อีก 10 ปี ในทุก 10 ปีก็ต้องมาเช็กอาการ แต่มันใช้เวลานานมาก อย่างน้อย 10 ปีไม่ว่าจะเป็นดนตรีหรืออะไรก็ตามกว่าที่จะเชี่ยวชาญ กว่าที่คนจะรู้จัก บางทีผมทำอัลบั้มออกมา 5 ปีกว่าคนจะมาเจอ นี่ขนาดแฟนเพลงแล้วนะ พี่เมื่อไหร่จะทำเพลงอีก พี่เมื่อไหร่จะเล่นหนัง เราก็เล่นไปแล้วอะไรแบบนี้ คือตอนนี้เรากำลังต่อสู้สำหรับสมาธิการเอาใจใส่ของทุกคนอยู่ แล้วมันมีคอนเทนต์เต็มไปหมด กว่าจะโผล่ได้มันใช้เวลา กว่าจะมาถึงตรงนี้มันนานมาก คุณต้องคิดว่าก่อนที่คุณเห็นเขามันเกิดอะไรขึ้น คำพูดที่ผมเกลียดที่สุดคือ..พี่หายไปไหนมา แบบคุณหมายความว่ายังไง จะให้ผมรู้สึกยังไง ให้บอกว่าผมตกงานมาเหรอ เปล่า! ผมกำลังทำโน่นทำนี่อยู่ คุณน่ะไม่หาเอง เหมือนเป็นความผิดผมว่าหายไปไหน ผมไม่ได้หาย คุณน่ะไม่หา”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image