เพชร แฟน มายด์ เปิดไทม์ไลน์ตามเช็ค จนโป๊ะเจอ โตโน่ นักร้องดังยันจบเรื่องนี้แล้ว
ยังเป็นประเด็นร้อนที่ล่าสุด เพชร แฟนหนุ่มของ มายด์ ผู้ช่วยผู้จัดการคนสวยของ นักร้องดัง โตโน่ ภาคิน ที่มีประเด็นเรื่องชู้สาวกันเกิดขึ้นได้มาพูดคุยเปิดเรื่องราวผ่านรายการ โหนกระแส โดยได้บอกเล่าว่า
จุดเริ่มต้นที่ผมยังไม่รู้อะไร จริงๆ เขาเจอกันตั้งแต่ช่วงต้นปีที่แล้ว เขาไปเจอกันที่งานอีเวนต์นึง แฟนผมเป็นพิธีกร แล้วนักร้องชายเป็นแขกรับเชิญ วันนั้นผมไปส่งเขาเอง ไปเก็บฟุตเทจของเขาเอง ไปเก็บผลงานให้เขา ซึ่งหลังจากวันนั้นผมจำไม่ได้ว่า 1 หรือ 2 วัน ทางนักร้องชายดีเอ็มมาหาแฟนผม คุยเรื่องงาน (2 มีนาคม 2567) มายด์เขาก็ให้ผมอ่าน ว่าน้องมายด์สนใจทำงานเกี่ยวกับต่อบทไหม ซึ่งตอนนั้นมายด์ยังไม่ว่างเลยไม่ได้ไปทำงานด้วย ตอนนั้นเราก็ดีใจที่มายด์จะมีงานทำที่เขาชอบ เพราะเขาเรียนด้านนี้มาก็คิดว่าเป็นโอกาสที่ดี เขาก็ทักมาเรื่อยๆ แต่ไม่มีเชิงชู้สาวเท่าที่ผมรู้ มาแซวเรื่องบอลมั่ง
จนช่วงกลางเดือนมกราคมปีนี้ มายด์ก็ปรึกษาผมว่าจะทำงานเป็นคอนแทคระยะยาวกับทางผู้จัดการ ตำแหน่งผู้ช่วย ไปเป็นเลขา หรือว่าจะไปแคสต์มอเตอร์โชว์ ซึ่งผมก็บอกว่ามอเตอร์โชว์มันมีปีนึงแค่ 1-2 ครั้ง แต่ถ้าเราได้คอนแทคนักร้องคนนี้ไปเขาระยะยาวกว่า
ทั้งนี้ หนุ่ม กรรชัย ได้กล่าวว่าเรายินดีถ้าทางโตโน่จะชี้แจงในมุมของตัวเอง และเมื่อช่วงเช้า เมษ์ (ผจก.ส่วนตัว โตโน่) ได้ส่งข้อความมาหาผมบอกว่า จริงๆ แล้วโตโน่เขาถือว่าจบแล้วกับเรื่องนี้ ส่วนในมุมของสื่อจะไปเปิดไปแฉอะไรก็เป็นสิทธิ์ของสื่อ เขาเข้าใจ แต่อยากให้เข้าใจในมุมของเขา เพชร กับ มายด์ เขาขอไม่เกี่ยวข้องแล้ว ส่วนในมุมของโตโน่กับณิชา มันเป็นสิทธิ์ของเขาสองคน ผมก็ตอบไปว่าผมไม่ก้าวล่วง ณิชากับโตโน่ อยู่แล้ว จะไปให้โอกาสกันหรือเปล่าเราไม่เกี่ยว แต่ประเด็นคือ เพชร ก็มีสิทธิ์ที่จะชี้แจง มายด์ก็มีสิทธิ์ที่จะชี้แจง ส่วนคนที่จะตัดสินคือคนที่ดู เราเลยอยากจะบอกว่าถ้าเมย์ดูอยู่ ตรงไหนไม่ตรงกับข้อเท็จจริงเมษ์ติดต่อมาได้ พูดแทนโตโน่ก็ได้ มันจะได้เคลียร์ไปส่วนนึง เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเมษ์เป็นคนหาน้องมายด์มาเอง
กับกรณีที่ออกมาแฉแฟนนั้นก็ถูกชาวเน็ตบางคนมองว่าไม่แมน ทั้งนี้ เพชร ก็ว่า ผมไม่ได้ออกมาแฉ ที่ผมออกมาหนึ่งเลยคือต้องการปกป้องตัวเอง และอีกเรื่องนึงคือต้องการมาเล่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แล้วเรื่องคลิปก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะปล่อยออกมา วันนี้ที่มาออกรายการ ไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร จุดเริ่มต้นวันที่จับได้รู้ความจริง ผมแค่ต้องการให้ตัวเองรู้ความจริงก่อน แล้วทางแฟนของฝ่ายชายควรได้รู้ความจริงที่เกิดขึ้น
เมื่อถูกถามว่า จากมีนาคม 67 จนถึง มกราคม 68 มั่นใจได้ยังไงว่าเขาไม่ได้คุยกันเลย? เพชร ก็ได้ตอบว่า “จริงๆ เขาคุยกันครับ เขาติดต่อกันมาเรื่อยๆ แต่ผมก็จะรู้มายด์เล่าให้ฟัง มีเรื่องคุยตลอด จนมกราคมเหมือนขาดตำแหน่งอะไร ผมคิดเอาเองนะว่ามายด์จะช่วยได้หรือถนัดก็เลยทักมาชวนอีกรอบนึง แล้วก็อย่างที่เล่า ผมก็บอกเขาไปงานนี้มันเผื่อเธอไปต่อยอดเป็นผู้จัดการดาราในอนาคต เขาปรึกษาผมก็แนะนำว่าไปทำกับดาราดีกว่า ก็ไปเริ่มไปทำงานแรกเกี่ยวกับงานเกษตรแฟร์ ไปออกบูธของสโมสรที่ดาราเป็นคนดูแล ก็จ้างเป็นจ็อบๆ ก่อน แล้วก็นัดไปคุยอีกรอบ คราวนี้เป็นงานที่ทำระยะยาวว่าจะให้ไปช่วยตรงนี้ๆๆ เหมือนผู้ช่วยผู้จัดการไปเลย ที่ผมเชื่อว่าตอนแรกๆ ไม่ได้มีอะไร เพราะมายด์ทุกวันที่ไปทำงานกลับมาเขาก็จะเล่าให้ผมฟังเป็นปกติ เขาก็บอกว่า สโมสรต้องการคนช่วยอีกหลายตำแหน่งเลยแล้วเขาเห็นว่างานที่ผมทำอยู่มันเครียด ถ้าเขาทำงานแล้วเริ่มสนิทกับดาราและผู้จัดการจะขอให้ผมไปทำงานด้วย ผมเลยเชื่อว่าช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ ยังไม่มีอะไรแน่นอน”
เขาไปเริ่มงานไม่กี่อาทิตย์มีนักฟุตบอลคนนึงกัปตันทีมก็เข้ามาในทำนองมาจีบ เขาก็เล่าให้ผมฟัง ผมก็ถามว่า เธอไม่ได้บอกหรอว่ามีแฟน ทางมายด์ก็ตอบมาว่าจนิงๆ ก็คุยเล่นๆ กับพวกพี่ๆ คนที่สโมสรว่าเขามีแฟนนะ เขาคุยเป็นพี่เป็นน้องได้แต่เขาไม่ได้ชอบพี่นักบอลคนนี้ เขาก็มาเล่าให้ฟัง เขาซื้อของให้ ซื้อน้ำมาให้คนเดียว ประมาณนั้น แล้วก็วันวาเลนไทน์เขากลับมาคอนโดพร้อมกับดอกกุหลาบช่อเบ้อเร้อกับตุ๊กตาตัวนึง ผมก็ถามว่าของใคร ก็พี่กัปตันเจ้าเดิมฝากแมสเซนเจอร์มาให้ แต่ผมไม่รู้หรอกว่าจริงๆ กุหลาบนี้มันเป็นของใคร ผมก็ไม่พอใจเอากุหลาบไปทิ้ง เขารู้แหละว่าผมไม่โอเค
ที่ผมเริ่มรู้สึกว่ามายด์แปลกๆ คือช่วงกลางเดือนมีนาคม ระยะเวลาที่ทะเลาะกันมามีทะเลาะกันบ้าง เขาเคยบอกเลิกผม ล่าสุดช่วงเดือนพฤศจิกา 67 ทะเลาะกันหนัก และเขาบอกเลิกผม ผมก็ง้อแล้วก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง ผมยอมรับว่าไม่ค่อยได้ใส่ใจเขา แต่เราไม่เคยมีการตกลงกันว่าเราจะเลิกกัน ไม่มีการตกลงว่าจะเอาใครคนใหม่เข้ามา ยังใช้คำว่าแฟนกับเขา ในมุมผมนะจนถึงวันที่จับเขาได้ เมื่อวันที่ 6 เมษายน ที่ผ่านมา วันที่ 29 ธันวาคม 67 มายด์ยังลงสตอรี่ครบรอบ 7 ปี แล้วผมก็รีพลายมา
มาจับได้จริงจังคือวันที่ 6 เมษายน ที่ผ่านมา ย้อนกลับไปช่วงวันที่ 3-4 เมษายน ช่วงที่ผมรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของผมถึงจุดที่แฟนผมเริ่มที่จะไม่มีใจกับผมแล้วจริงๆ วันนั้นเขาว่างจากงานที่ไปทำกับนักร้องแล้วกลับมาหาผมที่คอนโด วันที่ 2 วันเกิดแม่ผมเขากลับมากินข้าวกับแม่ผม แล้ววันที่ 3 เราคุยกันผมถามเขาว่าทำไมเธอไม่เหมือนเดิม ผมเห็นว่าสตอรี่ไอจีเขามันมีการแชร์ที่ไม่ใช่ผม ปกติเขาชอบแชร์คำคมที่มันสื่อความหมาย แต่ว่าพอผมอ่านแล้วมันไม่ใช่ผม เลยถามเขาว่าเธอมีใครเข้ามาไหม เขาบอกว่าไม่มีแค่เหนื่อยๆ จากงาน ที่ไม่ค่อยกลับมาเพราะมันต้องขับรถไปๆ กลับๆ พอดีว่าคอนโดตรงพระราม9 มันใกล้กับบ้านผู้จัดการและดาราคนนี้มากกว่า ผมเลยบอกเขาว่าถ้าไม่มีใครจริงๆ ขอเช็คโทรศัพท์หน่อย เขาก็ยื่นให้ผมดูเลยนะ แล้วผมก็เลยขอเอาโทรศัพท์เขาไปเช็คในสิ่งที่เขาลบไปด้วย คือผมแค่ต้องการดูปฎิกิริยาเขา คือเขาหลุดไปเลย บอกว่าถ้าจะดูขนาดนั้นไม่ไว้ใจกันหรือเปล่า ดูได้แต่เขาจะจบเลยนะ คือผมไม่รู้ว่าเขาหมายความว่าจะจบความสัมพันธ์กับผมหรืออะไร แต่ผมมั่นใจแล้วว่ามันต้องมีสิ่งที่เขาไม่อยากให้ดู แต่ผมก็ไม่ได้เอามาดู
ถามว่าคิดว่านักร้องรู้ไหมว่ามายด์มีแฟน เพชร ก็ว่า จากที่ผมคุยกับมายด์มาตลอด ผมคิดว่าเขารู้เรื่องของผมตั้งแต่แรกๆ แล้วที่มายด์เข้าไปทำงาน เคยมีไม่แน่ใจว่าแม่ของผู้จัดการหรือดารา ฝากขนมมายด์มาให้ผมชิม ผมก็ยังพิมไปบอกมายด์ว่ามะม่วงกวนอร่อยมากเลยฝากบอกพี่เขาด้วย บริบทพวกนี้ผมเลยคิดว่าพวกเขาต้องรู้ว่ามายด์มีแฟนอยู่แล้ว
หลังจากนั้นผมก็บอกเลิกเขา (4 เมษายน) เขาไม่ให้ดูโทรศัพท์ก็คิดว่าเขามีใครเข้ามาแล้วแน่ๆ ตอนผมส่งประโยคบอกเลิกไปมายด์ก็ยังตอบผมกลับมาว่า เรายังไม่ได้คุยได้เคลียร์กันเลยจะจบกันแบบนี้หรอ ผมเลยพิมพ์กลับไปว่า โอเคถ้าเธอว่าๆ เรามาคุยกัน แล้วก็นัดจะคุยกันในวันที่ 6 ที่คอนโดผม ซึ่งเราก็ยังมีการคุยกันตามปกติ แล้วที่มันเริ่มแปลกคือช่วงประมาณสัก 3-4 ทุ่ม ผมมี find my iPhone เขามานานมากแล้ว เลยเข้าไปดู มายด์บอกผมว่าตอนนี้อยู่ร้านข้าว
พร้อมเปิดแชตที่พูดคุยกับมายด์ในช่วงคืนวันที่ 5 เมษายน ที่เพชรเช็คแล้วขึ้นโลเกชั่นมายด์ว่าอยู่ที่คอนโดพระราม9 ตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืน ตอนนั้นยังไม่ได้คิดว่าเขาจะไปทำอะไรไม่ดี แค่สงสัยว่าแปลกๆ แต่มายด์บอกว่ากินข้าวอยู่ พอตีหนึ่งกว่าผมก็เช็คอีกว่ายังไม่ถึงอีกหรอ ตอนนี้ผมนั่งแท็กซี่กำลังจะไปถึงคอนโดแล้ว 01.50 ผมก็ถึงแล้วก็โทรไปหาเขา เขาไลน์บอกเคลียร์ของอยู่ ผมไม่ได้บอกว่ารอเขาอยู่ข้างล่าง ไปถึงก็เห็นรถจอดอยู่ที่คอนโด ตอนนั้นใจหล่นเลยผมคิดว่าออกได้ 2 อย่าง ถ้าผมไปแล้วไม่มีอะไรเขาก็ต้องลงมาข้างล่างคนเดียว เพราะผมรู้ว่าคอนโดนี้มันมีคีย์การ์ดอันเดียว คีย์การ์ดต้องแตะลิฟท์ระบุชั้น ถ้ามีใครเขาต้องลงมาส่งหรือถ้าเขายังไงผมต้องได้เห็นแน่ ถ้าเขามีนะครับ
ผมก็นั่งรออยู่ตรงล็อบบี้ มั่นใจว่าเขาต้องลงเพราะเขานัดว่า ตี3 ต้องมาถึงคอนโดผม สรุปเขาลงมาตอน 02.30 น. เขามาถึงจากที่เช็คคือเที่ยงคืนกว่า แสดงว่าเขาขึ้นไปกันเกือบ 3 ชั่วโมง ผมไม่ได้ตัดสินว่าเขาทำอะไรกันนะครับ แต่ว่าเขาลงมาพฤติกรรมเป็นแบบนี้ ผมตกใจเพราะไม่ได้คิดว่าเป็นคนนี้ ตอนนั้นผมสับสนคิดหลายอย่างว่ามาทำอะไร มาเอาของหรือเพิ่งมาถึง แต่มันก็ขัดกับสิ่งที่ผมเช็คอยู่ พอลงมาคนที่หันมาเห็นผมก่อนคือแฟนผม ก็ตกใจแต่ไม่ได้พูดอะไร นักร้องก็หันมามองผมแบบหางตา แล้วก็เดินออกล็อบบี้ไปด้วยกัน ผมก็เรียกชื่อแฟนผม พฤติกรรมคือเขานิ่งๆ ผมไม่รู้นะว่าเขาคิดอะไร แต่เดินไปนิ่งๆ ผมก็วิ่งตามไปหน้าคอนโด แต่เขาพอก็ขึ้นรถแล้วขับออกไปเลย
แล้วผมก็พิมพ์ไปว่า อะไรอ่ะมายด์ ที่บอกว่าเห็นแชตหมดแล้วผมไม่ได้เห็นอะไรนะ แค่ต้องขู่ให้เขาสารภาพความจริงกับผม เพราะผมถามแล้วว่ามีใครเข้ามาไหม เขาบอกว่าแค่เหนื่อย ผมแค่ไม่อยากโดนหลอกอีกแล้ว ผมก็ทำอะไรก็ได้ให้รู้ความจริงก็เลยพิมไปแบบนั้น ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเขาก็ขับรถมารับผม แล้วก็สารภาพทั้งหมด เริ่มความสัมพันธ์ยังไง ใครเริ่มก่อน มายด์ก็บอกว่าทางฝ่ายชายเริ่มก่อน แฟนเขาล่ะ
หลายคนบอกทำไมผมไม่โทษแฟนตัวเองบ้างล่ะ ทำไมผมจะไม่โทษ เพราะคนแรกที่ทำให้ผมเสียใจและรู้สึกว่าโดนหักหลังคือแฟนผมนี่แหละ แค่ตแนที่ผมด่าว่าเขาทุกคนไม่ได้เห็นกัน ผมไม่ได้บอกว่าเขาไม่ผิดเลย ผิดทั้งคู่แหละ เพราะต่างหลอกคนของตัวเองมา สิ่งที่ผมอัดเสียงประเด็นแรกคืออยากให้เขาเล่าความจริง แล้วก่อนที่เรื่องนี้จะเป็นข่าวดังเรื่อวถูกเปิดมาวันที่ 11 เมษายน วันที่ 7-9 ผมให้โอกาสเขาได้เอาเรื่องนี้ไปยอมรับแล้ว คือคนแรกที่ผมอยากให้เขาสองคนไปยอมรับความจริงคือแฟนผู้หญิงที่ยังไม่รู้ ผมบอกมายด์ว่าถ้าไม่บอกผมจะเป็นคุยเอง ตอนแรกผมขอให้มายด์ติดต่อนักร้องมาคุยกับผมแต่รู้เขาบอกหรือเปล่านะ แต่ถ้าไม่กล้าคุยกับผมอย่างน้อยคุณต้องกล้าที่จะบอกคนของคุณที่คุณหักหลังเขา แต่เขาไม่ทำกัน ให้เวลาเขา 4 วัน มั่นใจแล้วว่าเขาไม่ทำ ผมเลยติดต่อไปทางผู้จัดการเลย แล้วผมก็อยากรู้เรื่องนึงว่าทางนั้นไม่รู้จริงๆ หรอว่ามายด์มีแฟนแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมษ์ ก็ได้ส่งข้อความมาให้ กรรชัย ชี้แจงว่า ตัวเมษ์เองรวมถึงทุกคนที่ทำงานร่วมกับมายด์ในทุกๆ งาน ซึ่งมีมากเกินกว่า 30 ชีวิต ได้รับข้อมูลเดียวกันเลยคือมายด์โสด ส่วนมายด์จะพูดกับแฟนยังไง ทางเมษ์ไม่สามารถรับรู้ได้เลย
ก่อนที่ เพชร จะเล่าต่อว่าถึงช่วงที่โทรหาเมษ์ โดยมีการแนะนำตัวว่าเป็นใครและมีการถามว่ารู้ไหมว่ามายด์มีแฟน และเล่าสิ่งที่ตนเจอให้ฟัง ด้วยน้ำเสียงเค้าไม่ได้ตกใจเลย เขา อือๆ เดี๋ยวพี่ไปคุยก่อน ในมุมนั้นที่ผมรู้สึก คืออะไรก็แล้วแต่ต่อให้ทางนั้นจะไม่รู้ว่ามายด์มีหรือไม่มีแฟนแต่ทางนักร้องที่ผู้จัดการดูแลก็ต้องรู้ว่าคนของตัวเองมีแฟนทำไมไม่ห้ามกัน ซึ่งผมก็พูดไปด้วยนะวันนั้น ว่าผมขอโทษนะทำไมไม่ห้ามกันทำไมให้เลยเถิดไปขนาดนี้ที่เขาก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงทำไมทำอะไรแบบนี้ เขาก็บอกว่าเดี๋ยวไปคุยก่อนหลังจากนั้นผ่านไปซัก 2 ชั่วโมง เขาก็โทรกลับมาคุยกับคุยว่า โอเค พี่ไม่รู้ ว่ามายด์มีแฟนจริงๆ พี่รู้ว่าเขาเลิกกับแฟนไปตั้งแต่ก่อนที่จะมาทำงานประมาณ 2 เดือนแล้ว หลังจากนี้ไม่ว่าเพชรหรือมายด์จะกลับไปคบกันฝั่งนี้ไม่เกี่ยวไปเคลียร์กันเอาเองนะ เขาพูดกับผมแบบนี้ ผมก็เลยถามกลับไปว่าแบบนี้แฟนผมจะไม่ได้ทำงานแล้วใช่ไหม เขาก็ตอบกลับมาว่า ใช่ก็โกหกกันตั้งแต่แรกก็คงจะทำงานกันไม่ได้แล้วแหละ
มีของที่ต้องออกกองที่อยู่ในรถผมเขาก็บอกให้ทิ้ง จริงๆ ผมอยากเอาของไปคืนเพื่ออยากจะคุยกับทางผู้ชายคือเขาจะแก้ตัวอะไรหรือบอกว่าไม่รู้จริงๆ แต่เขาไม่เลือกที่จะคุยกับผมเลย คือไม่ต้องขอโทษผมก็ได้นะแต่ต้องการแค่ว่าคุยอะไรก็ได้สักคำจะตั้งใจหรือไม่ใจมันเกิดไปแล้วไม่คิดที่จะคุยอะไรกับผมเลยหรอ แต่ไม่คุยกับผมไม่เป็นไรเอาเรื่องนี้ไปบอกกับแฟนของคุณแล้วกันถ้าไม่ทำเดี๋ยวผมจะทำเอง
ตอนที่เรื่องนี้มันออกไป พอผมมีหลักฐานทั้งหมดมีกล้องหน้ารถมีอะไรผมก็เล่าให้เพื่อนฟังพอดีผมมีเพื่อนอยู่ในวงการสื่อก็เลยปรึกษาว่าเจอเรื่องแบบนี้มาเรื่องความที่เป็นเพื่อนกันมันก็เชื่อผมอยู่แล้ว เบื้องต้นมีหลักฐานไหมสิ่งที่พูดมา ผมส่งไปทั้งไดร์ฟเลย ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็มีคนโทรมาหาผมเต็มเลยผมก็รับไปสายนึง เพราะเข้าใจว่าเป็นเพื่อนของเพื่อนก็โทรมาสอบถามรายละเอียดปกติไม่ได้บอกว่าอัดเสียงอะไรเลยผมเล่าให้ฟังตามข้อเท็จจริงสรุปว่าเขาก็ตัดบางส่วนไปโดยไม่ได้ขออนุญาตผม แป๊บนึงก็กลายเป็นเรื่องใหญ่โตเลย จากนั้นผมก็ไม่รับสายใครอีกเลย
กับข่าวที่ว่าเรียกเงิน 5 ล้านก็ไม่เป็นความจริง เราคุยกันไม่มีการเสนอเงินมา ผมเสนอเงินไปเลยครับ เพราะจุดประสงค์ไม่ได้ต้องการเรียกเงิน เอาจริงๆ ผมไม่คิดว่ามันจะวุ่นวายแบบนี้ ยอมรับว่าใจร้อนและโมโหเลยทำให้เลยเถิดและกลายเป็นกระแสสังคม ไม่ได้ต้องการให้คนอื่นมามีผลกระทบ ทั้งพ่อแม่ผมและมายด์ต้องมารับรู้เสียใจและโดนนักข่าวตามถึงบ้าน ถ้าผมเลือกจะเก็บเรื่องนี้ไว้คงไม่รุนแรงขนาดนี้
ผมต้องขอโทษทุกคนที่เดือดร้อนกับเรื่องนี้ กับมายด์ทุกวันนี้มีคุยกันบ้าง แต่ด้วยอะไรหลายอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว เรามีแผลกันคนละอย่างแล้ว ณ ตอนนี้ยืนยันว่ายังไม่ได้จะกลับไป อยากจะขอโทษเขาด้วยซ้ำในเรื่องนี้และที่ผ่านมาทั้งหมดที่ไม่ได้ดูแลเขา ผมไม่ได้มีโอกาสกลับไปทำอะไรให้เขาแล้ว