‘โจอี้ บาซู’ เปิดใจ เคยสูญเงิน 10 ล้าน ล้มเหลวจนอยากคิดฆ่าตัวตาย ก่อนเจอคดียาเสพติด

หลังโจอี้ บาซู-ศุรเฎฒฌ์ กรณ์งูเหลือมโชต อดีตนักร้องชื่อดัง ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่บุกจับในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งข้อหาเสพยาเสพติด แต่ภายหลังก็ได้รับการประกันตัวออกมาจากเรือนจำกลางคลองเปรม ล่าสุดโจอี้ได้มาเปิดใจผ่านรายการ เจาะประเด็น ทางช่อง 8 ว่า ชีวิตนั้นเคยผ่านทั้งช่วงเวลาที่โด่งดังและผ่านความล้มเหลว เคยเสียเงินนับ 10 ล้านบาทไปกับการทำธุรกิจ

“ล้มเหลว เพราะไม่มีประสบการณ์” เขาบอก

พร้อมกับยอมรับว่า ช่วงชีวิตหนึ่งเคยคิดจะฆ่าตัวตาย

“ผมมาจากการไม่มีอะไรเลย เราสู้จนสุด แล้วมันสุดทางจริงๆ”

Advertisement

ส่วนเรื่องที่ถูกจับกุมครั้งนี้ โจอี้เล่าเหตุการณ์ว่า

“วันพฤหัส ตอนบ่ายโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.โชคชัย มาที่ห้องผม 6 คน มาถึงทางหัวหน้าชุดก็บอกว่า ผมไม่ได้มาจับคุณนะ มาขอความร่วมมือให้ช่วยเหลือราชการ ก่อนหน้านั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งอ้างว่าเป็นสายตำรวจเหมือนกัน แต่อยู่อีก สน.หนึ่งมาหาผม แล้วก็มีเพื่อนผมที่จะมาคุยเรื่องธุรกิจรถด้วย กลายเป็นว่าวันนั้นถูกจับทั้งหมดเลย อุปกรณ์เสพผู้หญิงคนนั้นเป็นคนเอามา คือครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมช่วยนะครับ คนที่จะไปปาร์ตี้กับคนดัง ศิลปิน มันเข้าถึงง่าย มันเป็นจุดหนึ่งที่เราเองก็อันตราย เขาให้ผมโทรขึ้นไปเพื่อให้น้องที่อยู่ข้างบนที่เป็นผู้ขายลงมาข้างล่าง ผมก็พยายามคุย ด้วยความที่ตำรวจ 3 นายอยู่ในห้องนอน ข้างนอกซุ่มอยู่ เราก็ไม่ทราบว่าผู้ขายจะลงมาที่ห้องผมหรือจะลงไปข้างล่างก็เลยต้องเฝ้ารอก่อน ผมบอกเจ้าหน้าที่ทุกคนว่า ถ้าจะขึ้นให้ระวังเพราะน้องมีอาวุธ แล้วจิตใจน้องไม่ปกตินะ เพราะทะเลาะกับแฟน”

ทำไมคนขายถึงรับโทรศัพท์เรา ทั้งที่ปกติเราไม่ได้เป็นคนเสพ?

Advertisement

“คือเรารู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้ว เจอกันปกติ เพราะเขามีลูก เราก็มีลูก การที่เขาจะขายให้ใครสักคน ไม่ใช่ว่าพอไปขอซื้อแล้วเขาจะขายเลยนะ แต่สิ่งแรกที่เวลาคนไปเจอกันกับเขา สิ่งที่เขาทำคือเทสต์งานก่อน คือลองดูดก่อน ไม่งั้นเขาไม่เชื่อใจ ไม่คุยด้วย”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเข้ามาช่วยเหลือ?

“เรียกว่าให้ความร่วมมือดีกว่า ผมมั่นใจว่าไม่จำเป็นจะต้องเป็นผมก็ได้ คนทุกคนสามารถช่วยได้ ผมมีลูกสาวอยู่ในห้อง ผมไม่ปล่อยให้พื้นที่ตรงนั้นมันไม่ดีหรอก อะไรที่ปกป้องได้เราก็จะทำ คดีอื่นๆ ก็จับข้างนอกครับ ไม่ได้เข้ามาหาหรือมาปรึกษาแบบนี้”

ทำไมไม่บอกกับตำรวจ กับสื่อว่าอุปกรณ์การเสพนั้นไม่ใช่ของตัวเอง?

“เสพก็คือเสพ ไม่ว่าใครจะถือมา ถ้าผมเสพก็คือเสพ เราโกหกคนทั้งประเทศได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้ ยอมรับว่าเสพ เพราะผลการตรวจปัสสาวะออกมาเป็นสีม่วง เราเครียดอยู่แล้วเรื่องปัญหาส่วนตัว”

คุณโจอี้เป็นสายตำรวจจริงๆ หรือว่าตำรวจล่อจับเราแล้วตามจับผู้ค้า?

“จากในข่าวจะเห็นเลยว่าของกลางผมไม่มี ปกติถ้ามีการจับกุม ของกลางจะต้องมีปริมาณตามที่กฎหมายกำหนด เราเป็นผู้เสพ ไม่ใช่ผู้ค้า ผู้ค้าที่จับได้คือมีของกลาง 30 กรัม มีอาวุธปืน กระสุนต่างๆ”

คุณให้สัมภาษณ์บอกว่า ผมยินดีช่วยงานราชการ ทุกอย่างมันเป็นเกม หมายความว่าอย่างไร?

“มันก็คือเกมจริงๆ ผมไม่ได้เป็นคนพูดนะ เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกกับผมว่า โจอี้ ไม่ต้องคิดอะไรมาก มันเป็นแค่เกม เกมนี้คุณแพ้ก็แค่นั้น ผมเลยโมโหอยู่นี่ไง แสดงว่าที่ผมให้ความร่วมมือ แปลว่าผมเป็นเครื่องมือสำหรับการทำงานนี้หรอครับ นี่คือเกมหลอกจับผมหรือเปล่า ผมก็คิดแบบนั้น”

ศิลปินอาร์เอสที่วัยเดียวกับคุณโจอี้บอกมาว่า ไม่เคยเห็นแม้แต่การที่คุณสูบบุหรี่ด้วยซ้ำ?

“เราถูกปลูกฝังมาจากบ้านหลังนี้ ศิลปินอาร์เอสทุกคน ผมเชื่อว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ไม่ทะเลาะวิวาท ไม่ข้องเกี่ยวกับอบายมุขและเรื่องอนาจาร ซึ่งที่ผ่านมาผมพูดหลายครั้ง เรื่องเสพ ผมขอโทษจริงๆ ครับ ผมไม่ได้เจตนาที่อยากจะเข้าไปเกี่ยวข้อง ผมเครียดจริงๆ แต่ผมขอบอกเลยว่าอย่ายุ่งดีกว่าครับ ไม่ใช่เรื่องดี เรื่องของผู้เสพ เวลาที่มีการเสพยา จะมีเจ้าหน้าที่จากกรมคุมประพฤติ เขาจะแยกเป็น 2 กรณี คือผู้ที่บำบัดโดยต้องควบคุม กับไม่ควบคุม”

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image