ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ศิลปสถาปัตยกรรมต้นกรุงรัตนโกสินทร์ หรือที่แรกสร้างหลังสถาปนาราชวงศ์จักรี มักเข้าใจกันว่าหลังภาวะสงครามภายนอกความขัดแย้งภายในติดต่อกันยาวนาน การลงหลักปักฐานย่อมเลียนแบบต่อเนื่องมาจากกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย งานช่างเหล่านั้่นจะเหลืออะไรให้ศึกษาอีก โดยเฉพาะเมื่อการบูรณะปฏิสังขรณ์ทับซ้ำของเดิมสืบต่อมาแทบทุกระยะ
แต่จากงานวิชาการตลอดสามทศวรรษที่ผ่านมา ไม่ว่าด้านประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์ หรือวรรณกรรม กลับทำให้ปรากฏร่องรอยต่างๆที่เห็นว่า การสร้างกรุงขึ้นใหม่นั้นมีความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง ก่อแนวคิดที่จำหลักเป้าประสงค์ต่างๆลงในงานศิลปสถาปัตยกรรมด้วย หากความยากลำบากก็คือ ต้องมองผ่านการบูรณะเพิ่มเติมในรัชกาลที่ 2 หรือที่ 3 ซึ่งเป็นช่วงเกิดพัฒนาการสำคัญทางศิลปสถาปัตยกรรมอย่างสูง
จึงต้องสร้างภาพสามมิติสันนิษฐานรูปรอยศิลปสถาปัตยกรรม ที่ประมาณว่าเป็นลักษณะเดิมในรัชกาลที่ 1 ขึ้น อันเป็นข้อสันนิษฐานที่น่าพิจารณาใคร่ครวญตามยิ่ง
โดยเฉพาะเมื่อเป็นงานวิจัยที่สนับสนุนจากสำนักวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งต้องประกอบด้วยหลักฐานความรู้ที่มีอยู่ชัดเจน “ความหมายทางสังคมและการเมืองในสถาปัตยกรรมสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก” ของ ชาตรี ประกิตนนทการ เมื่อกลายเป็นหนังสือ การเมืองในสถาปัตยกรรมสมัยรัชกาลที่ 1 อันประกอบด้วยภาพนานาล้ำค่า จึงเป็นงานที่สามารถศึกษาให้เห็นอุดมการณ์ในรัชกาลที่ 1 ซึ่งถ่ายทอดผ่านงานศิลปสถาปัตยกรรมได้
เพียงเริ่มต้นการสร้างพระอุโบสถเป็นประธานของวัด อันเป็นที่นิยมกันสืบมา แล้วล้อมพระอุโบสถด้วยพระระเบียง ตลอดจนประดิษฐานพระประธานอุโบสถด้วยพระพุทธรูปปางสมาธิ มิใช่ปางมารวิชัยตามคตินิยมเดิมของสังคมไทย ที่เห็นกันปกติในปัจจุบัน ถูกออกแบบขึ้นภายใต้แนวคิดใด และสนองความเชื่อทางพระพุทธศาสนาสมัยนั้นขนาดไหน ก็เป็นประเด็นที่น่าเรียนรู้ยิ่งยวดแล้ว
เคยได้ยิน มัชฌิมประเทศ ที่เป็นจินตนาการคนละแดนกับมัชฌิมประเทศใน ‘เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง’ ของ เจ.อาร์.อาร์. โทลเกี้ยน หรือ ‘ศีรษะแผ่นดิน’ หรือไม่ รัชกาลที่ 1 นำมาจากไหน
ไม่อยากรู้หรือ
๐ กระทั่งเกิดมามีชีวิตชาติหนึ่ง มิใช่อยู่ไปตามยะถากรรม ยิ่งเกิดมามีน้อยขนาดไหนยิ่งต้องดิ้นรนขวนขวาย อย่าว่าแต่ลงมือทำธุรกิจหรือลงทุนทำกิน หากไม่มีแผนวางไว้ก็ยากที่การเดินสะเปะสะปะจะไปถึงจุดหมายที่พึงประสงค์ได้ ‘เดอะ พาวเวอร์ ออฟ บิสสิเนส แพลน’ แผนธุรกิจพิชิตเงินล้าน อาจไม่ประกันตัวเงินมหาศาลให้ทันทีที่อ่านจบ แต่หากพินิจคำแนะนำต่างๆปรับใช้กับกิจการที่ลงมืออยู่ อย่างน้อยธุรกิจย่อมเปลี่ยนไปทางที่ดีขึ้นเห็นๆ
ไม่เชื่อต้องลบหลู่ ทดสอบดูจึงเชื่อถือได้ หาหนังสือเล่มนี้โดยคณะฟลายอิ้งคอมมา ภัทร เถื่อนศิริ อ่านดู แล้วจะเห็นบันไดที่ทอดขึ้นไปถึงยอดได้ไม่ยาก
๐ สักสี่ทศวรรษก่อน ยุคที่ทางเลือกมิได้มีมากมาย จบ ม.6 แล้วต่อ ม.8 แผนกศิลปหรือวิทยาศาสตร์ไม่ได้ นักเรียนมีสองทางให้ไป ผู้ชายไปเรียนครู ผู้หญิงไปเรียนพยาบาล ย่อมเห็นได้ว่าสองวิชาชีพเป็นวิชาที่สังคมสมัยนั้นจัดอันดับไว้ท้ายๆ ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นสองวิชาชีพที่สำคัญสูงสุดสำหรับสังคม ครูคือผู้สร้างอนาคต พยาบาลคือผู้ประคับประคองปัจจุบัน ครูเหน็ดเหนื่อยกับลูกศิษย์ลูกหาอย่างไร พยาบาลที่(ประทานโทษ)เช็ดขี้เช็ดเยี่ยวผู้ป่วยก็เหนื่อยหนักอย่างนั้น
เดี๋ยวนี้ แม้โรงพยาบาลเอกชนก็ต้องการพยาบาลคุณภาพ อย่าว่าแต่พยาบาลรัฐที่ขาดแคลนจนต้องประกาศหา กาลเวลาที่พยาบาลหน้าง้ำหรือผู้ป่วยหัวใจวายไปก่อนเพราะตกใจหน้าตาพยาบาลได้ผ่านไปแล้ว ‘เป็นพยาบาลง่ายนิดเดียว’ ที่เผยเส้นทางเตรียมตัวสู่หนทางวิชาชีพอันเมตตาและเสียสละ ทำอย่างไรจึงสอบมหาวิทยาลัยรัฐบาลได้โดย ณัชตา แก้วขาว บอกการวางแผนที่ดีเพื่อความสำเร็จ ที่จะได้อุทิศตัวแก่ผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือทั้งหลาย
๐ ยังมี ก่อนนี้ชีวิตผู้คนซึ่งต้องต่อสู้กับโรคภัย ฝากชีวิตไว้กับคุณหมอตี๋ที่ส่วนมากเป็นลูกหลานร้านขายยา ซึ่งจัด “ยาชุด” ลงซองพลาสติคให้หลังฟังอาการจบ ผิดถูกว่าไปตามประสบการณ์ที่อ่านจากคู่มือยา หรือฟังเซลส์ขายยาสาธยาย แต่เมื่อมีเภสัชกรประจำร้านตามกฎหมาย การใช้ก็ถูกต้องตามอาการและหลักความรู้แน่นอน แม้จะมีคนไข้รู้มากบางรายซื้อยาที่ตัวอยากใช้ทั้งๆไม่ถูกกับโรค เภสัชกรบอกก็ไม่ฟัง ฟ้องเจ้าของร้านเป็นข่าวมาแล้วก็มีแค่รายสองราย
กว่าจะเป็นเภสัชกร ฉบับปรับปรุงปี 2561 อธิบายระบบใหม่ ทีซีเอเอส. กสพท. กับคณะเภสัชศาสตร์ทุกมหาวิทยาลัย บอกการรับทั้ง 5 รอบ เจาะชีวิตนักศึกษาทั้ง 6 ปี เส้นทางหลังเรียนจบ ใช้ทุน เรียนต่อ เปิดร้านยา ฯลฯ
คู่มือแนะแนวการศึกษาเล่มนี้รวบรวมข้อมูลไว้ครบที่สุด สำหรับคนอยากเป็นหมอยา ที่เดี๋ยวนี้ไม่น้อยคนออกมาผสมยารักษาความงาม รักษาสิว ผิวพรรณ ฯลฯ ขายเป็นเถ้าแก่เนี้ยกันไปแล้วหลายคน
๐ ‘เดอะ แฮปปี้เอสท์ คิดส์ อิน เดอะ เวิลด์’ พ่อแม่ดัทช์เลี้ยงแบบนี้ หนูแฮปปี้สุดๆ หนังสือเทคนิคเลี้ยงลูกแบบน้อยๆแต่ลูกสุขมากโดย รีนา เม อคอสตา กับ มิเชล ฮัทชิสัน ซึ่งเจ้าของหนังสือเล่มดัง บริงกิ้ง อัพ เบเบ เลี้ยงลูกแบบผ่อนคลายสไตล์คุณแม่ฝรั่งเศส พาเมลา ดรักเคอร์แมน อ่านแล้วยังบอกว่า ชาติหน้าฉันอยากเกิดเป็นคนดัทช์ นี่น่าประกันคุณภาพระดับสูงทีเดียวแล้ว เมื่อคุณแม่ว่าเอง
ส่วนผู้เขียนทั้งสองซึ่งเป็นคุณแม่ชาวอเมริกันกับอังกฤษที่แต่งงานกับชายดัทช์ ก็ต่างเล่าประสบการณ์เลี้ยงลูกในเนเธอร์แลนด์อย่างถึงแก่น ว่าอะไรทำให้เด็กดัทช์มีความสุขและปรับตัวได้เยี่ยม อย่างหนึ่งเพราะบรรดาคุณพ่อลางานมาเลี้ยงลูกได้ สองกินช็อคโกแลตเป็นอาหารเช้า สามขี่จักรยานไปได้ทุกที่ หรือเปล่า?
ลองหาความไม่ลับจากหนังสือเล่มนี้ดู แล้วจะรู้ว่าบ้านเมืองซึ่งเด็กๆหลับยาวนานถึง ๑๕ ชั่วโมงได้แห่งนี้ มีอะไรดี จึงหล่อหลอมพวกเขาขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยม อสมาพร โคมเมือง แปลให้เข้าใจ
หนังสืออ่านเอาเรื่องเด็ดๆทั้งนั้น.
บรรณาลักษณ์