หลังเจอความเห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. ติงเรื่องการแต่งตัวและ
“ผมต้องปฏิเสธเลยว่าไม่มี อันนี้ไม่ได้ปฏิเสธเพื่อจะเอาตัวรอด แต่ไม่เห็นมีใครมาขอความร่วมมือ ให้เต้นเบาๆหรือใส่ชุดมิดชิด”
ทั้งนี้ประจักษ์ชัยบอกว่า ปกติในคอนเสิร์ตจะมีตำรวจมาคุมไม่ให้คนตีกัน แต่ไม่เกี่ยวกับพวกตน
ส่วนสาเหตุที่ระยะหลังลำไยจะแต่งกายมิดชิดเวลาขึ้นเวที เช่น ในวันที่ 13 ที่มีข่าว ก็ใส่เสื้อยีนส์แขนยาว ทับเสื้อกล้าม และกางเกงขาสั้น ก็เพราะไม่อยากให้โดนตำหนิว่าไม่มีความสำนึกต่อสังคม
“เพราะต่อจากนี้ถ้ามีภาพที่ทำให้คิดว่าไม่สำนึกต่อสังคม มันจะเหมือนเราพูดไม่รู้เรื่อง เมื่อก่อนไม่มีใครเตือนเรา เราอาจจะหลุดบ้าง อาจจะมีความคิดมุทะลุ ดุดันบ้าง แต่ถ้าผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมาติติง เราก็ต้องน้อมรับ”
“เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครมาโฟกัสที่เรา คนอื่นก็ทำแบบนี้มาก่อน ลำไยไม่ได้เต้นแบบนี้คนเดียว แม้แต่ภาษาการร้องยังส่อเสียดมากกว่านี้ ชุดสีทองที่น้องใส่ ก็ไม่ได้เกินเลย”
ประจักษ์ชัยยังบอกอีกว่า หากจะมีการแก้ไข หรือล้างบางเรื่องแบบนี้ทั้งระบบ ก็ต้องอยู่ที่การควบคุมของเจ้าหน้าที่รัฐ
“การคุมสื่อลามกอนาจาร พฤติกรรมการเต้น จะมาเด้งเด้าแบบนี้ไม่ได้ หรือชุดที่ใส่ มันต้องรื้อกันทั้งระบบ เราถึงจะรู้ขอบเขตของการผิดชอบชั่วดี จะอยู่ในจุดไหน แต่มาว่าลำไยเป็นแบบอย่าง ทำไมไม่คิดว่าลำไยเอาแบบอย่างมาจากคนอื่นล่ะ ทำไมไม่คิดว่าลำไยเอาพฤติกรรมมาจากไหน”
“ลำไยไม่ได้เป็นแม่แบบของเขาว่าถูกต้อง หรือนิยามของความดีงามของใคร มันต้องมีที่มา ว่าลำไยไปดูอะไรมา ผมเป็นผู้บังคับบัญชาผมรู้ในแง่ของความไม่ถูกไม่ต้อง รู้ว่าสังคมโฟกัส จะละเลยเพิกเฉย ผมก็อยู่ไม่ได้”
ประจักษ์ชัยยังพูดเหมือนตัดพ้อด้วยว่า ตอนนี้ลำไยโดนต่อว่าหนัก เสมือนทำความผิดร้ายแรงทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยคนที่โชว์ท่าเต้นเหมือนลำไยแต่สังคมกลับรับได้ ขณะนักร้องของตนโดนต่อว่าหนักเหมือนเป็นภัยสังคม
“แต่ก่อนไม่มีใครมาโฟกัสว่าสิ่งที่ลำไยทำคือความผิดร้ายแรง ก่อนหน้านี้มีคนเด้งเด้าแบบนี้ สังคมก็ยอมรับ ก็ไม่มาอะไรถึงขนาดเรา แต่วันนี้คนโฟกัสว่าน้องดังเพราะเพลง ซึ่งเราเป็นลำซิ่ง ที่มีการกระเซ้าเหย้าแหย่กัน การเต้น เด้ง เด้า มันมีนานก่อนลำไยจะทำไหม ไม่ใช่ว่าสังคมจะมาพิพากษาว่าลำไยคือภัยสังคม แรงเกินไป สำหรับความรู้สึกของเด็กคนหนึ่ง ทำไมไม่ให้โอกาส ใช้คำว่าเป็นภัยสังคม แล้วเขาจะทำอะไรได้ต่อ”
ประจักษ์ชัยยังบอกอีกว่าแม้จะโดนวิจารณ์หนัก แต่กระนั้นลำไยก็ยังคงทำงานต่อ เพราะไม่มีทางเลือกเนื่องจากที่บ้านยังยากจนอยู่
“การได้มาซึ่งเงินทองมันไม่เหมือนกันไง นักร้องคนอื่นที่ใส่ชุดไทยร้องแล้วดัง เพราะว่ามีค่ายใหญ่โอบอุ้มไง เขามีสื่อไง เขามีทางเลือก พวกผมไม่มีทางเลือก ผมหลังชนฝา ก็แค่นั้น”
สำหรับงานชุดใหม่ของลำไยนั้น ประจักษ์ชัยบอกว่า น่าจะลดความวาบหวิวลง
“ก็ต้องปรับเลเวลว่าเราเป็นเพลงอกหักใหม่ เป็นร๊อคสโลว์อะไรก็ได้ ไม่ถึงกับว่าเซ็กซี่ยั่วยวน”
“วันนี้เพลงเราเกิดแล้ว เราไม่จำเป็นต้องขายเซ็กซี่แล้ว หลายคนถามว่าขายเพลงหรือว่าขายเซ็กซ์ ไม่มีใครอยากขายเซ็กซ์หรอกครับ” ประจักษ์ชัยบอก
ประจักษ์ชัยยังพูดเรื่องที่โพสต์เฟซบุ๊ค เป็นภาพของดารา นักแสดง หลายคนที่ถ่ายแบบวาบหวิว พร้อมข้อความ ‘ยามคนรวยแก้ผ้าว่างานศิลป์ ยามชาวดินแก้ผ้าว่าขาย.ห. ยามคนรวยสมสู่มองว่าดี ยามคนจนแค่เซ็กซี่ว่าจัญไร 555555++++ ไทยแลนด์’ ว่า เรื่องความเหลื่อมล้ำในสังคม ดูเหมือนจะมีอยู่ทุกที่
“ถ้าผมบกพร่องก็จะใช้คำว่า บกพร่องโดยสุจริตก็แล้วกัน เพราะคำนี้เคยใช้แล้วมันได้ผล ผมก็ขอใช้”
“เราไม่ได้เป็นคนแรกที่ชี้นำ ย่ำยีสังคม แต่ว่าถ้ามันรุนแรง ทำให้รู้สึกว่าอยู่ในสังคมไม่ได้ เราก็พร้อมที่จะถอยวันนี้เราอยากจะอยู่นิ่งๆแล้ว อยากกลับไปอยู่ในมุมเดิมของเรา อยากกลับไปทำเพลงของเราแบบใหม่ วันนี้น้องเหนื่อย ผมเหนื่อย แต่ว่าขอให้เป็นมาตราฐานเดียวกันว่า ต่อจากนี้ลำไยจะเป็นตัวอย่างของวัฒนธรรมไทยใหม่ ว่าถ้าเป็นเรื่องหมอลำซิ่งหรือการแต่งตัวที่หวาบหวิวนั้น ให้มันจบ ให้มันเป็นอุทาหรณ์ต่อสังคมว่าจะไม่มีการแสดงใส่สั้น แบบลำไย การเล่นแบบนี้จะไม่มีอีกแล้ว พร้อมที่จะยุติการเล่นแบบนี้ทั้งหมด แล้วผมก็จะไปประกอบอาชีพอื่นกับน้อง ไม่มีปัญหา”
“เพียงแต่ว่ามาตรฐานต้องจบด้วยแบบไหนก็บอกมา ว่าจะกวาดล้างหมอลำซิ่ง ชุดที่หวาบหวิวทั้งหมด ลำไยจะเป็นอุทาหรณ์ เป็นแบบอย่าง เป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ว่าการเล่นแบบนี้ถือว่าผิดร้ายแรง”
ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊คและอินสตาแกรม ประจักษ์ชัย ไหทองคำ,eaylamyai1
