หลังจากเผยโฉมหน้าของนักแสดงในภาพยนตร์เรื่องใหม่ของจีดีเอชอย่างเรื่อง Brother & Sister ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ ที่รวมเอานักแสดงแถวหน้าทั้ง ญาญ่า อุรัสยา สเปอร์บันด์, นิชคุณ หรเวชกุล และ ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ มารับบทนำของเรื่อง ก็เรียกความสนใจได้ไม่น้อย โดยล่าสุดวันนี้ (13 พ.ย) 3 นักแสดง ก็ได้เผยความรู้สึกถึงการได้ร่วมงานกันครั้งแรกนี้ ในงานบวงสรวงภาพยนตร์ Brother & Sister ณ บ้านจีดีเอช โดยซันนี่เล่าถึงคาแร็กเตอร์ที่ได้รับว่า
“คาแร็กเตอร์ในเรื่อง มีเหตุผลเป็นของตัวเองในการใช้ชีวิตเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ไม่เหมือนกับคนอื่น” ซันนี่กล่าวก่อนเผยความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับนางเอกสาวญาญ่าว่าน่ารักดีและเป็นกันเอง
ด้านญาญ่าก็เผยว่า ดีใจมากที่ได้ร่วมงานกับ 2 พระเอก พร้อมเผยคาแร็กเตอร์ที่ได้รับว่าบทบาทในเรื่องนี้เป็นคนที่รู้ใจตัว เนี้ยบ และเป็นเพอร์เฟกชั่นนิส ซึ่งก็มีทั้งที่คล้ายและความแตกต่างในตัวเธอ ขณะที่เรื่องที่หลายคนแอบกังวลว่าต้องมาร่วมงานกับพระเอกขี้แกล้งอย่างซันนี่นั้น เธอก็ว่า
“ไม่หรอกค่ะ พี่เขาน่ารัก นิสัยดีมาก แต่แค่ขี้แกล้งเท่านั้นเอง”
ด้านนิชคุณก็บอกว่าอยากเล่นหนังไทยมานานแล้วจนกระทั่งทุกอย่างลงตัวจึงได้รับเล่น พร้อมเผยถึงการเตรียมตัวในภาพยนตร์เต็มตัวครั้งแรกว่า
“ได้ร่วมงานกับพี่บอล พี่เก้ง เป็นหนังเต็มตัวเรื่องแรกของผม ต้องเรียนแอ๊กติ้งให้หนักขึ้น”
“ส่วนคาแร็กเตอร์ในเรื่องเป็นคนค่อนข้างเรียบร้อย แต่พี่ซันนี่สอนการจีบสาวเรียบร้อยแล้วครับ”
ขณะที่ผู้กำกับอย่าง บอล-วิทยา ทองอยู่ยง ก็เผยความรู้สึกของวันแรกในการเริ่มถ่ายทำหลังจากเตรียมงานมาอย่างหนักหน่วงว่า
“ตื่นเต้นครับ ทุกอย่างเป็นรูปธรรม นักแสดงและทีมงานครบ เป็นหนังโรแมนติกคอมเมดี้ที่มีพระเอกสองคน โดยทั้งคู่มีบุคลิกที่เหมาะสมกับคาแร็กเตอร์ตัวละคร คนนี้ยียวน อีกคนเรียบร้อย เรียกง่ายๆว่าเด็กเรียนกับเด็กหลังห้อง”
พร้อมฝากให้ติดตาม เพราะขนาดยังไม่เริ่มถ่ายเขายังมองเห็นว่า 3 คนนี้มีเคมีที่น่าสนใจไม่น้อย
ด้านโปรดิวเซอร์ใหญ่อย่าง เก้ง-จิระ มะลิกุล ก็เผยที่มาว่ากว่าจะลงตัวเป็น 3 นักแสดงนั้นได้ญาญ่ามาก่อนจากการติดต่อของโต้ง-บรรจง ซึ่งก็ตอบกลับมาว่าทางญาญ่าก็อยากเล่นหนังกับจีดีเอชอยู่แล้ว เลยทำให้ยินดีมาก ส่วนบทของซันนี่นั้นก็คือตัวซันนี่เลย
“บทนี้ผมว่าประเทศไทยคงหาคนที่เหมาะกับบทยาก ต้องเป็นซันนี่เท่านั้น เพราะซันนี่เขาเป็นคนเลือกบทภาพยนตร์และเลือกผู้กำกับด้วย ดีใจที่ได้ซันนี่มาเล่น”
ส่วนนิชคุณนั้น เก้งบอกว่าถือเป็นเรื่องของโชคมากเพราะทราบดีว่านอกจากคิวงานที่รัดตัว แถมก็ไม่ได้อยู่เมืองไทยด้วย
“เป็นไปได้ยากที่จะมีนิชคุณในหนังของเรา แต่ถือเป็นโชคดีที่เราเขียนบทช้ามาก รอจนนิชคุณว่าง” เก้งพูดพลางหัวเราะ
พร้อมเผยความคาดหวังในฐานะคนทำหนังว่ามันมีความกดดันอยู่ในทุกครั้งที่ทำหนังอยู่แล้ว
“เป็นหน้าที่ของคนทำหนังและนักแสดงทุกคนที่จะทำให้ดีที่สุด ผลลัพธ์จะเป็นยังไงเป็นเรื่องของฟ้าดิน”
“ผมเชื่อมั่นว่าหนังเรื่องนี้จะอยู่ในใจคนดูไปอีกนานแสนนาน”
