เสียงจาก ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ ถึง ‘รัฐ’ เรียกร้องให้แสดงภาวะผู้นำ บริหารอย่างฉลาด และต้องเยียวยาถ้วนหน้า

เสียงจาก ‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ ถึง ‘รัฐ’ เรียกร้องให้แสดงภาวะผู้นำ บริหารอย่างฉลาด และต้องเยียวยาถ้วนหน้า

ในอินสตาแกรม @filmrattapoom นั้น ฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ได้โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมกับบอกว่า ‘สิ่งที่รัฐควรทำคือแสดงภาวะผู้นำและการบริหารแบบชาญฉลาด’ ขณะเดียวกันเขายังพูดถึงการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนว่าต้องทำอย่างทั่วถึง โดยสิ่งที่เขาเขียนไว้ทั้งหมดมีดังนี้

‘สถานการณ์โควิดวันนี้ สิ่งที่รัฐควรทำคือแสดงภาวะผู้นำและการบริหารแบบชาญฉลาด เราทราบดีว่าจำเลยในสังคมคงหนีไม่พ้นกลุ่มคนในวงการบันเทิงที่รวมถึง ผับ บาร์ คาราโอเกะ นักดนตรีอิสระ แต่เหนือสิ่งอื่นใด การจัดการของผู้บังคับใช้กฏหมาย การเข้มงวดในการควบคุมมากกว่าที่จะทำให้ไม่เกิดการระบาด

ส่วนมากคนในธุรกิจบันเทิงจะไม่ได้อยู่ในระบบสวัสดิการของรัฐไม่ว่าจะเป็นประกันสังคมหรือสิทธิอื่นๆ ทั้งที่คนเหล่านี้ เป็นผู้ที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจของประเทศ และเสียภาษี

Advertisement

มาตราการเยียวยาที่ออกมาถึงบ้างไม่ถึงบ้าง
ต้องแย่งกับลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ

 

Advertisement


บางครั้งคนไม่มีทางเลือกในชีวิตมากนัก เพื่อที่จะเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ หรือการศึกษาที่ดีพอ คนไทยยังติดอยู่ในวังวน “โง่ จน เจ็บ”

ครั้งนี้ในฐานะคนในวงการบันเทิง ผมอยากส่งเสียงดังๆ ไปยังผู้มีอำนาจและขอเรียกร้องให้ท่านมีมาตราการเยียวยาให้แบบทั่วหน้า และมีมาตรการสำหรับสถานประกอบการณ์ ที่ต้องทำตามมาตการของรัฐในการปิด ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงทั้งเจ้าของกิจการ อาชีพนักดนตรี เด็กเสริฟ ไปจนถึงพ่อครัวแม่ครัว หลายแห่ง ทนพิษบาดแผล จากโควิดและมาตรการของรัฐไม่ไหว ต้องปิดกิจการ กระทบหลายครอบครัว

รอบนี้คงมีหลายคนอดตายก่อนเป็นโควิด

แต่เวลาจ่ายหรือถูกปรับ อาชีพของพวกเราก็ไม่เคยถูกละเว้น แต่ทำไมตอนที่ต้องการถึงต้องละเว้นอาชีพอย่างพวกเราตลอด ‘ผมไม่เข้าใจ’

 

อย่างไรก็ตามต่อมา “ฟิล์ม-รัฐภูมิ” ให้สัมภาษณ์ในนามของสมาชิกพรรคไทยสร้างไทย ว่า ผู้ที่ต้องตกเป็นจำเลยของสังคมส่วนหนึ่งก็คือกลุ่มคนในวงการบันเทิง รวมถึงผับ บาร์ คาราโอเกะ นักดนตรีอิสระ เพราะถูกมองว่าทำงานอยู่ในสถานที่ที่เป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาด แต่ต้องไม่ลืมว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นเพียงคนทำมาหากินเลี้ยงชีพตนเองเหมือนกับคนกลุ่มอื่นๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่จะต้องเข้มงวดควบคุมให้สถานบริการต่างๆเป็นไปตามกฎระเบียบเพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาด

“ส่วนมากคนในธุรกิจบันเทิงจะไม่ได้อยู่ในระบบสวัสดิการของรัฐไม่ว่าจะเป็นประกันสังคมหรือสิทธิ์อื่นๆ ทั้งที่คนเหล่านี้เป็นผู้ที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจของประเทศและเสียภาษีตามกฎหมาย มาตรการเยียวยาที่ออกมาถึงบ้างไม่ถึงบ้าง ต้องแย่งกับลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ บางครั้งคนไม่มีทางเลือกในชีวิตมากนัก เพื่อที่จะเข้าถึงสวัสดิการของรัฐหรือการศึกษาที่ดีพอ แต่ด้วยระบบเศรษฐกิจการเมืองแบบปัจจุบันทำให้คนไทยยังติดอยู่ในวังวน โง่ จน เจ็บ อยู่เหมือนเดิม จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องต่อสู้ดิ้นรนทำมาหากินในทุกวิถีทาง”

ในฐานะคนในวงการบันเทิงอยากส่งเสียงดังๆไปยังผู้มีอำนาจขอให้มีมาตรการเยียวยาแบบทั่วหน้าและมีมาตรการสำหรับสถานประกอบการที่ต้องทำตามมาตรการของรัฐในการปิดสถานประกอบการ เพราะถึงแม้ครั้งนี้จะไม่มีการล็อกดาวน์ แต่การสั่งปิดสถานประกอบการผับบาร์คาราโอเกะทั่วทั้งประเทศ ก็ไม่ต่างอะไรจากการสั่งปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามมาตรการล็อกดาวน์ก่อนหน้านี้ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับทั้งเจ้าของกิจการ ลูกจ้าง นักดนตรี เด็กเสริฟ ไปจนถึงพ่อครัวแม่ครัว หลายแห่งทนพิษบาดแผลจากโควิดและมาตรการของรัฐไม่ไหว ต้องปิดกิจการ สร้างผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปถึงครอบครัวของแต่ละคน

“ดังนั้นรัฐบาลควรมีมาตรการเยียวยาคนเหล่านี้ด้วย ไม่ใช่สั่งให้ปิดร้านไปอย่างน้อยถึงสิ้นเดือน แต่กลับไม่มีการช่วยเหลือใดใดเลย เวลาจ่ายหรือถูกปรับ อาชีพของพวกเราก็ไม่เคยถูกละเว้น แต่ทำไมตอนที่พวกเราต้องการความช่วยเหลือเยียวยาเหมือนกับคนอาชีพอื่นๆกลับต้องละเว้น ผมไม่เข้าใจ รอบนี้คงมีหลายคนอดตายก่อนเป็นโควิดแน่ สถานการณ์โควิดวันนี้ สิ่งที่รัฐควรทำคือแสดงภาวะผู้นำและการบริหารแบบชาญฉลาดเพื่อให้ทุกคนอยู่รอด ไม่ใช่ให้รัฐบาลกับพรรคพวกอยู่รอดอย่างเดียว” นายรัฐภูมิกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image