อยู่ยั้งยืนยงมา 18 ปี มีอัลบั้มเต็มมาแล้ว 7 ชุด ล่าสุด บิ๊กแอส ก็ปล่อย 2 เพลงใหม่ “เพลงรักของคนแพ้” และ “รักเหอะ” ออกมาให้ฟัง ก่อนที่ หมู-อภิชาติ พรมรักษา, อ๊อฟ-พูนศักดิ์ จตุระบุล, กบ-ขจรเดช พรมรักษา, โอ๊ค-พงศ์พันธ์ พลสิทธิ์ และ เจ๋ง-เดชา โคนาโล จะรับนัดมานั่งล้อมวงสนทนากับ “มติชน” ถึงผลงานที่แฟนๆ หลายคนลงความเห็นว่า “ไม่เหมือนเดิม”
“คนตั้งคำถามอยู่เหมือนกันครับว่าดนตรีเราเปลี่ยนไป นู่น นี่ นั่น” กบรับ
โดยทั้ง 2 เพลงนั้น เนื้อหาเป็นการมองความรักในมุมบวก พูดถึงความรักในแง่ดี ให้กำลังใจคนที่ผิดหวัง
“พยายามพิสูจน์ว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม รักแท้ยังมีอยู่จริง” เจ๋งเสริม
ก่อนกบจะอธิบายเพิ่มถึงเหตุที่จับประเด็นนี้ว่า เพราะทุกๆ เวลาเราเปิดอินเตอร์เน็ต สิ่งที่ได้เห็นอยู่ตลอดเวลา คือความรุนแรง
“มีการใช้ภาษารุนแรงใส่กัน เลยตั้งคำถามว่าทำไม ความรักมันหายไปไหน
“เราเชื่อว่าความรักดีๆ น่าจะมีอยู่นะ เราจึงแต่งเพลงนี้ขึ้นมาด้วยความเชื่อ ว่าไม่ว่าจะดีจะร้ายยังไง สุดท้ายแล้วความรักยังเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดบนโลกใบนี้”
ขณะที่อ๊อฟพูดถึงภาคดนตรีว่า “จะมีความเป็นบิ๊กแอสในแบบที่ทุกคนคุ้นเคย และบิ๊กแอสในยุคใหม่ผสมกัน ดนตรีมีความสว่างมากขึ้น”
ยิ่งในเพลง “รักเหอะ” ยิ่งเห็นความสดใส
“ในรอบหลายปี เราไม่ได้มีเพลงที่สดใสขนาดนี้ ถือเป็นเพลงอารมณ์ใหม่ของพวกเรา” เขาเล่าพลางยิ้ม
โดยทั้ง 2 เพลงที่ว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของอัลบั้มใหม่ เดอะ ไลออน อันจะวางแผงไม่เกินกลางปีนี้ อัลบั้มที่ “ไม่ต้องกลัวเลยครับ ว่าจะขายได้หรือเปล่า” กบบอก
“เพราะเปอร์เซ็นต์ได้มันน้อยมาก” ว่าพลางหัวเราะเบาๆ
“เราคงบังคับให้ซื้อไม่ได้ มันเป็นเรื่องของเขาว่ารักเรามากแค่ไหน ศรัทธาเรามากแค่ไหน เขาอาจจะไม่ผิดก็ได้ แต่เราทำให้เขาศรัทธาได้ไม่มากพอ เป็นเรื่องของธุรกิจครับที่ต้องทำให้คนซื้อหรือไม่ แต่ในมุมนักดนตรี นักแต่งเพลง เมื่อเพลงออกไปแล้วมีคนฟัง มันก็น่าจะครบหน้าที่ของเราแล้ว
“แต่ผมก็ยังเชื่อว่าคนที่มีความสุขกับการได้เอาซีดีเสียบในรถก็ยังมี โดยเฉพาะคนที่รักวงๆ นั้นจริงๆ
“แล้วบิ๊กแอสผ่านทุกฟอร์แมตของวงการดนตรี ตั้งแต่เทป ซีดี เอ็มพี 3 ดาวน์โหลด จนเดี๋ยวนี้ฟังกันในยูทูบ ก็เป็นเรื่องที่เราต้องผ่านไปให้ได้
“ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปยังไง สิ่งที่เราทำได้อย่างเดียวเลย คือทำเพลงให้เรามีความสุขที่สุด”
โอ๊คฟังแล้วพยักหน้า ก่อนเสริมว่า “สิ่งที่เราอยู่ได้อีกอย่างคือการแสดงสด คนยังอยากดูดนตรีสดอยู่ เราก็ต้องกลับมาใส่ใจการเล่น การแสดงแบบฟูลแบนด์มากขึ้น”
เมื่อถามถึงหลักการทำงาน ที่ทำให้ “อยู่นาน” กบบอกทันที “ที่สำคัญมากๆ ข้อหนึ่งของเราคือ ทุกคนต้องมีความสุข ทุกคนต้องได้มีส่วนร่วมในงาน ต้องมีความภูมิใจ แล้วมันเป็นข้อยากมากกับการทำให้คน 5 คนพอใจร่วมกัน มันคือการที่ต้องรู้ใจกันมากๆ ให้เกียรติกันมากๆ แล้วก็เชื่อกันมากๆ เพราะการทำงาน ถ้าไม่ให้เกียรติ ไม่เชื่อกัน มีโอกาสที่จะทะเลาะกันสูง บิ๊กแอสเราอยู่มาได้ด้วยวิธีคิดแบบนี้ ส่วนเพลงมันจะเดินทางไปถึงไหน จะได้รับความนิยมมากแค่ไหน เป็นสิ่งที่ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครกำหนดได้ ที่เรากำหนดได้คือพอเสร็จแล้ว เรามีความสุขกับมันมากแค่ไหน เท่านั้นเอง”
ส่วนกับแฟนเพลง “ทุกอย่างมีขึ้นมีลง” เขาว่า
“ถามว่ายังครองใจอยู่ไหม มันก็อาจจะน้อยลง แต่มันเป็นกฎธรรมชาติมากๆ ไม่มีอะไรอยู่ค้ำฟ้า เราพยายามซื่อสัตย์กับตัวเอง ทำในสิ่งที่เราทำได้ ไม่ทำเกิน ไม่ทำในสิ่งที่เราไม่รู้สึก สำคัญกว่านั้นคือเรารู้แล้วว่าแฟนเพลงคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของวง วงดนตรีถ้าไม่มีแฟนเพลง เราคงต้องเล่นอยู่บ้าน เราเคยผ่านยุคที่หลงระเริงมากๆ จนละเลยการดูแลแฟนเพลงของเราไป แต่ถึงวันนี้เรารู้สึกว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดคือแฟนเพลง แม้จะเป็นแค่คนหรือสองคน แต่เขาคือกำลังใจที่ยิ่งใหญ่มาก”
บอกอีกว่า “เราไม่ใช่ศิลปินที่เล่นเก่งมาก คิดเก่งมาก แต่งเพลงเก่งมาก เป็นแค่วงดนตรีวงหนึ่งที่ไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะเจออะไร จะทำทุกอย่างเพื่ออยู่ในวงการเพลง แล้วสามารถเลี้ยงชีพได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็มองหน้ากัน แล้วก็เออ…อยากอยู่ตรงนี้ไปอีกนานแสนนาน จะบอกกันเสมอว่าไม่มีอาชีพไหนที่เปี่ยมสุขเท่ากับการเล่นดนตรีอีกแล้ว”
อย่างไรก็ดี โปรดอย่าถามว่าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน เพราะ “ไม่รู้พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเรา แค่ทำวันนี้ให้มันโอเค เพราะเราเคยผ่านความคาดหวังมากๆ แล้วเราก็ผิดหวัง เลยรู้สึกว่าสุดท้ายความคาดหวังมันก็ไม่ได้สำคัญมากกว่าการทำปัจจุบันให้มันดี”