3 นักแสดง พัคโบกอม -คิมโซฮยอน-อีซังอี เล่าเบื้องหลังความทุ่มเทในซีรีส์ ’GOOD BOY’
กําลังเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับซีรีส์เกาหลีแนวคอมเมดี้-แอ๊กชั่น GOOD BOY นำแสดงโดย พัคโบกอม, คิมโซฮยอน, อีซังอี, ฮอซองแท และ แทวอนซอก ที่ผสมผสานเรื่องราวหลากแนวครบรส ทั้งคอมเมดี้ แอ๊กชั่น สืบสวนอาชญากรรมและความรัก บอกเล่าเรื่องราวของเหล่าอดีตนักกีฬาเจ้าของเหรียญรางวัลซึ่งผันตัวมาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และต่อสู้ในโลกที่เต็มไปด้วยอาชญากรเกิดเป็นการรวมตัวเพื่อจัดตั้งทีมเฉพาะกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อโค่นล้มอำนาจที่อยู่เบื้องหลังองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่
ทั้งนี้ Good Boy เสิร์ฟเสียงหัวเราะและแอ๊กชั่นสุดมันส์ให้ผู้ชมทั่วโลกบน PrimeVideo ในมากกว่า 240 ประเทศและเขตแดนทั่วโลกแล้ววันนี้ และล่าสุด 3 นักแสดงนำ อย่าง พัคโบกอม, คิมโซฮยอน และอีซังอี ก็ได้เดินทางมาโปรโมตซีรีส์กันถึงเมืองไทยและได้ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานครั้งนี้
โดย พัคโบกอม ได้เล่าถึงการเป็น ‘ยุนดงจู’ ที่มีดีกรีเป็นถึงอดีตนักมวยเหรียญทองว่า “ผมผ่านการฝึกซ้อมมวยมากกว่า 6 เดือนครับและนอกจากซ้อมมวยแล้วก็มีเวตเทรนนิ่งไปด้วยเพื่อสร้างความแข็งแรงของร่างกายครับ” “สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการแสดงเป็นดงจูคือเขาเป็นคนที่กระตือรือร้นและร่าเริงแต่ในขณะเดียวกัน ภายในก็มีจิตใจที่อบอุ่นและอ่อนโยนที่สำคัญเขาเป็นคนที่มีทักษะทางกีฬาที่ดีมากทำให้ผมกลายเป็นคนที่มีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วขึ้นกว่าเมื่อก่อนครับ”
และตอนที่เตรียมตัวเพื่อแสดงบทนี้ ก็ไม่ได้มีใครเป็นแรงบันดาลใจ เพราะความตั้งใจคือ “ผมอยากจะเข้าถึงตัวละครดงจูตามแบบที่นักเขียนได้บรรยายเอาไว้ให้ดีที่สุดและอยากจะถ่ายทอดตัวละครออกมาให้ดีที่สุดครับ เลยมีการพูดคุยกับนักเขียนและผู้กำกับเยอะมากเพื่อสร้างตัวละครนี้ออกมาครับ”

ขณะที่ คิมโซฮยอน กับบทบาท ‘จีฮันนา’ ที่เป็นนักกีฬายิงปืนก็เลยได้ฝึกยิงปืนเยอะมากๆ “การฝึกยิงปืนต้องใช้ความอดทนอย่างมากค่ะ หลังจากที่ฉันได้มาเป็นตำรวจและได้ยิงปืนเวลาออกปฏิบัติจริง ส่วนตัวรู้สึกว่าทำให้อดทนกับเสียงดังได้ดีและช่วยเพิ่มความกล้าหาญค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะทำอะไร ก็จะไม่ค่อยกลัว รู้สึกว่าความหวาดกลัวหายไปค่อนข้างเยอะเลยค่ะ”
“ตัวละครฮันนาไม่ได้ยึดใครเป็นต้นแบบค่ะ ฮันนาถ้าดูจากภายนอกอาจเหมือนเปลวเทียนที่นิ่งสงบ พลิ้วไหวอย่างนิ่งๆ แต่ภายในมีความมุ่งมั่นและหัวใจที่ร้อนแรง เลยทำให้บางครั้งเธอตัดสินใจทำอะไรอย่างเด็ดขาดและกล้าที่จะลงมือทำอะไรบางอย่าง ฉันเลยพยายามศึกษาและถ่ายทอดมุมเหล่านี้ออกมาให้ได้เห็นค่ะ”

ด้าน อีซังอี ที่ต้องมาเป็นนักกีฬาฟันดาบ ‘คิมจงฮยอน’ เผยว่า “ผมได้เรียนฟันดาบประมาณ 6-7 เดือนครับ และที่สำคัญประเภทที่ผมเล่นคือเซเบอร์ครับ ก็เลยได้เรียนเซเบอร์เยอะไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร จงฮยอนเป็นคนที่ใช้สมองคิดนำ วางแผนและตัดสินก่อนเสมอช่วงนี้ผมก็ยังคงพยายามที่จะเป็นเหมือนจงฮยอนในมุมนี้อยู่ครับ”
และหากจะต้องต่อสู้เพื่อความรักในแบบของ จงฮยอน นั้น นักแสดงอีซังอี ก็ได้เผยว่า “จริงๆ แล้วจงฮยอนเป็นคนเก่งทั้งฟันดาบและเทควันโด แต่ผมคิดว่าเสน่ห์ของจงฮยอน คือความรับผิดชอบครับ เวลาที่เขาต้องการจะปกป้องอะไรบางอย่าง เขาจะพยายามอย่างหนักมากครับ”
ซึ่งในเรื่องนี้ทุกคนต้องมารวมตัวเพื่อเป็นทีมเฉพาะกิจ เมื่อถามถึงวิธีการที่ใช้เพื่อเพิ่มความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตามธรรมชาติของตัวละคร และความกลมเกลียวสนิทสนมในทีมนักแสดงนั้น อีซังอีกล่าวว่า “ผมขอตอบก่อนครับเพราะว่า ตอนที่ผมตกลงเล่น ก็ได้ยินว่าคุณพัคโบกอมจะแสดงเป็นยุนดงจู ตอนนั้นคุณพัคโบกอมกำลังแสดงมิวสิคัลอยู่ครับ ก็เลยรีบไปดูการแสดงจำได้ว่าได้ทักทายกันครั้งแรกที่ห้องพักครับ ก็ได้รู้จักกันแบบนั้น หลังจากนั้นได้ทานอาหารด้วยกันทั้งทีมและสนิทกันมากขึ้นครับ”

“ระหว่างถ่ายทำ พอมีเวลาว่างเมื่อไหร่ ผมก็จะคิดถึงพวกเขาเสมอครับ ทุกครั้งที่คิดถึง ก็จะบอกว่าคิดถึงและทุกครั้งที่มารวมตัวกันก็จะทานข้าวด้วยกันตลอด และเหมือนกับที่คุณโซฮยอนกล่าวไว้ ได้ไปคาเฟ่ แบ่งเครื่องดื่มอร่อยๆ ทานกัน ไปดูมิวสิคัลด้วยกัน มีความทรงจำด้วยกันเยอะ ระหว่างตอนถ่ายทำก็เลยยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้นมีความสุขมากที่ได้มาเจอกับพวกเขาครับ” พัคโบกอมกล่าว
ด้าน คิมโซฮยอนบอกว่า ด้วยความที่เป็นคนค่อนข้างเก็บตัวมาก พอต้องไปทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่นก็จะรู้สึกเกร็ง และไม่ค่อยกล้าเป็นฝ่ายเริ่มทำอะไรก่อน ดังนั้นการที่มีคนชวนไปกินข้าวด้วยกัน ไปเที่ยวด้วยกัน เลยรู้สึกขอบคุณมากๆ
“ฉันรู้สึกว่าก็ต้องพยายามทำอะไรแบบนี้บ้าง แค่สนุกไปด้วยกันก็พอแล้ว เพราะทุกคนทำให้บรรยากาศออกมาสบายๆ ทำให้ฉันสามารถพูดคุยและสนิทสนมกับทุกคนได้อย่างเป็นธรรมชาติค่ะ”
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงเหตุการณ์หรือเรื่องราวอะไรที่ประทับใจในระหว่างทางการถ่ายทำ พัคโบกอมได้เผยก่อนว่า “ผมประทับใจฉากโรงงานสี ในซีเควนซ์สุดท้ายของตอน 1 ตอนนั้นถ่ายทำไป 2 วันตอนที่ได้อ่านบทครั้งแรกผมรู้สึกประทับใจมากและอยากจะแสดงฉากนี้ออกมาให้ดี ได้เจอกับผู้กำกับและเตรียมฉากนี้ร่วมกับผู้กำกับแอ๊กชั่น พวกเราทุ่มเทและตั้งใจทำมันออกมามากๆ ครับ เป็นการถ่ายทำที่คุ้มค่ามาก พอได้ดูฉากนี้เลยรู้สึกภูมิใจครับ”

คิมโซฮยอนก็ได้กล่าวว่า “ฉันเองก็ประทับใจแอ๊กชั่นเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะในตอน 1 เป็นการถ่ายทำในช่วงต้นๆ ของละครเลย ตอนนั้นยังไม่ค่อยมีเซนส์ทางแอ๊กชั่น ไม่ค่อยมีเทคนิคเท่าไหร่ แต่พอลองเล่นดู ก็รู้สึกว่าสนุกและยากกว่าที่คิด แต่ก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่ด้วยค่ะ ก็เลยมอนิเตอร์ดู ทำให้รู้ว่า อ๋อ ตรงนี้ควรทำแบบนี้จะดีกว่าสินะ เริ่มสั่งสมเทคนิคการแสดงแอ๊กชั่นของฉันจะดีขึ้นเรื่อยๆ ในเรื่อง”
“ฝากทุกคนรอติดตามด้วยนะคะ ถึงแม้จะเป็นฉากที่มีจุดที่รู้สึกเสียดายไปบ้าง แต่ก็มีความหมายมากเพราะเป็นฉากแอ๊กชั่นแรกที่แสดงให้ทุกคนได้เห็นกัน ก็เลยประทับใจเป็นพิเศษค่ะ”
“ทั้งสองท่านพูดถึงแอ๊กชั่นไปแล้ว สำหรับผมอยากพูดถึงฉากห้องทำงานของทีมสืบสวนพิเศษครับ แต่ละคนมาจากคนละที่ มารวมตัวเป็นทีมเดียวกัน และค่อยๆ สร้างทีมเวิร์กที่ดี ในห้องทำงานจะมีสงครามประสาทซ่อนอยู่ด้วย บางทีพวกเราก็ต้องกลั้นหัวเราะด้วยเลยอยากให้รอติดตามภาพของพวกเราในห้องทำงานด้วยครับ” อีซังอีกล่าว
ก่อนที่ พัคโบกอม จะได้กล่าวทิ้งท้ายฝากถึงแฟนๆ ชาวไทยถึง Good Boy ไว้ว่า “ผมเชื่อว่าความยุติธรรมยังมีอยู่ครับ เป็นผลงานที่ให้กำลังใจคนที่ใช้ชีวิตอยู่เพื่อความดีงามและคิดว่าเป็นผลงานที่ทำให้คนรู้สึกอยากใช้ชีวิตแบบนั้นครับ” และหวังว่า “GOOD BOY” จะเป็นผลงานที่ช่วยสร้างโลกที่สวยงาม

