นิทรรศการ ‘จิ๋วจิ๋ว’ … การเดินทางอีกก้าวของ ‘มุนินฺ’

เผลอแป๊บเดียว ก็เป็นเวลากว่า 9 ปีแล้วที่ชื่อของ ‘มุนินฺ’ หรือ มุนินทร์ สายประสาท เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตการอ่านของใครหลายๆคน โดยเฉพาะนักอ่านที่หลงรักในลายเส้นสวยๆซึ่งมาพร้อมเรื่องเล่าอันงดงาม

ในวันที่เติบโตขึ้น มุนินฺได้สร้างงานใหม่ๆมากมายนอกจากเรื่องของหนังสือ และในวันที่ 6 สิงหาคม – 3 กันยายนนี้ จะเป็นครั้งแรกที่ผลงานของเธอจะถูกนำมาแสดงในรูปแบบของนิทรรศการศิลปะ ‘จิ๋วจิ๋ว’ ซึ่งเป็นการแสดงผลงานภาพวาดระบายสีครั้งแรกของมุนิน ภาพที่เปี่ยมชีวิตชีวาของมนุษย์ตัวจิ๋วๆสมกับชื่อนิทรรศการ

“เกิดจากความชอบวาดรูปเด็กของเราค่ะ ถ้าสังเกตจะเห็นเราวาดรูปเด็ก เขียนการ์ตูนโดยใช้ตัวละครเด็กเป็นตัวเดินเรื่องอยู่เยอะมาก เพราะส่วนตัวคือชอบ ชอบสเกลแบบหัวโต ไหล่เล็ก แขนขาอ้วนป้อม กับการแสดงอารมณ์และท่าทางของเด็กที่เป็นธรรมชาติ พอคิดว่าจะแสดงผลงานก็เลยคิดถึงการวาดเด็กๆขึ้นมาทันที จากตรงนั้นเราก็ต่อยอดไอเดียกันมา ว่าจะทำยังไงให้คนที่เข้ามาดู ได้มากกว่าการดูรูปวาดของมุนินฺ ภาพคาแรคเตอร์ของเด็กหนึ่งภาพ จะต้องสะท้อนเรื่องราวบางอย่าง หรือสื่ออารมณ์ให้กับเขา และคงดีถ้าระหว่างดูนิทรรรศการ พวกเขาจะได้ย้อนถึงวัยเด็กของตัวเองไปพร้อมกัน” เธออธิบายถึงจุดเริ่มต้นด้วยรอยยิ้มสดใส

Advertisement

นิทรรศการนี้เป็นภาพที่เจ้าตัวตั้งใจวาดแขึ้นมาใหม่ โดยบอกว่า งานเหล่านี้เป็นสิ่งที่เธอทำเวลาต้องการพักเบรคจากงานหนักๆ โดยมุนินฺพบว่าการลงสีน้ำเป็นงานที่สวย เบา และเป็นธรรมชาติ เข้ากับลายเส้น การนำเสนอเรื่องราวของเธออยู่ไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นการทำงานการทำงานภาพระบายสีในหนังสือกับนิทรรศการมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก

“งานที่ทำเป็นเล่มจะค่อนข้างมีระบบ ถึงไม่ใช่ระบบที่สมบูรณ์เท่าไรแต่จะมีรูปแบบของมันอยู่ มีความตึง มีเดดไลน์” เธอว่าพลางหัวเราะ ก่อนอธิบายเพิ่มว่าเพราะการทำหนังสือมีความคาดหวังในรูปแบบหนึ่ง จึงทำให้รู้สึกว่านั่นคือการทำงาน แต่พอเป็นงานวาดเพื่อทำนิทรรศการ เธอกลับคิดถึงการจัดบอร์ดหรือทำโครงงานสมัยเรียน

Advertisement

“ซึ่งเราชอบมาก มันสนุก ไม่รู้สึกว่าเป็นงานเลย วิธีคิดที่จะนำเสนอออกมาก็ค่อนข้างตรงและจบในงานหนึ่งชิ้น แต่ส่วนที่เหมือนกันก็มี คือท้ายที่สุดแล้ว หลังจากอ่านหนังสือเล่มหนึ่งจบกับดูภาพนิทรรศการจบ ควรจะต้องมีความรู้สึกที่ผู้เสพงานจะสัมผัสได้ชัดเจนจากตัวเขาเอง เป็นเรื่องราวหรือเป็นภาพใหญ่หนึ่งเรื่องที่ต้องไม่สะเปะสะปะ จับต้องได้ทางความรู้สึก เอาไปเล่าต่อได้”

แม้ว่าเทรนด์หนังสือภาพตอนนี้จะกำลังนิยมงานภาพที่สร้างขึ้นจากกราฟฟิค แต่สำหรับมุนินฺแล้วนั้น เธอยังเชื่อมั่นในเสน่ห์ของงานภาพที่สร้างด้วยมือ

“เราชอบดูงานที่ทำด้วยมือ ก็เหมือนสิ่งของอื่นๆ ขึ้นชื่อว่าทำมือจะมีรายละเอียดของมัน มีอารมณ์ มีความไม่สมบูรณ์ มีชีวิตชีวา เป็นเสน่ห์ของงานมือ ซึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้มันจับใจคือ ‘ความเป็นจริง’ ของมัน เกิดขึ้นจริงแล้ว และเกิดขึ้นหนึ่งครั้ง จะไม่มีงานที่เหมือนกันแบบนี้เกิดขึ้นอีก และตอนนี้คุณกำลังสัมผัสถึงมันอยู่”

‘จิ๋วจิ๋ว’ จัดแสดงที่ 10ml. ซึ่งเป็นคาเฟแกลเลอรี่ใจกลางเมืองตรงรัชดาซอย 19 แกลลอรีนี้เป็นไอเดียของสิริ ซึ่งเป็นพี่สาวของมุนินฺ โดยสิริได้เปิดส่วนของสตูดิโอมาประมาณครึ่งปีแล้ว และในส่วนงานของเธอนั้น นอกจากการเขียนแล้ว ตอนนี้เธอทำโปรเจ็คเยอะมาก ซึ่งล้วนแต่ต่อยอดมาจากงานหนังสือ

“ตอนนี้ทำอยู่ราวๆ สิบสามล้านอย่าง” เธอกล่าวพร้อมเสียงหัวเราะ

“จริงๆ มีหมวดของมันอยู่ แยกได้ 3 อย่างค่ะ คือทำหนังสือ ทำร้านหนังสือ และทำนิทรรศการ ส่วนของต้นฉบับหนังสือ เป็นสิ่งที่ทำประจำอยู่แล้ว เราตั้งฐานที่มั่นตรงนี้แหละ ตอนนี้กำลังทำผลงานการ์ตูนซีรี่ย์เรื่องใหม่ ชื่อ ‘OST. รักนี้ ไม่มีกำหนดคืน’ เรื่องนี้จะเกี่ยวกับ “หนัง” ตัวเอกเป็นเจ้าของร้านเช่าหนัง เป็นการ์ตูนครอบครัวและความสัมพันธ์เหมือนเดิม แต่จะเข้มข้นและน่าติดตามมากขึ้น ช่วงตุลาคมนี้น่าจะได้อ่านกันค่ะ ส่วนที่สองคือทำร้าน ตอนนี้เรามีร้านหนังสือ 10mm. ที่โคราช เป็น Book Cafe มีหนังสือขาย ส่วนใหญ่เป็นหนังสือภาพแบบที่เราชอบ มีเครื่องดื่ม ไอศกรีมโฮมเมด ในบรรยากาศบ้านสีขาว นั่งอ่านหนังสือแกว่งขาที่ลานไม้ใต้ร่มไม้ มีแกลเลอรี่ในสวน เปิดมาได้ 5 เดือนแล้วค่ะ ส่วนตัวร้าน 10ml. Cafe Gallery จะเป็นของพี่สาว ก็จะมีส่วนของคาเฟ่ ร้านกาแฟเต็มรูปแบบ มีห้องจัดแสดงเล็กๆ และมีสตูดิโอเวิร์คชอปที่ชั้นบน เป็นอะไรที่พวกเราชอบและคลุกคลีกันมาตั้งแต่เด็กทั้งหมด งานส่วนสุดท้ายก็คือนิทรรศการจิ๋วจิ๋วที่กำลังจะเกิดขึ้น” เธอเล่าให้ฟัง

ไม่ว่าจะทำอะไร ‘การเขียน’ ก็คือสิ่งที่ยึดถือเป็นหลักเสมอ ซึ่งการเดินทางกว่า 9 ปีบนเส้นทางสายนี้ ก็ทำให้มุนินฺเห็นปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่น่าสนใจ

“เราเริ่มเข้าวงการหนังสือมาตอนช่วงที่กระแสโซเชียลเน็ตเวิร์กเริ่มมา ก็เป็นช่วงที่พวกหนังสือภาพและการ์ตูนไทยกำลังนิยมมากๆ คึกคักอยู่ราวๆ 3 ปีได้ ก็มาถึงช่วงที่โซเชียลเน็ตเวิร์กเอาจริง คือก่อนหน้านี้กระแสในโซเชียลช่วยให้ศิลปินถูกมองเห็น แล้วก็ได้ผลิตงานหนังสือ ต่อมาคนเสพงานจากอินเตอร์เน็ตได้แล้ว เข้าถึงง่าย และมีคนจำนวนมากในนั้น ศิลปินรุ่นใหม่ๆ ก็จะเริ่มสร้างตัวตนในออนไลน์ มีบางส่วนออกมาผลิตงานรูปเล่ม คือมีลู่ทางการทำงานที่หลากหลายขึ้น ในอินเตอร์เน็ตมีงานที่ได้รับเงินเร็ว เราเองก็ทำนะ แต่อย่างที่บอกว่า การทำหนังสือคือฐานที่มั่นหลักของเรา งานออนไลน์เราทำเสริม เพื่อให้กระแสทั้งสองฝั่งมันเอื้อต่อกัน วงการหนังสือภาพในช่วงปีหลังๆก็เลยคึกคักน้อยลง แต่ปีที่ผ่านมาเราเริ่มเห็นกระแสของเทรนด์หนังสือภาพกลับมาอีก พวกเราคนทำหนังสือภาพก็เริ่มจับกลุ่มและปรึกษากันถึงทิศทางที่จะไป ทุกคนกำลังสร้างผลงานกันอยู่ ตัวเราเองก็ด้วย อยากให้วงการนิยายภาพและการ์ตูนคึกคักอีกครั้ง

กลุ่มผู้อ่านและสนับสนุนหนังสือภาพยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง สิ่งที่รุ่นพี่ในวงการแนะนำก็คือ เราต้องสร้างสรรค์ผลงานออกมาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ภาพชัดว่าเรามีวงการนิยายภาพ มีวงการการ์ตูนไทยที่ยังแข็งขันกันอยู่นะ ติดตามพวกเราได้จะไม่ผิดหวัง เราต้องทำให้คนอ่านรู้สึกแบบนั้น สร้างความต่อเนื่องคุ้นเคย แล้วเกิดเป็นวัฒนธรรมการอ่านและสะสมหนังสือภาพก้าวต่อไปนอกเหนือจากนี้ ที่เราพยายามทำก็คือเรากำลังแทรกซึมงานภาพประกอบ เข้ากับเทรนด์อื่นๆอย่างที่เราทำ Book Cafe หรือ Cafe Gallery มันก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะสื่อสารผลงานของนักวาด ซึ่งเร็วๆ นี้ก็จะมีร้านหนังสือของศิลปินรุ่นพี่ที่รวมตัวกันเกิดขึ้นอีก

เราเห็นภาพของวงการหนังสือภาพเลย ว่ากำลังจะสนุกขึ้นอย่างแน่นอน”

 

ดอกฝน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image