หลังจากไปรวมแจมกับซุปเปอร์ฮีโร่ในหนังเรื่องโน้นนิด เรื่องนี้หน่อย คราวนี้เทพเจ้าสายฟ้า‘ธอร์‘ ก็มาแบบเต็มๆในหนังภาค 3 ของตัวเอง ‘Thor: RAGNAROK- ศึกอวสานเทพเจ้า’ ที่ได้ ไทก้า ไวทีที มารับหน้าที่กำกับ
โดยเรื่องราวในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ ธอร์ ต้องการหยุดคำทำนายที่ว่าแอสการ์ดจะถูกทำลาย ดังนั้นจึงต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะหยุดยั้ง
สำหรับแฟน ‘ธอร์’ หลายคนคงติดใจกับภาคก่อนที่ทำออกมาได้สนุก เนื้อหาน่าติดตามและพระเอกกล้ามแน่นๆ รวมถึง ‘โลกิ’ ที่แม้จะร้าย แต่หลายคนก็ตกหลุมรัก
ภาคนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง
เพราะ คริส เฮมส์เวิร์ธ ที่แม้จะมาพร้อมกับผมทรงใหม่ตามสไตล์นักรบกลาดิเอเตอร์ แต่ฝีมือการต่อสู้ยังคงทรงพลังและคงความหล่อ เท่ เอาไว้ในทุกท่วงท่าเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือมีความตลกและกวนขึ้นเป็นเท่าตัว ตามโทนของเรื่องที่เปลี่ยนไปตามความตั้งใจของผู้กำกับ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อต้องเจอกับเพื่อนร่วมทีมที่ผ่านสมรภูมิด้วยกันมาแล้วอย่าง ‘ฮัคส์’ ที่กลายมาเป็นคู่ต่อสู้โดยไม่ตั้งใจ ทั้งคู่ก็ดูเข้าขากันได้น่ารักทีเดียว
ขณะที่ ทอม ฮิดเดลสตัน ผู้เป็น ‘โลกิ’ ในภาคนี้ก็ยังคงได้ใจแฟนๆไปเหมือนเคย แม้จะเป็นตัวละครที่มีด้านมืดอยู่ในตัว แต่เขาก็สามารถถ่ายทอดความรู้สึกลึกๆอีกด้านของตัวละครนี้ผ่านทางแววตาได้เสมอ
และถึงแม้ในภาคนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีนางเอกที่ชัดเจนนัก แต่การปรากฏตัวของนักรบในตำนานอย่าง ‘วัลคีรี่’ ที่รับบทโดย เทสซา ธอมป์สัน ก็ดูจะโดดเด่นไม่ต่างจากบทนางเอกเท่าไหร่ รวมถึงการปรากฏตัวละครฝ่ายร้ายอย่าง ‘เฮล่า’ ซึ่งรับบทโดย เคท บลันเชตต์ เทพีแห่งความตาย ศัตรูตัวร้ายของภาคนี้ ก็ดูจะตราตรึงผู้ชมได้ตั้งแต่ท่าเดิน
แฟนๆธอร์คงเห็นในตัวอย่างภาพยนตร์มาบ้างแล้วว่า ในภาคนี้ฆ้อนโยเนียร์คู่ใจของธอร์ ซึ่งไม่อยากเชื่อว่าจะถูกทำลายได้ กลับถูกทำลายลง แต่แล้วการสูญเสียอาวุธสำคัญของตัวเองไปโดยไม่คาดคิด ก็ทำให้เขาได้ค้นพบว่า สิ่งสำคัญของการต่อสู้-ไม่ว่าจะเรื่องไหน ‘อาวุธ’ ก็ไม่สำคัญเท่าความเชื่อมั่นในตัวเอง
เพราะไม่ว่าจะเป็น อาวุธที่ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกทำลายล้างอย่างที่บอก หรืออุปกรณ์ ผู้ช่วยอื่นใด ทุกอย่างย่อมมีเกิด ตั้งอยู่และดับไป ขนาดทวยเทพก็ไม่อาจฝ่าฝืนได้
หากเข้าใจและปล่อยวาง บางทีอาจจะมีสิ่งดีๆที่รออยู่โดยที่เราไม่ได้คาดหมายเลยก็เป็นได้
…