จรัญพัฒณ์ บุญยัง เลือดใหม่กานดา พร็อพเพอร์ตี้ กับการก้าวสู่สมรภูมิหนังสือออนไลน์ด้วย Kawebook.com

ชายหนุ่มที่กำลังยิ้มกว้างให้ตรงหน้านี้ อายุเพียง 26 ปี

เขาคือหนึ่งในทายาทของเครือบริษัท กานดา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ของไทย ซึ่งจะไม่น่าแปลกใจเลย ถ้า จรัญพัฒณ์ บุญยัง จะสานต่อธุรกิจของครอบครัวที่เติบโตอย่างมั่นคง ทว่าเขากลับตัดสินใจกระโจนเข้ามาสู้ในสมรภูมิใหม่ อย่างสมรภูมิหนังสือออนไลน์ ด้วยกวีบุ๊ค Kawebook.com แพลตฟอร์มสตาร์ท อัพ ที่รองรับนักเขียน-นักแปล-นักอ่านหนังสือออนไลน์ ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วจนน่าจับตา ภายในระยะเวลาไม่ถึงปี

“เว็บไซต์กวีบุ๊คเกิดมาจากความชอบและความรักในหนังสือ รวมถึงความสนใจในเทคโนโลยีใหม่ๆ ของตัวผมเอง ตั้งแต่ผมจำความได้ผมเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือหลายประเภทมาก ตั้งแต่การ์ตูน นวนิยาย รวมทั้งที่เกี่ยวกับการลงทุน เทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะในเรื่องของ AI”

จรัญพัฒณ์เรียนจบในสาขาบริหารธุรกิจและต่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี ไทย-ญี่ปุ่น ระหว่างที่เรียนก็ทำงานด้านการตลาดออนไลน์ไปด้วย โดยมีลูกค้ากว่า 40 รายให้ดูแลในเรื่อง SEO (Google) , Google Adword , โฆษณาบน Youtube , Facebook เมื่อเรียนจบมา ประสบการณ์เหล่านี้บวกกับความรักการอ่านก็ได้ก่อเกิดเป็นกวีบุ๊ค ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือกานดา พร็อพเพอร์ตี้

Advertisement

ในช่วงเริ่มแรก ความตั้งใจของกวีบุ๊คคือแพลตฟอร์มที่เน้นสนับสนุนคนไทย แต่เพราะตอนนี้เทรนด์การอ่านที่กำลังมาแรงคือนิยายจีนประเภทต่างๆ ซึ่งไม่ใช่แค่งานแปลด้วยซ้ำ งานคนไทยเขียนเองก็เยอะ เพราะงั้นจุดสตาร์ทของกวีบุ๊ค จึงเริ่มด้วยนิยายแปลจากจีน ซึ่งขณะนี้ซื้อลิขสิทธิ์ไว้ทั้งหมด 48 เรื่อง ที่น่าสนใจคือเป็นนิยายจีนออนไลน์สมัยใหม่ที่เจาะกลุ่มวัยรุ่นได้อย่างตรงเป้า หนึ่งในงานที่เห็นได้ชัดถึงความแตกต่างจากหลายที่ คือนิยายกำลังภายในยุคใหม่ ซึ่งมีกลิ่นอายของเกมส์ออนไลน์เข้ามาผสาน

“ทางจีนเขาเริ่มแพลตฟอร์มออนไลน์มาสักพักแล้ว ดังนั้นนักเขียนของทางจีนมีเยอะมาก อาจมีเป็นล้านคนเลย เพราะจำนวนประชากรของเขาเยอะ ซึ่งเรื่องที่ติดท็อปในจีนก็ค่อนข้างการันตีได้อยู่แล้วว่าน่าจะเป็นที่นิยม โดยเรื่องที่เราเลือกมาส่วนใหญ่จะเป็นแนวกำลังภายในสมัยใหม่ ที่มีความสัมพันธ์กับคนอ่านรุ่นใหม่ที่โตมากับเกมส์ออนไลน์ เป็นจอมยุทธกำลังภายในที่มีการเก็บเลเวลในการต่อสู้ มีระดับพลัง ซึ่งทำให้คนอ่านเข้าใจได้ง่ายและสนุกกับการอ่านในรูปแบบที่คุ้นเคย

คนอ่านยุคนี้ส่วนใหญ่โตมากับคอมพิวเตอร์ เกมส์ออนไลน์ พอเราได้อ่านอะไรที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เรามีประสบการณ์ร่วม หรือสิ่งที่เราเคยทำมาก็จะอินได้ง่าย เป็นความรู้สึกร่วมของเจเนเรชั่นนี้ อีกแนวที่คนนิยมคือแนวจอมยุทธเทพเซียน รวมถึงแนวย้อนอดีตที่มีพล็อตใหม่ๆ มีความแฟนตาซีมากขึ้น และยังให้ความรู้ด้วย” จรัญพัฒณ์อธิบาย

Advertisement

เล่มดังที่สุดของกวีบุ๊ค ณ เวลานี้ คือ ‘อสูรพลิกฟ้า’ ซึ่งเป็นแนวกำลังภายในสมัยใหม่ที่ว่า มีคนอ่าน 16,862,063 ครั้ง ยอดคนซื้ออ่านประมาณ 17,000 คน เรื่องนี้มีให้ทดลองอ่านฟรี 200 ตอน ส่วนเนื้อหานั้นมีจำนวนกว่า 1000 ตอนแล้ว และ นักเขียนยังเขียนไม่จบ

หนึ่งในเคล็ดลับที่ทำให้คนอ่านติดกวีบุ๊คมากคือ ความสม่ำเสมอของการอัพเดทงานลงเว็บไซต์และคุณภาพของงานแปล ซึ่งจรัญพัฒณ์เผยว่า เป็นเพราะเขามีทีมแปลระดับคุณภาพ ที่ไม่ใช่มีรายรับเพียงเฉพาะส่วนแบ่งยอดซื้ออ่านเท่านั้น แต่เขาให้เป็นการันตีรายเดือน ในระดับที่เจ้าตัวยืนยันเลยว่าอยู่ได้สบายๆ เพราะสิ่งหนึ่งที่เขาตั้งใจตั้งแต่แรก คือสนับสนุนบุคลากรในวงการทำหนังสือให้ไม่ใช่แค่อยู่ได้ แต่อยู่ได้อย่างมีชีวิตที่ดี

“เราอยากให้ทั้งนักเขียนและนักแปลมีรายได้มั่นคง คือทำเป็นอาชีพหลักได้เลย เพราะฉะนั้นเราจะมีส่วนแบ่งให้ค่อนข้างสูง นักแปลที่แปลงานลิขสิทธิ์ของกวีบุ๊คจะได้ส่วนแบ่งรายได้ประมาณ 20-30% ในส่วนของนักเขียน นักวาดการ์ตูนไทย รวมถึงสำนักพิมพ์ต่างๆในประเทศ จะได้ส่วนแบ่งรายได้ถึง 71-81% ที่สำคัญในส่วนของนักแปล นอกจากส่วนแบ่งรายได้ที่ว่าแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะได้เป็นการันตีรายเดือนอีกด้วย มีรายได้แน่นอนไม่ว่าจะเรื่องนั้นจะขายดีหรือไม่ดี”

จรัญพัฒน์เล่าว่า ทุกวันนี้มีผู้ใช้งานกวีบุ๊คประมาณวันละ 20,000-26,000 คน และตั้งเป้าไว้ว่าถึงสิ้นปี 2018 น่าจะมีรายได้เฉลี่ยรวม 40 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ช่วงแรกคือ 30 ล้านบาท จากเงินลงทุนเริ่มต้นเมื่อต้นปีนี้ที่ 6.5 ล้านบาท

กลุ่มคนอ่านหลัก 60 % ของกวีบุ๊ค คือผู้ชายอายุ 15-35 ปี ซึ่งก็เป็นไปตามประเภทงานที่ลง ซึ่งเขาตั้งใจว่าจะขยายฐานคนอ่านไปสู่ผู้หญิง ด้วยนิยายรักโรแมนติก และนิยาย Yaoi ซึ่งทุกแนวจะมีทั้งงานแปลที่ซื้อลิขสิทธิ์มาทั้งจีนและญี่ปุ่น รวมถึงงานเขียนของนักเขียนในในลักษณะของ UGC (User Generate Content) ด้วย เพื่อให้กวีบุ๊คกลายเป็นแพลตฟอร์มการอ่านสำหรับทุกเพศทุกวัย

สำหรับแผนงานในอนาคต กวีบุ๊คกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาแอพพลิเคชั่น ซึ่งใกล้จะเปิดตัวแล้ว รวมถึงปรับรูปแบบเว็บไซต์ให้ทันสมัยขึ้น  ส่วนปีหน้าวางแผนไว้ว่าจะลุยเรื่องอีบุ๊คกับร้านหนังสือออนไลน์เพิ่มขึ้นด้วย

และที่แน่ๆคือการส่งเสริมนักเขียนไทย

“เราอยากส่งเสริมนักเขียนในไทยให้ทำงานเขียนเป็นอาชีพที่มีรายได้อย่างมั่นคงได้ ในหลายประเทศที่ทำแพลตฟอร์มออนไลน์ นักเขียนมีรายได้เยอะมากเลยนะ โดยเฉพาะที่จีนซึ่งมีจำนวนประชากรค่อนข้างเยอะ รายได้มหาศาล

เราคงไม่ได้ขนาดจีน เพราะประชากรน้อยกว่าเยอะ แต่แพลตฟอร์มอย่างออนไลน์จะสามารถสร้างโอกาสให้นักเขียนได้อย่างมาก โดยเฉพาะทุกวันนี้ที่คนอ่านคอนเทนท์ออนไลน์เพิ่มขึ้นทุกวัน

ในฐานะของคนที่ชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก นี่เป็นหนึ่งในความหวังของเราเลย”

 

ดอกฝน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image