ถ่ายรูปตามรอยสถานที่ที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยเสด็จประพาสไป ทั้งในเมืองไทย และต่างประเทศ สำหรับ แทน นิธิวีร์ ว่องแพร่วิทย์ หรือที่รู้จักกันในนาม ‘แทนสตูดิโอ’ ซึ่งเธอได้เผยถึงแรงบันดาลในการริเริ่มโครงการตามรอยเสด็จในครั้งนี้ให้ฟังว่า จุดเริ่มต้นมาจากวันที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต เมื่อ 13 ตุลาคม ปีที่ผ่านมา โดยเธอได้นำพระบรมฉายาลักษณ์ขณะเสด็จฯประพาสที่อเมริกาไปด้วย และด้วยความเศร้าโศกก็ทำให้มีภาพนี้ออกมา
โดยเธอได้เล่าต่อว่า วันนั้นเธอโดนถ่ายรูปเยอะมาก และภาพนี้นั้นถูกแชร์ต่อไปในโลกโซเชียล จนกลายเป็นหนึ่งในภาพประวัติศาสตร์ ทำให้กระทรวงวัฒนธรรมคัดเลือกมาเป็น 1 ใน 11 คน จากภาพแห่งความจงรักภักดี ไปบันทึกเป็นส่วนหนึ่งจดหมายเหตุของชาติ
“มันถูกแชร์ไปเยอะมาก จนย้อนคิดไปว่าทำไมเราไม่เคยรู้เลยว่าในหลวงไปทำอะไร ก็เลยลองศึกษารูปนี้ดู”
จนเมื่อได้เริ่มศึกษาจากภาพดังกล่าวก็ทำให้รู้สึกเหมือนจิ๊กซอว์ที่ต่อไม่เสร็จสักที เพราะเรื่องราวนั้นมีให้ศึกษาติดตามเยอะมาก เลยเริ่มจากการตามรอยเสด็จในเมืองไทย โดยเลือกไปที่โครงการชั่งหัวมัน เป็นที่แรก
ก่อนจะตัดสินใจกลับไปตามรอยภาพในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งเสด็จฯประพาสที่อเมริกาเพราะเป็นภาพที่ทำให้ตนได้รับการคัดเลือกให้ไปบันทึกจดหมายเหตุแห่งชาติ
“ก็เลยตามงานประพาสที่อเมริกาทั้งหมดเลยที่สามารถเข้าไปได้ ที่ไม่ใช่ในส่วนของรัฐบาล”
“เราก็ไปศึกษาดูว่าจุดเริ่มต้นของรูปนี้ ตรงนี้ในภาพมันคือจุดอะไรก็ตามไป แล้วก็ตามไปถึงที่พระชนกพระชนนีอยู่ที่แถวบอสตันก็ตามไปหมดเลยทุกที่”แทนเล่า
หลายคนใน FB ที่รู้จักกัน คงรู้ว่าฉันเป็นหนึ่งใน 11 คนที่กระทรวงวัฒนธรรมตามหา เมื่อครั้งให้ไปบันทึกเหตุการณ์วันที่ 13 ตุล…
โพสต์โดย Tan Nidhivir Wongpraywit บน 27 กันยายน 2017
ส่วนสถานที่ในเมืองไทยนั้น ก็อาศัยว่าถ้าตนเองจะเดินทางไปจังหวัดไหนก็จะหาข้อมูลในจังหวัดนั้นๆ ว่าในหลวงทรงเสด็จไปตรงไหนบ้าง
“คือในหลวงไปทุกที่อยู่แล้ว ดังนั้นไม่ใช่เรื่องยากที่จะหาข้อมูลกับรูปอ้างอิงมาแล้วก็ไปสถานที่นั้นถ้าเรามีโอกาส”
และไม่ใช่แค่ตามรอยการเสด็จทรงงานเท่านั้น เพราะยังทำให้ได้เห็นมุมส่วนพระองค์กับพระราชินี ที่เคยได้เห็นภาพนี้อยู่บ่อยครั้งแต่ไม่เคยรู้ว่าเป็นที่ไหน ก็ยิ่งทำให้มีความสุขในการได้ทำ
“อย่างที่นครศรีธรรมราช คือในหลวงเสด็จนครฯเยอะมาก แล้วมีรูปน่ารักเยอะ อย่างตอนที่ท่านเสด็จไปกับสมเด็จพระราชินีที่น้ำตก”
“เราก็ดูรูปแล้วรู้สึกว่าเราคุ้นมากเลยแต่ทำไมเราไม่เคยรู้ ถ้ารู้แล้วจะขวนขวายไปให้ได้ จะปริ้นรูปให้หมดแล้วเราก็ไป”
ทั้งนี้ยังได้เผยว่าตนเองได้ตั้งปณิธานไว้แล้วว่าจะตามรอยโครงการในพระราชดำริทุกที่ ซึ่งได้คำนวนไว้ว่าถ้าไปทุกวันต้องใช้เวลาถึง 17 ปี ถึงจะครบ ก็จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ทำตามความตั้งใจต่อไป
“ในฐานะที่เป็นช่างภาพ พี่รู้สึกว่าเราต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”
นอกเหนือการจากถ่ายภาพแล้วก็ยังตั้งใจที่จะเผยแพร่พระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้คนไทยได้ศึกษาและน้อมนำไปปฎิบัติด้วย
ก่อนเผยถึงความรู้สึกว่า โชคดีที่ได้เกิดภายใต้พระบรมโพธิ์สมภารของท่าน โชคดีที่ว่าสนใจประวัติศาสตร์ ยิ่งศึกษาก็ยิ่งรักท่าน รักราชวงศ์กษัตริย์
“เราโชคดีที่เรารู้ว่าเราโชคดีมากที่เกิดมาเป็นคนไทย แล้วพระองค์เป็นเหมือนเทวดา เหมือนได้เกิดในยุคที่มีพระพุทธเจ้า”
ขอบคุณภาพจาก tanstudio , Tan Nidhivir Wongpraywit