บ้านเมืองนี้แปลกพิลึกหลายเรื่อง แต่เรื่องหนึ่งแน่ๆคือการเติบโตตามยะถากรรมของสังคม ดังนั้น คำนำที่นักเขียนได้เขียนแต่ปี ๒๕๕๖ อ้างถึงเหตุการณ์เมื่อ ๔๐ ปีที่แล้ว เมื่อนำมาปะหน้าหนังสือที่พิมพ์ใหม่วันนี้ ก็ยังมีกลิ่นรสสดเอี่ยมราวกับเขียนขึ้นเมื่อวานได้ พิลึกไหม ในสังคมที่ ๔๐ ปีไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย – ไม่มี
อ๋อ – หากจะพูดถึงอิฐปูนสะพานลอยทางด่วนซื้อเวลาหรือ อย่าลืมอนุสาวรีย์ตอม่อที่จุกอกชาวบ้านอยู่นานนับปีด้วย ที่นักเลือกตั้งโบกกระดาษแผ่นเดียวในสภาแสดงมายากลถลุงเงินคนเดินถนนเป็นร้อยล้านพันล้าน แล้วลอยนวลได้
ถ้าคิดว่าอิฐปูนเหล่านั้นเป็นความเปลี่ยนแปลง เราท่านทั้งหลายก็คงแค่เกิดมากินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นานด้วยกันทั้งนั้น
แต่โลกก็เป็นอย่างนี้เอง เมื่อรักจะยลตามช่องแล้ว ก็ควรเห็นสิ่งที่ผิดแผกกันบ้าง เมื่อมีรูปจำหลักอัปลักษณ์ที่เพิ่งถูกทุบไปเพื่อสร้าง “ความเปลี่ยนแปลงใหม่” ก็ย่อมมีรูปจำหลักอันส่องแสงกาววาวซึ่งทุบทิ้งไม่ได้อยู่ด้วยเช่นกัน
ด้วยรักแห่งอุดมการณ์ หนังสือในความทรงจำของหลายๆคนโดย วัฒน์ วรรยางกูร นักเขียนที่เขียนนิยาย เรื่องสั้น บทกวี สารคดี ความเรียง ฯลฯ ซึ่งชีวิตยังระหกระเหินอยู่บนเส้นทางสังคมยะถากรรม อันปราศจากระบบระเบียบและกฎเกณฑ์กติกา ที่ขึ้นกับว่าใครเป็นคนเขียนกฎหมาย วางแผงคราวนี้เป็นการพิมพ์ครั้งที่ ๕ แล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกในปี ๒๕๒๔
นิยายชีวิตของคนหนุ่มสาวที่เดินบนถนนสายตุลา จากความฝันในศักราช ๒๕๑๖ ไปถึงความจริงในศักราช ๒๕๑๙ ความมุ่งมั่นจากแรงใจซึ่งปรารถนาสิ่งที่ดีกว่า ที่เชื่อมั่นว่าแรงกายและสติปัญญาสามารถบันดาลสุขตามอัตภาพให้เกิดกับผู้คนร่วมทุกข์ได้ เป็นอุดมคติอันงดงามบริสุทธิ์ซึ่งในที่สุดถูกฉีกขยี้ลงยับย่อย ความแตกต่างของคนที่ยิ่งทำให้คนแตกต่าง และความแตกต่างของคนที่ทำให้คนยิ่งเข้าใจความแตกต่าง เกิดขึ้นตลอดระยะถนนสายตุลานั้น
งานชิ้นนี้ช่วยให้คนหายงัวเงียขึ้นมาแล้วไม่น้อย สี่ทศวรรษที่อาจทำให้คนลืมหลายๆสิ่งหลายๆเรื่องไปได้ง่ายๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพที่ช่วยให้หายง่วงไปได้เหมือนก่อนเช่นกัน
จีงระหว่างที่ มนต์รักทรานซิสเตอร์ ยังวนเวียนฉายอยู่ในเคเบิลทีวี. ให้ซาบซึ้งกับความรักและความหวังของคนสามัญชั้นพื้นฐาน ที่ทุกข์สุขและชะตากรรมมิเกิดขึ้นได้จากน้ำมือตัวเองเสียทีเดียว ความรักแห่ง
อุดมการณ์ก็ยังตราอยู่กับชะตาชีวิตผู้คนเหล่านั้น รอคอยว่าเมื่อไหร่หนทางยะถากรรมจะถูกแผ้วถางไปได้ด้วยน้ำมือคนสามัญชั้นพื้นฐานด้วยกันเอง ในเมื่อสภาห้าร้อยได้แต่เงียบงึมรอเสียงเคาะกะลาน้ำข้าว
คนอาจลืมบางช่วงบางเวลาได้ แต่มิได้หมายความว่าบางช่วงบางเวลานั้นจะหายไป งานที่ได้ปรับปรุงใหม่ให้เหมาะกับสมัยการพิมพ์อีกครั้งคราวนี้ จึงยังสามารถทำให้คนที่รักจะตื่นรู้หลงรักได้อีก เช่นที่มีคนไม่น้อยหลงรักมาแล้ว
วรรณกรรมยิ่งใหญ่ระดับโลกเล่มสำคัญ สงครามและสันติภาพ ของ ลีโอ ตอลสตอย พากย์ไทยโดย พลตรี หลวงยอดอาวุธ (ฟ้อน ฤทธาคนี ๒๔๔๑-๒๔๙๙) ผู้เดินทางไปเรียนการทหารที่รัสเซีย หลังตอลสตอยเสียชีวิตเพียง ๓ ปี กลับมาเป็นอาจารย์โรงเรียนทหารปืนใหญ่ เจ้ากรมข่าว ทูตเวียดนาม ทูตสเปน ที่มานะใช้เวลานอกราชการแปลงานใหญ่ชิ้นนี้จากภาษาเดิม ด้วยเห็นว่าคนทั้งโลกได้อ่านกันแล้วเว้นแต่คนไทย เสร็จเมื่อปี ๒๔๗๓
เป็นคนไทยไม่กี่คนที่ได้อยู่และเห็นเหตุการณ์ปฏิวัติบอลเชวิค ๒๔๖๐ ร่ำเรียนอยู่ ๔ ปีท่ามกลางการพลิกแผ่นดินทางการเมือง ก่อนต้องทุลักทุเลขึ้นรถไฟผ่านไซบีเรีย แมนจูเรีย กลับสยาม
เจตนาการแปลงานชิ้นนี้เมื่อผู้อ่านได้ตระหนักจากคำปรารภของผู้เขียนแล้ว น่าซาบซึ้งที่คนรุ่นเกือบศตวรรษก่อนเห็นการถ่ายทอดเรื่องราววัฒนธรรมจากนิยาย เป็นประโยชน์อย่างสูงกับการศึกษา โดยเฉพาะกับงานอันเป็นอมตะไปแล้วที่คำกล่าวขวัญสูงส่งแทบจะเท่า มหาภารตยุทธ ซึ่งมีว่า หากเรื่องใดอันเนื่องกับมนุษย์ไม่มีในมหาภารต ก็ไม่อาจหาได้จากงานชิ้นอื่นใดในโลก
เนื่องจากการวางเค้าโครงเรื่องของคน ๔ ตระกูล ตัวละครร่วม ๕๐๐ ตัว มีตัวสำคัญเดินเรื่องเกือบ ๑๐๐ ตัว แสดงความคิดและอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนสถานะตั้งแต่ต่ำสุดจนสูงสุด ความรัก โลภ โกรธ หลง สารพัดที่เป็นแรงขับให้คนดำเนินไปตามวิถีของตน โลดแล่นไปกับไฟสงครามครั้งสำคัญๆในยุโรป ที่นโปเลียน โบนาปาร์ทซึ่งแต่เดิมเป็นความหวังของผู้คน กลับกลายเป็นทรราช ได้ช่วยให้เห็นซึ้งถึงวิถีผู้คนในสังคมอันแตกต่างไปแทบทุกรายละเอียด
กระทั่งสงครามครั้งสุดยอดที่ฝรั่งเศสกรีฑาทัพเข้าตีกรุงมอสโคว์ ที่ผู้เขียนชะลอเหตุการณ์มาถึงผู้อ่านอย่างใกล้ชิดชนิดเห็นรูป ได้รส และกระสากลิ่น ได้ยินเสียงเลยทีเดียว นั่นคือคำนิยมอันเอกอุของผู้เคยอ่านมาแล้วทั่วโลก
หนังสือเรียนโลกและชีวิตเล่มนี้ หนาเกือบพันสามร้อยหน้า ถ้าใช้ศัพท์โฆษณากระตุ้น ก็ต้องว่าเป็นเล่มหนึ่งที่ต้องอ่านก่อนตายทีเดียว
เมื่อว่ากันเรื่องวรรณกรรมมาแต่ต้นแล้ว ก็อยากต่องานชั้นดีให้อีกเล่ม เพื่อนยาก ที่พากย์ไทยจาก ออฟ ไมซ์ แอนด์ เม็น นิยายขนาดสั้นเรื่องระบือของนักเขียนรางวัลโนเบลปี ๒๕๐๕ จอห์น สไตเบค
มิตรภาพระหว่างชายร่างเล็กช่างคิดกับชายร่างใหญ่ปัญญาอ่อนชิ้นนี้ ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วหลายครั้ง ทั้งจอเงินและจอแก้วหลายต่อหลายฉบับ ครั้งสำคัญในปี ๒๔๘๒ ได้นักแสดงชั้นเยี่ยม เบอร์เจส เมเรดิธ ครูมวยของ ซิลเวสเตอร์ สตาโลน ใน ร็อคกี้ เป็นคนตัวเล็กเล่นกับดาราดังอีกคน *ลอน ชาร์นี* เป็นคนตัวใหญ่ เข้าชิง ๔ รางวัลตุ๊กตาทองออสการ์รวมทั้งหนังยอดเยี่ยม เพลงและดนตรีประกอบ เสียงประกอบ
พอปี ๒๕๓๕ ก็สร้างอีกครั้งโดย แกรี ไซนีส ทหารผ่านศึกพิการเพื่อน ฟอเรสท์ กัมป์ เป็นคนตัวเล็ก จอห์น มัลโควิช ดาราฝีมือเอกอีกรายเป็นคนตัวใหญ่ เที่ยวนี้ไซนีสเข้าชิงปาล์มทองคำดารานำชายรางวัลเดียว
เรื่องที่ดูเหมือนเป็นมิตรภาพระหว่างเพื่อน แต่เดินไปด้วยความหวังและความฝันแบบอเมริกันดรีม ที่มิใช่ว่าจะทำฝันให้เกิดเป็นจริงได้กันทุกคน ความละเอียดอ่อนและลุ่มลึกจากก้นบึ้งความคิดและใจมนุษย์จึงตีแผ่ไว้ให้นักอ่านขุดค้น
สารพัดมีให้อ่านตลอดสัปดาห์นะจ๊ะ ออเจ้าขา.