ความสำเร็จของละคร ‘บุพเพสันนิวาส’ มีมากขนาดไหน ถึงวันนี้เราคงไม่ต้องพูดถึง
“ขอบคุณทุกคนจริงๆค่ะ” หน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์ ผู้จัดละครเรื่องนี้บอก
ก่อนจะเล่าเรื่องราวต่างๆที่อยู่ในใจ
…
“เวลาทำละครไทย ก็จะมีคนบอกว่าอย่าทำเพลงไทยมากนะ เพราะคนสมัยใหม่อาจจะไม่ชอบ”
“แต่เรื่องนี้มีความงดงามในเนื้องเรื่อง ฉาก หรือแม้กระทั่งเสื้อผ้า”
“ผู้กำกับถูกแซวว่าแทบจะไม่มีมุมไหนเลยที่ไม่มีดอกบัว แต่เพราะดอกบัวแสดงถึงความเป็นไทย แล้วก็ความงดงาม”
“การถ่ายทำของเรานี่ ภาพบางภาพเหมือนงานศิลปะ การจัดแสงในห้องการะเกดก็ดี แม้กระทั่งฉากพายเรือ ซึ่งก็เป็นฉากสำคัญของเรื่อง จริงๆตอนแรกเขาขอมา 10 ลำ โอ้โห! งบประมาณ ก็เหลืออย่างที่เห็นนะคะ (หัวเราะ) แต่ก็สวยงามอยู่”
“เจอเจ้าของร้านหมูกะทะเมื่อวันก่อน เขาขอบคุณที่ทำให้ตอนนี้หมูกะทะขายดีมาก”
“ผู้กำกับก็ว่าถ้ารู้อย่างนี้เราเพิ่มเมนูคงดีนะ เพิ่มอาหารไทย”
“สิ่งที่น่าดีใจคือพูดได้เต็มปากว่าเป็นละครของครอบครัวที่ดูได้ตั้งแต่คุณปู่ คุณย่า คุณพ่อ คุณแม่ และคุณลูกคุณหลาน”
“ละครเรื่องนี้มันผสมผสานหลายอย่าง มีความลงตัวอยู่ในตัวเอง มีความน่ารัก น่าติดตาม ความเป็นประวัติศาสตร์ และยังมีความมิราเคิลในเรื่องของอาคม”
“มีคำถามว่าการเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์ ทำไมถึงไม่ใส่เสื้อผ้า ก็มีคนมาตอบว่าการเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์นั้น ไม่สามารถตรวจสอบอาวุธได้ถ้าใส่เสื้อ เป็นการสกรีนเรื่องจะไม่มีอาวุธเข้าไปในสถานที่สำคัญโดยเฉพาะการเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์ ทุกอย่างจะไม่ว่าจะมีใครถามอะไรสังคม คนที่รู้จะเข้ามาตอบ แล้วขยายความให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น กลายเป็นว่าละครเรื่องนี้เกิดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์”
“มีคนเดินมาหา บอกดูแล้ว 10 ครั้ง 7-8 ครั้งนี่ธรรมดาไปเลย”
“ต้องขอบคุณที่บุพเพสันนิวาสออกอากาศวันแรกมันไม่ได้มาแบบละครที่มีความคาดหวังใดๆ นี่เป็นข้อที่ดีใจมากๆ เพราะถ้าเราทำละครที่คนคาดหวัง มันจะเหมือนคนดูตั้งหลัก แล้วอาจจะทำให้การเข้าถึงละคร การดูและอินไปกับละครไม่สนุกเท่าที่ควร”
“สิ่งที่กลัวมากเลยคือความคาดหวัง”
ซึ่งกับบุพเพสันนิวาสภาค 2 นั้น “เลี่ยงไม่ได้แล้ว”
“มาตรฐานสูงไปแล้ว”
อรุโณชา ภาณุพันธุ์ ผู้เป็น ‘แม่นาย’ ตัวจริงของละคร ‘บุพเพสันนิวาส’ ว่าอย่างนั้น
