‘เจมส์ จิรายุ’ เล่าถึงความสมจริงใน ‘มาตาลดา’ และจัดเต็มเนรมิตบ้านสวน 20 ไร่ ให้พ่อแม่
หนึ่งในฉากที่ได้รับคำชมล้นหลามจากละครเรื่อง ‘มาตาลดา’ ที่กำลังออกอากาศทางช่อง 3 ทุกวัน จันทร์-อังคาร เวลา 20.15 น. ก็คือฉากในห้องผ่าตัดที่ ‘สมจริง’ มาก
แต่จะให้ไม่สมจริงได้อย่างไร เมื่อ เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข ซึ่งรับบท ‘หมอปุริม’ หรือ‘เป็นหนึ่ง’ ศัลยแพทย์หัวใจ พระเอกของเรื่อง
เล่าว่ากว่าเขาจะกลายเป็น ‘หมอปุริม’ ได้อย่างนี้ ก็ต้องเข้าไปเวิร์กช็อปอยู่นาน แถมระหว่างนั้นยังได้เข้าไปดูขณะที่แพทย์ตัวจริงกำลังผ่าตัดทำบายพาสหัวใจ
“เป็นเคสจริง แต่ได้รับการอนุญาตจากคนไข้ คุณหมอ และก็โรงพยาบาล ได้รับการอนุเคราะห์ให้เข้าไปดูจริงๆ” เจมส์บอก
เขาจึงมีโอกาสสัมผัสบรรยากาศในห้องผ่าตัด วิธีการทำงาน ขั้นตอนการผ่าตัด วิธีการพูด การจับอุปกรณ์ รวมถึงคำศัพท์ทางการแพทย์
แม้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่รับบทเป็นหมอ แต่เจมส์ก็ว่าเหมือนจะเป็นการเข้าถึงบทบาทแบบจริงที่สุด
“จริงมากๆ ถ้าพูดถึงพาร์ตของหมอ ผมว่าเรื่องนี้จริงจังที่สุดเลยครับ”
“คุณหมอทุกคนมีใจอยากทำให้ภาพที่ออกมาในละครดูสมจริง และดูเป็นหมอจริงๆ มากที่สุด”
ดังนั้นในการถ่ายทำฉากเหล่านี้ หมอคนอื่นๆในฉากจะเป็นคุณหมอตัวจริงหมด ยกเว้นก็แค่ตัวเขา ขณะเดียวกันบรรดาคุณหมอเหล่านั้นยังช่วยให้ความรู้ ให้ความร่วมมือ
“ดีขนาดที่ว่าคิดช็อตให้เลยนะ เราจะผ่าอันนี้ ต้องไล่เรียงแบบนี้นะ มันถึงจะถูกต้อง”
รวมถึงช่วยเรื่องบทในห้องผ่าตัดที่จะคอยบอกว่าจับเครื่องมือแบบนี้ไม่ได้นะ พูดคำนี้ผิด พูดคำเกินก็ไม่ได้
สำหรับการกลับมาร่วมงานกับ เต้ย จรินทร์พร จุนเกียรติ ในรอบ 9 ปี ‘พี่เต้ย’ หรือที่เจมส์เรียกติดปากว่า ‘จารย์เต้ย’ นั้น “เขาน่ารักมากครับ” เจมส์บอก
“มานั่งคุยกัน จะเล่นได้มั้ย กลัวขำกัน มันสนิทกันมากเกินไป กลัวจะตลกกันเอง”
ซึ่งแม้จะเตรียมตัวอย่างดี ว่าจะไม่ขำ ไม่ฮา แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว “จนผู้กำกับ (ปวันรัตน์ นาคสุริยะ) บอกเลิกเล่นได้แล้ว จะถ่ายไม่ทันแล้ว” เจมส์เล่าพร้อมรอยยิ้ม
เรื่องที่เรียก ‘จารย์เต้ย’ เจมส์บอกว่า จุดเริ่มต้นมาจากหนังเรื่อง ‘ไทม์ไลน์’ ที่เคยเล่นด้วยกัน เมื่อครั้งที่ตนยังละอ่อนมากๆ
“ยังเด็กน้อยมาก แล้วได้เจอจารย์เต้ย จารย์เต้ยเขาเล่นเก่งมาก ผมก็งงว่าทำไมเขาแสดงหนังเก่งจัง ก็เลยพยายามเรียกจารย์เต้ยแล้วก็ขอความรู้เขา”
นอกเหนือจากเรื่องแสดง อีกงานที่เจมส์บอกว่าชอบมาก และยังอยากทำอยู่คือการร้องเพลง แต่สาเหตุที่ต้อง
พักไปแบบยาวๆ เจ้าตัวก็ว่าเป็นเพราะยังหาสไตล์ที่เป็นตัวเองไม่ได้
“ผมว่ามันยาก ยิ่งงานหลักมันไม่ใช่งานร้องเพลง แล้วเราก็ไม่ได้มีโอกาสออกไปร้องเพลงตามสถานที่ต่างๆ
ทำให้เราไม่รู้ว่าสรุปเนื้อเสียงจริงๆ ตอนที่เราอยู่บนเวทีเป็นยังไง หรือว่าความสามารถในการร้องเพลง เราไม่ได้ร้องบ่อยขนาดนักร้อง ก็ไม่กล้าข้ามขั้นนั้นไป”
แต่กระนั้นก็ยืนยันว่า “ไม่คิดทิ้งงานร้องเพลงครับ ยังเป็นความฝันอยู่ อยากมีเพลงในวิทยุ”
นอกจากความพยายามตามฝันของตัวเองแล้ว เจมส์เล่าว่าตอนนี้เขายังสานฝันให้กับแม่ที่อยากจะมีบ้านสวน ดังนั้นเขาเลยจัดให้ ในจังหวัดพิจิตร บ้านเกิด
“เป็นความตั้งใจของคุณแม่ เขาอยากมีบ้านสวน คุยกับคุณพ่อว่าอยากทำ เราก็ช่วยลงมือทำให้”
ซึ่งทำไปทำมา จากพื้นที่เล็กๆที่คิดไว้ ก็ขยายจนมีเนื้อที่เกือบ 20ไร่
“ถือว่าเป็นความสุขให้คุณพ่อคุณแม่ครับ” บอกพลางยิ้มอย่างแจ่มใส
