อีกก้าวของ ‘สกาย วงศ์รวี’ กับบท ‘โด่ง’ ผู้เปลี่ยนความคิดเขาไปตลอดกาล

แม้ว่าจะเพิ่งเข้าวงการมาได้ไม่นาน สำหรับสกาย-วงศ์รวี นทีธร แต่ว่าบทบาทที่ได้รับในผลงานแต่ละเรื่องนั้นเรียกว่าแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง ไล่เรียงมาตั้งแต่บท ‘พละ’ ผู้ติดเชื้อ HIV ในซีรีส์ ‘ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น ซีซั่น 3’, ‘โจ’ ชายหนุ่มผู้มีอาชีพขายบริการทางเพศ ในซีรีส์  ‘I Hate You, I Love You’ จนล่าสุดกับบท ‘โด่ง’ เด็กหนุ่มผู้มีพี่ชายเป็นออทิสติก ใน ‘Side by side พี่น้องลูกขนไก่’ ซึ่งชิ้นหลังนี้สกายให้คำจำกัดความของบทบาทที่ได้รับว่า

“เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง แล้วก็ค่อนข้างเป็นเด็กที่ขี้อิจฉา”

ก่อนจะเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้โด่งเป็นคนแบบนั้นว่า เป็นเพราะรู้สึกว่าแม่ทุ่มเทความรักให้ ‘พี่ยิม’ พี่ชายผู้เป็นออทิสติก ซึ่งรับบทโดย ต่อ ธนภพ ลีรัตนขจร ขณะที่เขาเองก็อยากได้ความสนใจจากแม่เช่นกัน

Advertisement

กับบทนี้ สกายบอกว่าตื่นเต้นและกดดันเป็นอย่างมาก และเพราะอยากให้ออกมาดีจึงต้องใช้เวลาในการเวิร์กช็อปอยู่นาน

“ก็เกือบปีนึงครับ ถ้ารวมการซ้อมแบดด้วย ซ้อมแบดประมาณ 7-8 เดือน”

“เหมือนตอนแรกท่าตีแบดเราเหมือนพี่ยิม สลับคาแร็กเตอร์กัน” สกายเล่าพลางหัวเราะ ก่อนจะบอกว่าเลยต้องใช้เวลา “ไปจูนให้ท่าเราเท่”

Advertisement

เล่าด้วยว่าขณะที่ต่อ ธนภพ ต้องไปคลุกคลีกับผู้ที่เป็นออทิสติก่อนมาเล่น เขาเองก็ไม่ต่างกัน เพราะต้องไปเรียนรู้วิธีการดูแลเด็กออทิสติกแบบถูกต้อง

“ไปรู้วิธีการรับมือ ว่าต้องทำยังไงให้เขาฟังเรา ต้องมีวิธี เพราะเด็กแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป”

ซึ่งหลังจากเรียนรู้แล้ว “มีบางครั้งที่ครูเขาสอนอยู่ในห้อง ก็ไปลองคุย ลองบอกให้เขาไปทำอย่างนี้ดู บางคนก็ทำ บางคนก็ไม่ทำ” ว่าพลางหัวเราะอีก

และเพราะต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่างเพิ่มเติม เพื่อความสมจริงในซีรีส์เรื่องนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงความยากในการทำงานที่เขาคิดว่าเป็นฉากหิน

“ยากทุกซีน ทุกฉากเลย” คือคำตอบที่ได้กลับมา

แต่ที่สุดๆก็ “น่าจะเป็นฉากที่ต้องเล่นแบดด้วย ผสมแอ๊กติ้งไปด้วย คือเหมือนว่ามันต้องโฟกัสทั้งสองอย่าง”

“ฉากนั้นมันเป็นซีนอารมณ์ เป็นการแข่งนัดสำคัญ ซึ่งพออารมณ์มันขึ้นไปดราม่าสุดสุดแล้ว มันทำให้การเล่นแบดของเราเสียโฟกัสไป ต้องพยายามโฟกัสให้ได้ทั้งสอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับผมในการเล่นเรื่องนี้”

ส่วนฉากประทับใจเขาก็ว่า “น่าจะเป็นฉากที่อยู่กับครอบครัวครบทั้ง 4 คน คือ ผม พี่ยิม แม่แตง แม่ตั้ม รู้สึกว่ามันมีความอบอุ่น เล่นแล้วนึกถึงครอบครัวที่บ้าน”

แต่ขณะเดียวกันหลายฉากในเรื่องก็ทำให้เสียน้ำตานอกซีน

“เอาจริงๆ ก็เสียน้ำตาตั้งแต่การรีด ทรู ครั้งแรกแล้วครับ บทมันดราม่า ร้องทุกอีพีเลย”

“แต่คือร้องทุกคนที่อ่าน ไม่ใช่ผมคนเดียวนะ” เขาบอก

สำหรับการมาร่วมงานครั้งนี้ สกายบอกว่า สิ่งหนึ่งที่เขาได้รับกลับมาคือ

“มีความรู้สึกว่ารักครอบครัวมากขึ้น”

ส่วนสิ่งที่อยากให้ผู้ชมได้รับกลับไป นอกจากความสนุกไปกับเรื่องราวของแต่ละตัวละคร เขาก็ว่า

“หลายๆ คนที่ได้ดูซีรีส์ คิดว่าทุกคนจะรักครอบครัวมากขึ้น มันมีความอบอุ่นที่บอกไม่ถูก อยากให้ไปดูเอา มันเป็นสายใยที่ไม่สามารถพูดได้ แต่เชื่อว่าถ้าได้ดู ทุกคนจะเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร”

*ซีรีส์ที่มีผลต่อแนวคิด*

กับตัวเองแล้ว สกายบอกว่า ซีรีส์เรื่องนี้ได้เปลี่ยนความคิดเขาไปตลอดกาล ในเรื่องที่เกี่ยวกับเด็กออทิสติก

“รู้สึกว่าพวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ควรได้รับโอกาสเท่าๆ กับเราปกติ เพราะจริงๆ เขาเป็นคนที่มีความสามารถมากๆ”

“บางคนอาจจะมีความสามารถมากกว่าเราด้วย”

* ‘ต่อ’ ในมุมมองของ ‘สกาย’*

“พี่เขาก็คอยสอน”

“อย่างตอนที่เราลงคาแร็กเตอร์ ก็มาแนะนำ คอยช่วยบอกว่าเราควรรีแลกซ์”

เล่าด้วยว่า ตอนก่อนจะเล่น นอกจากจะมีโอกาสได้ทำความสนิทสนมแล้ว ครูที่เป็นแอ๊กติ้งโค้ชยัง ‘ลองให้เราสลับกัน’

‘ให้สำรวจแต่ละคน ว่าเราจะก๊อบปี้เขาในส่วนของความเท่ และเขาก๊อบในส่วนของความเป็นออทิสติกของผม’ สกายเล่าพลางหัวเราะ

ก่อนสารภาพว่า ก่อนหน้านั้นเขาไม่กล้าคุยกับต่อเท่าไหร่นัก บอกยิ้มๆ ว่า เพราะยังติดภาพของ ‘ไผ่ ฮอร์โมนส์’ จึง “กลัวโดนต่อย” ว่าแล้วก็หัวเราะอีก

ก่อนจะเปลี่ยนโหมดมาจริงจัง โดยว่า “เรื่องของการทำงานพี่เขาเป็นคนที่ตั้งใจ จะทำอะไรคือต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ก็จะไม่หยุด”

“ก็เป็นเหมือนไอดอลคนหนึ่งของเรา”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image