ไม่ได้ฮอตแค่ที่เมืองไทยและประเทศจีนเท่านั้นแล้ว สำหรับ ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล เพราะล่าสุดโกอินเตอร์ไปไกลถึงอเมริกา เมื่อได้จรดปากกาเซ็นสัญญากับ CAA (Creative Artists Agency) เอเจนซี่ชื่อดังที่ดูแลนักแสดงฮอลลีวู้ด อย่าง แบรต พิตต์, ทอม ครูซ, นาตาลี พอร์ตแมน, เอ็มม่า วัตสัน และดาราระดับโลกอีกมากมาย โดยงานนี้หนุ่มไมค์ได้เล่าถึงสาเหตุที่ได้ร่วมงานกับเอเจนซี่ระดับท้อปเช่นนี้ได้ว่า เป็นเพราะโอกาสมาถึง เมื่อได้เจอกับโปรดิวเซอร์ผู้ทำหนังของฮอลลีวู้ดรายหนึ่ง ขณะที่เขาไปประชุมงานที่อเมริกา
การได้มาร่วมงานกับทีมงานระดับโลกอย่างนี้ ไมค์บอกเลยว่า “ตื่นเต้น แล้วก็ลุ้น”
“ลุ้นว่าเขายอมตกลงที่จะให้เราเข้าร่วมในบริษัทเขาไหม” ว่าพลางหัวเราะ
เล่าด้วยว่าก่อนจะเซ็นสัญญา เขาต้องเข้าไปพูดคุยกับทางเอเจนซี่หลายต่อหลายครั้ง เพื่อแสดงเป้าหมายของตัวเองให้ชัดเจนว่าต้องการจะทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นงานเพลงหรือการแสดง ซึ่งสำหรับตัวเขานั้น “เปิดหมดครับสำหรับโอกาสที่จะเข้ามา”
เพราะ “ด้วยความที่ไมค์ทำได้หลายอย่าง มันก็เป็นเรื่องดีกับตัวเรา”
ไมค์ซึ่งอยู่ในช่วงของการเตรียมตัวที่จะไปทำงานที่นั่น บอกว่าตอนนี้นอกจากจะต้องเรียนภาษาจีนเพิ่มเติม เพื่อการทำงานในเมืองจีน ที่ก็ยังมีอยู่ เขายังต้องหาเวลาไปออกกำลังกายเพื่อดูแลเรื่องรูปร่างและสุขภาพอีกด้วย
ในส่วนของสัญญาว่าเซ็นไปกี่ปี ไมค์ไม่สามารถเปิดเผยได้ เช่นเดียวกับเรื่องค่าตอบแทนที่ได้รับ
ส่วนจะได้เห็นภาพของไมค์ในฮอลลีวู้ดอย่างชัดเจนเมื่อไหร่นั้น เขาว่า “ก็น่าจะภายในปีนี้”
“อย่างที่บอกว่าผมกำลังพิจารณางาน มีโปรเจคต์เข้ามาค่อนข้างเยอะ ก็จะคุยกับทีมในบริษัท CAA ครับ”
และแม้ว่าจะการได้เซ็นสัญญากับทาง CAA ก็เปรียบเสมือนการได้ก้าวขาข้างหนึ่งเข้าไปสู่ฮอลลีวู้ดแล้ว แต่กระนั้นไมค์ก็บอกว่า ตัวเขาเองไม่ได้คาดหวังอะไรนัก
“คิดแค่ว่าทำให้ดีที่สุดในจุดที่เรายืน และกำลังทำอยู่มากกว่า”
แต่ถามว่ากดดันไหม เขาตอบทันทีว่ากดดัน เพราะบริษัทนี้เป็นบริษัทที่มีแต่ศิลปินแถวหน้า และแต่ละคนล้วนเป็นไอดอลของเขาทั้งสิ้น การที่ได้มาอยู่บริษัทเดียวกับคนเหล่านั้นจึงยิ่งทำให้รู้สึกไปใหญ่
อย่างไรก็ดี ถึงที่สุดแล้วก็คิดตกว่า แค่เพียงว่าทำงานของตนให้ดีที่สุดเท่านั้นก็พอ
ไมค์ยังเล่าด้วยว่า เมื่อ 10 กว่าปีก่อน เขาเคยเล่าความฝันเรื่อง ‘อยากไปฮอลลีวู้ด’ แต่กลับถูกคนบางคนที่ได้ฟังตอกกลับว่าเป็นไปไม่ได้
หากก็ไม่ท้อ
“ผมพยายามผลักดันตัวเอง แล้ววันนี้ผมมายืนในจุดที่เห็นแสง เห็นความหวัง”
“ผมมักคิดมาตลอดเวลาที่โดนบุคคลเหล่านี้บอก ว่าเราทำไม่ได้หรอก ผมไปไม่ถึงหรอก ผมไม่พูดอะไร ไม่ตอบโต้ เพราะคิดว่าตอบโต้ไป แต่เขาจะคิดอย่างนั้น มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดเขาได้ นอกเสียจากเขาจะเห็นด้วยตาตัวเองว่าผมสามารถทำได้นะ”
เมื่อถามว่าถึงตอนนี้อยากบอกอะไรกับคนเหล่านั้นไหม?
ไมค์ก็ว่า “ผมไม่มีอะไรจะพูด ผมเอาเวลาไปสู้กับงานดีกว่า ลุยงานตรงนี้ ตั้งใจให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุด”
