แค่เห็นยังไม่พอ ที่ได้ยินอย่าเพิ่งสรุป

โต๊ะตัวหนึ่งท่ามกลางโต๊ะอีกนับสิบตัวในงานเลี้ยงแต่งงาน ก็สามารถสร้างเรื่องราวขึ้นเป็นภาพยนตร์ให้ผู้ชมเพลิดเพลินด้วยความหรรษาได้

หนังซึ่งออกฉายเมื่อปีที่ผ่านมานี้เอง “เทเบิล 19” (Table 19) โต๊ะหมายเลข 19 แม้ลงทุนไป 5 ล้านเหรียญและทำเงินกลับมาได้ 5 ล้านเหรียญเท่าทุน หากจะพูดกันตามภาษานักพนันกีฬาว่าเสมอเป็นแพ้ก็ตาม แต่เนื้อหนังก็มอบความบันเทิงแก่ผู้ชมได้อย่างคาดไม่ถึง เมื่อเริ่มต้นราวกับงานแต่งนี้ต้องวินาศไปรูปหนึ่งรูปใดแน่ โดยเปิดตัวละครหญิงผู้เจ็บช้ำจากที่ถูกพี่ชายเจ้าสาวทิ้ง ทั้งถูกเปลี่ยนตัวไม่ให้เป็นเพื่อนเจ้าสาวอีก ตอบรับเชิญไปงานซึ่งเธอไม่สมควรจะไป จำเพาะต้องนั่งร่วมโต๊ะกับแขกอีก 5 ราย ที่ผู้เกี่ยวข้องประเมินกันว่า เป็นโต๊ะที่แขกไม่น่าจะตอบรับมาร่วมงาน

หนังซึ่งดูจะเป็นชีวิตรันทด กลับมีรายละเอียดที่วางมุขให้หัวเราะได้แทบไม่ขาดระยะ ทั้งๆ เรื่องเดินไปอย่างจริงจัง จากบุคลิกและเรื่องราวเบื้องหลังอันแตกต่างของตัวละคร

แอนนา เคนดริค จากหนังไตรภาค “เดอะ ทไวไลท์ ซากา” (2551-2555) ซึ่งเคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงตุ๊กตาทองออสการ์นักแสดงสมทบจาก “อัพ อิน ดิ แอร์” (2552) มาเป็นหญิงที่กำลังสับสนกับชีวิตและอนาคต ตัดสินใจไปงานแต่งซึ่งคาดหมายไม่ได้ว่า ตนจะตกในสภาวะอารมณ์แบบไหน และจะผ่านพ้นงานดังกล่าวไปได้ลักษณะใด ในเมื่อลึกๆ ยังตัดไม่ขาดจากชายที่หักอกเธอ แถมหันไปหาเพื่อนสาวของเธออีกคน จนเมื่อได้พบแขกที่เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะ เรื่องซึ่งไม่น่าจะเป็นชิ้นเป็นอันกลับจูงความสนใจผู้ชมให้ติดตามอยู่ในร่องในรอยได้

Advertisement

จูน สควิบ ซึ่งเล่นหนังตั้งแต่สาวมาจนวัย 88 นอกจากหนังดังๆ อย่าง “เส์ซนท์ ออฟ อะ วูแมน”, “ดิ เอจ ออฟ อินโนเซนส์”, “มีท โจ แบลค”, “อเบาท์ ชมิดช์” ฯลฯ เธอยังเคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์นักแสดงสมทบจาก “เนบราสกา” (2556) มาอีกด้วย รับบทอดีตพี่เลี้ยงเจ้าสาวตอนเป็นทารก ซึ่งมีความทรงจำกับสองพี่น้องมากมาย โดยเฉพาะฝ่ายชายที่บังเอิญเป็นคู่กรณีกับแขกสาวร่วมโต๊ะ

ลิซา ครูโดรว กับ เครก โรบินสัน สองนักแสดงคร่ำวงการในบทหญิงผิวขาวเจ้าของร้านอาหารที่ได้ชายผิวสีเป็นคู่ ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงได้รับเชิญ เพราะเจ้าภาพงานแต่งก็เปิดร้านอาหารเหมือนคู่แข่ง แม้จะเป็นเพื่อนทางเฟซบุ๊กกับพ่อเจ้าบ่าว ซึ่งมีอาชีพเดียวกันก็ตาม สองผัวเมียที่มักต่อปากต่อคำกันไม่ลดละ กระทั่งมาถึงงานแล้วยังอธิบายตัวเองไม่ได้ว่าทำไมจึงมา

Advertisement

สตีเฟน เมอร์ชานท์ นักเขียน ผู้กำกับ นักจัดรายการวิทยุ เดี่ยวไมโครโฟนตลก และนักแสดงอังกฤษ ได้รางวัลตุ๊กตาทองอังกฤษบาฟต้ามา 3 ครั้ง, รางวัลบริติช คอมเมดี้ 4 ครั้ง กับรางวัลไพรม์ไทม์ เอมมี่ ทั้งเพิ่งแสดงหนังใหญ่มนุษย์กลายพันธุ์ “โลแกน” มาเมื่อปีที่แล้ว เล่นเป็นญาติฝ่ายเจ้าสาว ที่บอกเพื่อนร่วมโต๊ะว่าเป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จ โดยพยายามปกปิดความจริงที่อยู่ระหว่างทัณฑ์บน หลังติดคุกอย่างงมงายจากคดียักยอกเงินล้านของลุงไปให้คนซึ่งไม่มีตัวตน

แขกซึ่งดูจะเฟอะฟะที่สุด แต่กลับช่วยงานแต่งให้สมบูรณ์แบบตามธรรมเนียมได้ อย่างที่ผู้ชมและตัวละครในหนังไม่มีทางนึกออก

คนสุดท้ายเป็นนักเรียนมัธยมปลายที่แม่ตามกำกับทุกกรณี เพราะคิดว่างานที่พ่อแม่รู้จักกันนี้ ลูกชายอาจเจอสาวที่สมยอมให้เสียหนุ่มได้ โทนี เรฟโวลอรี เด็กหนุ่มผิวน้ำตาลที่เข้าสังคมไม่เป็น พูดเอาเนื้อชนิดไม่รู้ว่าเข้าหูคนฟังหรือไม่ ผู้ซึ่งถูกแม่โทร.ตามจิกแทบจะทุกครึ่งชั่วโมงให้รายงานสถานการณ์

ส่วนคนนอกโต๊ะที่เป็นตัวละครเกี่ยวข้องสำคัญคือ ไวแอท รัสเซล พี่ชายเจ้าสาว ตัววายร้ายทั้งในสายตาคนถูกทิ้งและพี่เลี้ยงวัยชรา กับ โธมัส คอคเคอเรล ชายหนุ่มไม่รู้ที่มาที่ไป ซึ่งเข้ามาไม่กี่ฉาก เพื่อหลอกทั้งตัวละครในเรื่องและผู้ชมให้ไขว้เขว ว่าเป็นพวกตีเนียนกินฟรีตามงานแต่ง แต่อาจช่วยหญิงช้ำใจให้พ้นทุกข์ได้(หรือเปล่า)

บทแต่งรายละเอียดให้แต่ละคนมีบุคลิกที่ปล่อยลูกเล่นลูกหัวออกมาได้ในจังหวะซึ่งนึกไม่ถึง แม้จะไม่ขำระดับหลุดฮาท้องคัดท้องแข็ง แต่หัวเราะกึกๆ กับตัวเองไปได้เรื่อยๆ

สองผัวเมียที่้ร้างสัมพันธ์ทางกายกันมาเป็นปีๆ จนฝ่ายหญิงเผยว่านัดกิ๊กมางานนี้ เสื้อสูทสีเดียวกับบริกรในงานของเธอ ซึ่งตอนหลังให้เพื่อนร่วมโต๊ะที่ถูกทัณฑ์บนใส่ ยิงมุขได้เสียงหัวเราะทุกครั้ง เด็กหนุ่มที่อวดขนาดอวัยวะเพศกับหญิงที่เจอ เพราะคิดว่าเป็นจุดขายที่ตัวมี กับความซื่อแบบซกมก (ตามสูตรตัวละครหนังฝรั่ง) ก็ยังเรียกเสียงขำหึๆได้

จนพี่เลี้ยงชรามองออกหญิงถูกทิ้งกำลังมีเด็กในท้อง วงกัญชาในห้องพักแขกจึงกล่อมเกลาอารมณ์ของบรรดาสมาชิกร่วมโต๊ะ 19 ให้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น

ก่อนที่คำพูดประโยคเดียว ประโยคเดียวจริงๆ พลิกเนื้อหนังทั้งเรื่องให้กลับตาลปัตร ชนิดผู้ชมเองยังตั้งตัวไม่ค่อยจะทัน ให้เรื่องที่นึกว่าจะวินาศสันตะโร (เพราะแม้แต่เค้กงานแต่งก็ถูกชนทะลายเละไปแล้ว) กลายเป็นความซาบซึ้งตรึงใจในบั้นปลาย

เรื่องนี้ช่วยยืนยันอีกหนว่า ภาพที่เห็นนั้น ไม่แน่ว่าจะเป็นอย่างที่เห็นจริงๆ และสิ่งที่ได้ยิน ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเช่นที่ได้ยินมานั้นจริงๆ เหมือนกัน

จนกว่าจะได้เห็นอีกหลายๆภาพหลายๆหนที่แตกต่างไป หรือได้ยินอีกหลายๆเสียงที่ไม่เหมือนกันเป็นเสียงเดียว ที่คิดว่าดีจึงอาจกลับเป็นร้าย และที่คิดว่าร้ายจึงอาจกลับเป็นดีได้

หมายถึงสติที่ช่วยมิให้เฮโลตามกันลงเหวไป

 

มติชม

 

ขอบคุณภาพจาก table19movie

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image