‘The Zookeeper’s Wife’ ดราม่าสะเทือนใจ วีรกรรมหญิงแกร่งในสงครามอันโหดร้ายและทารุณ

‘The Zookeeper’s Wife’ (เดอะ ซูคีพเปอร์ ไวฟ์) หรือชื่อภาษาไทย ‘ฝ่าสงคราม กรงสมรภูมิ’ คือภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงในหน้าประวัติศาสตร์ ซึ่งถูกดัดแปลงมาจากหนังสือสุดเข้มข้นในชื่อเดียวกันของ ‘ไดแอน แอคเคอร์แมน’ โดยได้ ‘นิกกี้ คาโร’ รับหน้าที่กำกับ

หนังเล่าเรื่องของ “แอนโตนินา” และ “ยาน ซาบินสก้า” สองสามีภรรยาเจ้าของสวนสัตว์วอร์ซอในโปแลนด์ เมื่อกองทัพนาซีบุกจู่โจมช่วงสงครามโลก ครั้งที่ 2 พวกเขาถูกสั่งให้มอบสวนสัตว์แก่ “ลุตซ์ เฮ็ค” หัวหน้านักดูแลสัตว์ประจำกองทัพนาซี

ซึ่งในระหว่างนั้นทั้งคู่ได้เอาชีวิตเข้าเสี่ยงร่วมมือกับแนวร่วมต่อต้านนาซี เปลี่ยนสวนสัตว์ให้เป็นสถานที่หลบภัย ช่วยเหลือชีวิตเพื่อนร่วมชาตินับร้อยให้รอดพ้นจากการตกเป็นเหยื่อสงคราม นำไปสู่วีรกรรมการต่อต้านกองทัพนาซีครั้งยิ่งใหญ่

Advertisement

หนังเลือกเล่าเรื่องผ่านมุมมองของแอนโตนินา หญิงสาวที่ต้องรับมือกับความโหดร้ายของสงคราม โดยมีชีวิตของลูก สามี และผู้บริสุทธิ์ที่ซ่อนอยู่ในสวนสัตว์เป็นเดิมพัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกล้าหาญและแข็งแกร่งของผู้หญิงคนหนึ่งที่ยอมทำทุกทางเพื่อเพื่อนร่วมโลก ไม่ว่าคนหรือสัตว์

แม้จะไม่ได้เห็นภาพความรุนแรงของการสู้รบกันเหมือนหนังสงครามเรื่องอื่นๆ แต่หนังเรื่องนี้ก็มีหลายฉากที่ค่อนข้างสะเทือนใจ ทั้งวินาทีหนีตายจากระเบิด การโดนกดขี่จากกองทัพทหาร การฆ่าสัตว์โดยไม่มีเหตุผล การเอาตัวรอดจากคนที่จ้องจะเอาชีวิต ฯลฯ เหล่านั้นล้วนแสดงให้เห็นความโหดร้ายทารุณของมนุษย์ ที่ทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งปลิดชีวิตผู้บริสุทธิ์หรือสัตว์เพื่ออำนาจ

Advertisement

ซึ่งสถานการณ์ที่น่าหวาดระแวง และการกระทำของตัวละครก็ชวนให้เราลุ้นเอาใจช่วยอยู่ตลอดเวลา

ไม่ใช่เพียงแอนโตนินาที่น่าชื่นชม แต่ลูกชายและสามีของเธอก็หาญกล้าและควรค่าแก่การยกย่อง พวกเขามีสิทธิที่จะเลือกเดินต่อไป โดยไม่ต้องสนใจใครอื่น แต่ทุกคนกลับเสียสละและทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าจะเสี่ยงก็ตาม

น่าคิด..หากเราเป็นแอนโตนินา ที่มีโอกาสหนี มีโอกาสใช้ชีวิตสุขสบาย เราจะยอมลำบากและเสี่ยงตาย เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราได้อย่างเธอหรือไม่?

สงครามเมื่อเกิดขึ้นแล้วย่อมมีแต่ความสูญเสีย เราโชคดีแค่ไหนที่เกิดมาในยุคที่ไม่ต้องสู้รบ ฆ่าฟัน หรือหลบหนีอย่างพวกเขา

เมื่อหนังจบลง เราจึงพร้อมที่จะปรบมือให้กับเรื่องราวอันเข้มข้น ชื่นชมในการแสดงของ “เจสสิก้า แชสเทน” ที่ถ่ายทอดความกดดัน โศกเศร้า และกล้าหาญได้อย่างเข้าถึง ชนิดเอาอยู่ตลอดทั้งเรื่อง

รวมถึงซาบซึ้งใจในความดีงามของ แอนโตนินา และครอบครัว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image