“มินเป็นคนชอบหาเรื่อง อะไรที่ง่ายๆไม่ชอบเลย” มิน พีชญา วัฒนามนตรี บอกชัด เมื่อพูดถึงงานละครเรื่องใหม่ ‘นางทิพย์’ ของช่อง 7 สี ที่เธอรับบทเป็นนางเอก
ก่อนย้อนเล่าว่าตอนได้รับทาบทามในครั้งแรก ‘อ่านร่างแรก’ ก็ยังไม่เกิดความอยากที่จะเล่นมากนัก
เพราะแม้จะมีอะไรให้เล่น “แต่ก็ไม่มีอะไรให้เล่นขนาดนั้น เราอยากเล่นอะไรที่ท้าทาย”
“คือมินต้องการเติบโต ตั้งแต่เข้ามาใหม่ๆ ก็จะพยายามไม่รับบทซ้ำๆ พอเวลาเล่นมันง่วง แต่ถ้าเกิดได้เล่นแตกต่าง ตีความไม่เหมือนเดิม ก็จะสนุกในการทำงาน”
ซึ่งทั้งหมดนี้เธอได้สะท้อนไปยังช่องต้นสังกัด ซึ่งเขาก็เข้าใจ
“มินทำงานด้วยแพสชั่น ด้วยแรงบันดาลใจ มินจะซื่อสัตย์กับตัวเอง ไม่ทำอะไรที่ไม่อยากทำ”
นางเอกคนงามเล่าด้วยว่า ณ ตอนนี้เธอจะไม่รับงานละคร 2 เรื่องพร้อม อันกินเวลาทำงานทุกวันของสัปดาห์ โดยจะเลือกรับแค่ทีละเรื่อง
“ใช้ชีวิตแบบนี้มานานพอควรแล้ว” เธอว่า
แถมยังมีแผนจะทำอะไรอื่นๆ เช่น ธุรกิจ จึงต้องเผื่อเวลาไว้
รวมไปถึงเผื่อเวลาให้สำหรับการพักผ่อน
“ที่ผ่านมามินขอพักปีนึง ทุกคนก็งง แต่มันถึงจุดจริงๆที่อยากพัก แล้วก็เที่ยว”
“เริ่มอยากใช้ชีวิตละ” เธอบอก
“8 ปีที่ผ่านมามินทำงานเยอะจริงๆ ขยันมากนะ รับแทบทุกอย่าง ทุกวัน เลยรู้สึกว่าชีวิตเราต้องหาอะไรที่มีความสุขกับมัน แล้วทำให้เต็มที่”
บอกอีกว่า 8 ปีดังกล่าวเธอผ่านอะไรมาเยอะมาก
“อดหลับอดนอน เข้าโรงพยาบาล”
รวมถึงไม่มีวัยเด็กเหมือนคนอื่นๆ
ซึ่งบอกเลยก่อนหน้านั้นไม่ได้คิด ไม่ได้รู้สึก ไม่ได้ตระหนัก กระทั่งวันหนึ่งเมื่อแม่บอกว่า อยากกินข้าวด้วย “แม่ก็มากินที่กองสิ” คือคำตอบเหมือนๆเดิมที่เธอให้
“มันเป็นแบบนั้นตลอดอ่ะ จะปฏิเสธงานก็เสียดาย”
แต่พอมีเวลาหวนคิด ก็รู้สึกว่าวิถีชีวิตเช่นว่า ไม่น่าจะใช่
“เลยรู้สึกว่าพอก่อน”
ตอนนี้ “มินมีเวลาไปกินผัดไท ได้ใช้ชีวิตปกติ”
และแน่นอนว่ามีเวลาได้พบกับโอ๊ต พิทักษ์ สภาธรรม แฟนหนุ่มวัย 37 ปีที่เจอกันเมื่อครั้งไปเรียนเกี่ยวกับเรื่องอสังหาริมทรัพย์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ 2 ปีก่อน แต่เพิ่งจะคบกันจริงๆจังๆราว 1 ปี
“เคยคุยกันเรื่องนี้ เขาก็แบบไม่ได้รู้สึกชอบอะไรมิน ไม่ได้หลงเสน่ห์ ไม่ได้รู้สึกว่าสวย ไม่รู้จักเราด้วย ตอนมินออกไปหน้าห้อง เขาก็แบบ อ๋อ คนนี้เป็นดาราเหรอ แล้วก็ไม่ได้คุยด้วย”
จนจบคอร์สนั่นละถึงได้มีโอกาสสนทนา และเมื่อเธอต้องการบริหารเงินที่มีอยู่ ก็ได้เขาคนนี้มาช่วยสอน
“คุยกันไปคุยกันมายังไงไม่รู้ จากบริหารการเงินก็มาบริหารหัวใจ” มินในวัย 30 เล่าเขินๆ
เล่าอีกว่าตั้งแต่คบกันเขาก็ดูแลดี และมีของขวัญให้บ่อยๆ โดยล่าสุดเมื่อวันเกิดที่ผ่านมาซึ่งผู้ใหญ่ทั้ง 2 ครอบครัวได้มาทานข้าวด้วยกัน เขาก็ให้แหวนแทนใจ
ส่วนพ่อแม่ของเขานั้น มินบอกว่า “เขาก็ดูและพยายามศึกษามินจากข่าว”
ซึ่ง “มินจะบอกว่าคิดผิดแล้วค่ะ คือข่าวนี่ ด้านหนึ่งแค่ความบันเทิงที่ถูกเขียนตามปากกาให้ดูแซ่บ แต่พอมาในมุมของความเป็นจริงมันไม่ได้หวือหวาอะไรขนาดนั้น”
เรื่องที่สนทนากันครั้งนี้ มินบอกว่า ‘พี่โอ๊ต’ ผู้ไม่รู้จักดาราคงจะไม่อ่าน
“แต่พ่อพี่โอ๊ตอ่าน” ดังนั้น “เขียนกันดีๆนะคะ”
ถ้าเสียงหัวเราะใสๆ บ่งบอกได้ถึงความสุข งั้นคงไม่ผิดถ้าเราจะบอกว่า ณ ขณะนี้มิน พีชญา กำลังมีความสุขยิ่ง
…
*เรื่องของเสียงวิจารณ์ อ่านเยอะไปก็ไม่ดี
มิน พีชญา วัฒนามนตรี ก็เหมือนดาราทั่วไป ที่ได้รับทั้งเสียงชมและเสียงติ ซึ่งอย่างหลังนี้ เธอว่า
“เราอ่านเยอะๆก็ไม่ดี”
“มินรู้ว่าจุดยืนเราคืออะไร ถ้าวันนี้เราเปลี่ยนตัวเองไปเรื่อยๆ คิดดูสิว่าชีวิตเราจะเป็นแบบไหน”
“อะไรคือตัวตนของเรา อะไรคือความรักที่พ่อแม่ใส่ในตัวเรา อะไรคือสิ่งแวดล้อมที่หล่อหลอมเรามา”
“ทำไมเราถึงจะเปลี่ยนแปลงกับคำพูดของคนอื่น ที่อาจเห็นแค่บางมุมของชีวิตเรา แล้วตัดสิน”
“คือเอาเป็นว่าคนที่ชื่นชมเรา เยอะกว่าอยู่แล้ว 80-90 % เลย น้อยมากที่จะหลุดมา”
“เราก็เข้าใจได้เนอะ เศรษฐกิจไม่ดี คนคงเครียด แต่ไม่ค่อยถือสา จริงๆมินจะไม่ค่อยให้ความหมายกับอะไรที่คนพูดก็ไม่ได้ให้ความหมาย เดี๋ยวก็ลืมละ”
“เราจะเก็บมาทำไม”