หลังคลอดน้องแฝด สายฟ้า กับ พายุ เมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา ในบ่ายวันนี้ ( 9 กันยายน) ที่รพ.บำรุงราษฎร์ ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต กับ น็อต วิศรุต รังษีสิงห์พิพัฒน์ ก็เปิดใจให้สัมภาษณ์ โดยว่า
“ยังงงๆนิดหน่อยสำหรับคำว่าแม่ เหนื่อยๆแต่ก็มันส์ดีเหมือนกัน” ชมพู่ อารยากล่าว
ส่วนความรู้สึกก่อนเข้าห้องคลอด น็อต วิศรุตกล่าวว่าภรรยาดูผ่อนคลาย
ชมพู่ อารยา กล่าวว่า คือจริงๆค่อนข้างจะวางใจกับทางทีมแพทย์ แล้วก็ทุกๆอย่าง คือเราค่อนข้างจะคิดบวกมากกับการ ท้องครั้งนี้ ก็ถ้าคิดว่าเราทำทำทุกอย่างมาดี น่าจะราบรื่น คือมีแต่พลังบวก คิดแต่เรื่องดีๆ ก็เลย ค่อนข้างจะชิว
หลังจากนั้นพอถึงฤกษ์คลอดสายฟ้าก็ลืมตาดูโลกพร้อมส่งเสียงร้องดังทำให้พ่อมือใหม่ตื่นเต้นไป
“ยังตื่นเต้นอยู่ มาซึมทีหลังมากว่าตอนนั้นคงยัง แต่ว่าแบบตอนนั้นตื่นเต้นอยู่ ลุ้นว่าพอคนแรกออกมาก็กำลังลุ้นอีกคนหนึ่งอยู่ด้วย ก็หลังจากที่เสร็จออกมาพร้อมกันสองคน แล้วหมอก็ห่อเอามาให้เอง”
“คือตอนที่เขาเอาสองคนมาให้ดูเรายังนอนอยู่ แล้วชมก็แบบว่า มันอยู่กันไปได้ยังไง อยู่ในนั้นไปได้ยังไงตั้ง 2 คน มิน่านะเราถึงหนักมาก เพราะว่าเขาตัวใหญ่ ถือว่าตัวใหญ่พอสมควร” ชมพู่กล่าว
ส่วนที่มาของชื่อลูกทั้งสองเกิดมาจากคุณพ่ออยากให้ชื่อลูกคล้องกับธุรกิจของครอบครัว
“ผมทำสายไฟฟ้า ก็เลยจะไปตั้งชื่อลูกว่า เด็กชายสายไฟฟ้าก็สงสารลูก สงสาร เลยตัดคำว่าไฟออก เป็นสายฟ้า คราวนี้ก็ผมคิดคำว่าสายฟ้าก็เลยบอกชมว่า สายฟ้าไหม ชมก็เลยคิดว่างั้นก็สายฟ้ามากับพายุ ก็เลยเอาชื่อนี้
ชมพู่ กล่าวเสริมว่า พอแปลเป็นภาษาอังกฤษก็สายฟ้าก็มากับพายุ พอดีเลย
ซึ่งก่อนหน้าชมพู่ อารยา เล่าว่าพยายามออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง เพื่อประคองน้องให้อยู่ในท้องตามฤกษ์ซึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
แต่สำหรับบรรยากาศการให้นมครั้งแรกของตนนั้นไม่มีน้ำตาแต่อย่างใด
” ชมด้วยความที่ชมเป็นคนที่โฟกัสกับสิ่งที่ชมต้องทำมาก มันก็เลยทำให้ชมอาจจะไม่มีน้ำตา แต่ว่าเวลาที่เราดูภาพอย่างอื่น ดูภาพลูก โดยที่เราไม่ได้มีน้ำตา สุขภาพของลูกทั้งสองสมบูรณ์แข็งแรงแต่คนสามีตั้งใจว่าจะอยู่โรงพยาบาลจนกว่าจะเลี้ยงลูกชำนาญกว่านี้ และเมื่อกลับบ้านตั้งใจจะเลี้ยงลูกเอง”
” ตั้งใจว่าต่อให้มีคนช่วยคงแบบลักษณะเป็นมือเป็นไม้มากกว่า แต่ว่าไม่ใช่ว่ามาเลี้ยงให้เรา เพราะว่าปีนี้ยังไม่รับละครอยู่แล้ว คิดว่าช่วง1ขวบแรก ก็จะเต็มที่”
” ก็เตรียมนะคะ แต่ว่าไม่มีความพร้อม 100% เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เราไม่เคยเจอ ก็เราก็มีอะไรที่ต้องมี นอกนั้นเราต้องเรียนรู้หน้างาน มันไม่มีคำว่าพร้อมที่สุด”
ส่วนภาพครอบครัวที่มาสวยงามเป็นเหมือนสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้แก่คุณแม่หลังคลอดนั้นตนแค่อยากมีรูปครอบครัวที่สวยๆ
” ก็อยากมีภาพครอบครัวสวยๆ เราอยากเก็บให้เขา อยากทำดีๆให้เขา ”
” เราก็เซ็ทถ่ายกันใกล้ๆห้องพัก พอไหว ใช้เวลาไม่นานหรอกค่ะเพราะว่า เราก็คุยกับทีมเราต้องเซฟน้อง เซฟเราด้วย”
ส่วนแพลนมีน้องต่อ ตนอยากพัก ในขณะที่สามีอยากมีทายาทต่อ เพียงแต่ยังไม่ใช่ช่วงนี้
“ตอนนี้ยังไม่พูดถึง เข้าใจว่าคือเห็นใจเลย ว่าคนเป็นแม่เป็นยังไง ตั้งแต่ท้องถึงคลอด ต้องอยู่ ช่วงนี้เราพักก่อนแล้วกัน”
ส่วนอนาคตของลูกทั้งสอง ตนจองโรงเรียนไว้ให้สายฟ้าและพายุจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
” เท่าที่วางแผนไว้น่าจะมีจบ ม.6 ไม่ได้จองโรงเรียนเดียว ยังไม่รู้อนาคต แต่มีแผนสอง มีคุยที่ต่างประเทศด้วย”
แต่ส่วนแผนการเลี้ยงลูกในระยะใกล้ตนคิดไว้ว่าจะพยายามศึกษาวิธีการเลี้ยงลูกกับภรรยาไว้อยู่แล้ว
” อันนี้ผมว่าธรรมดานะ เราก็ต้องมีการวางแผนแล้วก็ต้องพยายามศึกษาว่า เราควรจะเลี้ยงลูกยังไง คุยกันตลอด เป็นเรื่องที่คุยกันทุกวัน”
” สไตล์ก็คงไทยๆผมว่าเป็นโลกยุคใหม่ เอาสิ่งดีๆของทุกๆอย่างมา ที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับเขา”
แต่ถึงอย่างไรในอนาคตน็อต วิศรุตไม่อยากให้ลูกเข้าวงการบันเทิง เพราะอยากให้ลูกชายเป็นนักฟุตบอลมากกว่า แต่สำหรับงานละครของชมพู่ อารยา จากนี้ 1 ปีคงหยุดรับเพื่อโฟกัสเรื่องการเลี้ยงลูก อาจมีรับงานพิธีกร และงานโฆษณาที่ใช้เวลาไม่นาน สำหรับมุมมองของแม่ตนไม่เปลี่ยน แต่เวลาจากนี้คือเรื่องของการเรียนรู้และจะทำให้ดีที่สุด
” เราก็ยังรู้สึกว่าเราเป็นเรา มันเป็นการเรียนรู้ ชมว่า ในเวลานี้ เป็นเรื่องของการเรียนรู้แล้วก็เหมือน เราเหมือนมาทำความรู้จักกันใหม่ มันส์ดี ท้าทาย ก็สิ่งใหม่ที่เราตั้งตารอและอยากทำมันให้ดี”