จากนางเอกสู่นางร้าย จอย รินลณี เปิดเรื่องรักและความสุขที่เรียบง่าย

จากนางเอกสู่นางร้าย จอย รินลณี เปิดเรื่องรักและความสุขที่เรียบง่าย

อยู่ในวงการมายาวนานกว่า 25 ปี สำหรับ นางเอกสาว จอย รินลณี ศรีเพ็ญ ที่ล่าสุดก็กำลังมีผลงานละคร ‘คุณพี่เจ้าขาดิฉันเป็นห่านไม่ใช่หงส์’ ออกอากาศอยู่ในขณะนี้ทางช่อง 3 ซึ่งล่าสุดเจ้าตัวก็ได้มาพูดคุยเปิดใจกับ ‘มติชน’ พาย้อนอดีตบอกเล่าเรื่องความความเป็นมาของ จอย รินลณี นางเอกที่แฟนๆ ละครรักและชื่นชมในฝีมือมาโดยตลอด

“จอยเข้าวงการมาตั้งแต่อายุประมาณ 18 ค่ะ ช่วงเข้ามหาวิทยาลัยพอดี”

ซึ่งจริงๆ เป็นคนที่ไม่ได้มีความฝันว่าอยากเป็นนักแสดงหรือมีอาชีพในวงการบันเทิงอยู่ในหัวเลย “จุดเริ่มต้นมันเริ่มจากที่ขี่จักรยานอยู่ในหมู่บ้าน แล้วพี่อาร์ต (อารยา อินทิรา) เป็นคนเจอ พี่อาร์ตเรียนศิลปากรตอนนั้นทำโปรเจกต์จบ เขาก็บอกว่าไปถ่ายรูปให้พี่หน่อย ก็ไปขอแม่”

ADVERTISMENT

“แล้วก็เริ่มชวนไปเดินแฟชั่นโชว์ ก็เจอกับโมเดลลิ่ง เขาก็ให้ไปแคสโฆษณา ก็ได้งานโฆษณา เดินแบบ ถ่ายแบบมาเรื่อยๆ แล้วพี่ไก่ (วรายุฑ มิลินทจินดา) ก็เรียกเข้าไปแคส เพราะตอนนั้นหานางเอกบ้านทรายทองอยู่ ก็แคสได้ แล้วได้เล่น”

“คือทุกอย่างมันเป็นจังหวะ เหมือนเป็นคนที่โชคดีที่มีคนมาชวนให้ทำ แต่ไม่ใช่คนที่เหมือนเดินเข้าไปแล้วอยากทำแบบนี้ จอยรู้สึกว่าจอยเป็นคนโชคดีที่มีคนให้โอกาสมาได้เรื่อยๆ ในการทำงาน”

ADVERTISMENT

“แต่โชคดีที่เราทำไปสักพักนึง เรารักในสิ่งที่เราทำจริงๆ”

กับการก้าวเข้ามาเป็นนางเอกน้องใหม่ แต่ก็ดังเปรี้ยงตั้งแต่เรื่องแรกนั้น จอย ก็เล่าว่า

“เรื่องแรกคือเรื่องกัลปังหา พี่ไก่ก็ส่งไปเรียนเยอะมาก ส่งไปเรียนแอคติ้ง เรียนการแสดง เรียนดำน้ำ ขี่ม้า ร้องเพลง เยอะไปหมดเลย พี่ไก่เขาเหมือนแม่ ส่งเราเรียนทุกอย่าง แต่เรารู้สึกว่าเราทำได้ไม่ดีเลยสักอย่าง” เล่าพลางหัวเราะ

“จำได้ว่าตอนนั้นเหนื่อยมาก เราเรียนการเงินจะเรียนหนัก ลำพังต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้วต้องไปทำงาน เพราะทำงานเสร็จก็ต้องตื่นไปเรียน แล้วก็ต้องไปทำงาน มันเป็นลูปแบบนี้ ตั้งแต่ปี 1 ถึงปี 4 และเราก็เป็นคนซีเรียสในเรื่องเรียนด้วย การเรียนของเราก็ต้องเกรดดี ทำอย่างนี้ควบคู่กันไป จนเรียนจบ ก็รู้สึกว่าเราทำงานได้เต็มที่ มันก็เลยทุ่มกับการทำงานได้อย่างเต็มที่”

จากบทนางเอก สู่ นางร้ายมากฝีมือ “จอยว่ามันคงเป็นด้วยจังหวะ ด้วยน้ำเสียงของจอย เอาจริงๆ จอยไม่ใช่คนที่เสียงซอฟต์ หรือหน้าจอยไม่ได้เป็นคนที่น่าสงสาร ยิ่งตอนจอยเด็กหน้าจอยจะตาชี้ๆ หน้าจะดูเป็นคนดูวีน ดูเหวี่ยงมากกว่าที่จะน่าสงสาร”

ซึ่งพอได้มาเล่นบทร้ายก็รู้สึกชอบ เพราะรู้สึกว่ามันแสดงออกได้เยอะ ไม่ต้องร้องไห้ และโดยธรรมชาติคาแรกเตอร์ตัวเองก็เป็นคนที่ไม่ค่อยยอมแพ้อยู่แล้ว

“จอยรู้สึกว่ามันได้ใจ แต่ว่าจอยไม่เคยรู้สึกว่าเขาเป็นตัวร้าย คนอาจจะมองว่าเขาเป็นตัวร้าย แต่จอยมีความรู้สึกว่ามองดีๆ เขาโดนกระทำนะ เขาแค่รักษาสิทธิ์ของตัวเอง บางทีเขาถูกแย่งแฟนก่อนอ่ะ”

“แต่ว่าจอยไม่เคยมองว่าตัวเองจะเป็นนางเอก เป็นนางร้าย หรือเป็นอะไรทั้งนั้น จอยรู้สึกว่าเราเป็นนักแสดงที่เราจะแสดงอะไรก็ได้ ขอแค่เรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำแค่นั้นก็พอแล้ว”

แม้ว่าจะผ่านระยะเวลามานานกว่า 25 ปี แต่ จอย รินลณี ก็บอกว่า ยังไม่รู้สึกอิ่มตัวกับการแสดง ยังคงตื่นเต้นทุกครั้งที่เข้ากองละคร ยังเรียนรู้วิธีการทำงานของแต่ละทีมที่ได้เจออยู่ตลอด

“แต่ตอนนี้จอยมีความรู้สึกว่าเรามีเวลาในการใช้ชีวิตมากขึ้น ถ้าเราไม่ทำงานเราก็จะไปเที่ยว ไปออกกำลังกาย ไปใช้ชีวิต อยู่กับที่บ้าน ปลูกผักทำกับข้าว มันได้ทำในสิ่งที่เมื่อก่อนเราไม่ได้ทำ เพราะเราไม่มีเวลาที่จะทำมัน”

ด้วยเพราะเมื่อก่อนนั้น มีช่วงที่รับงานหนักมาก ทั้งถ่ายละคร เดินแบบ ซึ่งมีบางวันต้องวิ่งงาน ซ้อน 2-3 งาน จนโดนแซวว่าทำงานใช้หนี้หรือเปล่า

“ก็ทำให้เราก็รู้สึกว่าเราไม่ได้มีหนี้ เอาประมาณนึงก็ได้ ไม่เห็นจะต้องขนาดนั้นเลย ก็เลยรู้สึกว่าทำอะไรที่อยากทำก็พอแล้ว ทำเท่าที่เราอยากทำ ทำเท่าที่เราสนุกและรักที่จะทำ”

“จอยทำงานตั้งแต่อายุ 18 เพราะฉะนั้นมันไม่แปลกถ้าสมมุติเราในวัยเท่านี้เราจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขบ้าง ถ้าเราแก่ไปกว่านี้ เราคงเที่ยวไม่สนุกแล้ว เพราะฉะนั้นมันก็จะเป็นวัยที่ดูแลตัวเองแล้วก็เที่ยว”

ทั้งนี้เมื่อถามเรื่องความรัก นางเอกสาวก็ว่า “จอยรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนั้นสำหรับจอย ก็แฮปปี้ดีไม่รู้สึกว่าขาดอะไร หรือรู้สึกมันต้องมี เพราะจอยก็ไม่เคยว่ามันสำคัญว่ามันไม่ได้มีนานขนาดไหน ก็เลยไม่รู้จะพูดอะไรกับความรัก”

“แต่ถ้าถามว่าตอนนี้มีไหม ความรักในแง่ชู้สาว ไม่มีค่ะ”

กับความรักในแบบของจอยนั้น เจ้าตัวก็ว่า ยังมองว่าความรักเป็นเรื่องที่ดีและสวยงามอยู่แล้ว แต่กระนั้น มันก็จะมีสองด้านเสมอ

“มันมีทั้งสุข ทั้งทุกข์ จอยคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าใจเลยคือไม่ต้องพูด จอยรู้สึกว่าความรักมันมาคู่กับความทุกข์ แล้วก็ความสุข”

“แต่จอยเป็นคนที่ชอบความเสถียรที่มันไม่ได้เป็นกราฟขึ้นลง มันไม่ได้ทำให้ใจมันเหวี่ยงที่จะทุกข์หรือว่าสุขมากๆ มันก็จะอยู่ในความที่ชิล เลยรู้สึกว่าจอยโอเคที่จะอยู่กับครอบครัว อยู่กับตัวเอง คือจะเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง และก็รักคนรอบข้างโดยที่ไม่ได้รู้สึกว่าขาดความรักของการมีแฟนแล้วมันเป็นยังไง”

ทั้งนี้เมื่อถามถึงเคล็ดลับของจอย กับการใช้ชีวิต จอย รินลณี ก็ว่า “จอยรู้สึกว่าจอยเป็นคนที่สุขง่าย”

“คือความสุขของจอยไม่ได้เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ ไม่ต้องมีเงินร้อยล้าน พันล้านแล้วฉันจะมีความสุข ไม่ใช่ว่าฉันมีรถยี่ห้อนี้และฉันจะมีความสุข ไม่ใช่ว่าฉันถึงจุดสูงสุดของอาชีพและฉันจะมีความสุข ฉะนั้นจอยจะมีความสุขกับสิ่งง่ายๆ จอยเลยรู้สึกว่าชีวิตจะมีความสุข”

“แต่สิ่งหนึ่งที่ถ้าถามจอย จอยชอบเป็นคนที่คิดว่าวันนี้โชคดีจัง จอยชอบบอกเพื่อน เพื่อนคิดว่าทำไมตัวเองเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความสุขเลย จอยบอกว่าลองแบบนี้ไหม ลองหาเรื่องโชคดีของทุกๆ วัน เช่น ไปเข้าห้องน้ำสาธารณะแล้วมันสะอาดมาก จอยก็ถือว่าโชคดีมาก เปิดมาแล้วไม่เจออะไร แค่นี้จอยก็ถือว่ามันเป็นเรื่องโชคดีแล้ว หรือว่าจอยลืมของเอาไว้ กระเป๋าตังค์หาย แล้ว แต่มันยังเหลือของ เราก็คิดว่าโชคดีจังเลยที่เขาไม่เอาบัตรประชาชนไป มันเลยทำให้จอยสุขง่าย”

“จอยชอบคิดว่าเราหาเรื่องโชคดีง่ายๆ ของเราสักวันละ 5 เรื่อง มันก็เลย เห็นคุณค่ากับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่ตื่นมา แล้วจอยอุ้มลูกหมามากอด จอยก็รู้สึกว่ามันสุขมากแล้ว มันยิ้ม มันหัวเราะ มันแฮปปี้แค่นั้นเอง”

“จอยไม่รู้ว่าความสุขของคนอื่นเป็นยังไง แต่ความสุขของจอยมันเรียบง่ายมาก”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image