กลยุทธ์ใหม่ช่อง 3 ต่อยอดละครสู่สินค้า เปิดตัวน้ำหอม ‘ดวงใจเทวพรหม’
ในยุคที่รูปแบบการตลาดเปลี่ยนไป การแข่งขันทางการตลาดที่รวดเร็วและแรงขึ้นกว่าเดิม ตู่-ปิยวดี มาลีนนท์ ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่ม บมจ.บีอีซี เวิลด์ ก็รุกคืบต่อยอดจากทีวีสู่แบรนด์สินค้า ชูกลยุทธ์โปรโมตละครรูปแบบใหม่ โดยได้เปิดเผยว่า
“จริงๆ ตอนนี้คอนเทนต์มันค่อนข้างหลากหลายมาก แล้วก็มีช่องทางในการรับข่าวสารค่อนข้างเยอะ ในหนึ่งวันเราจะได้รับเรื่องราวต่างๆ มากมาย การอัพเดตข่าวสารต่างๆ ก็จะรวดเร็วมากขึ้น ทุกวันนี้มันคือการปรับตัวรายวัน เผลอๆ เป็นรายชั่วโมงด้วยซ้ำ”
“เพราะฉะนั้นเราหยุดนิ่งไม่ได้ ทุกคนมีสถานีเป็นของตัวเองได้ การทำอะไรซ้ำกันก็จะไม่ค่อยเวิร์กในยุคนี้ ทุกอันก็ต้องมีสไตล์เป็นของตัวเอง มีความชัดเจนในเรื่องของคอนเทนต์มากขึ้น เพื่อที่จะได้สร้างความแตกต่าง”
รวมไปถึงการโปรโมตละครด้วยเช่นกัน ที่ต้องเลือกให้ความเหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์ม โดยยกตัวอย่างว่า
“ยูทูบคนดูได้ 20-50 นาที แต่อินสตาแกรมไม่มีใครดูยาว 1 นาทีคือมากที่สุดแล้ว เฟซบุ๊กยังพอยาวหน่อย สูงสุดประมาณ 10 นาที ส่วนติ๊กต็อกถ้าคุณไม่สามารถทำให้คนดูหยุดคลิปภายใน 3 วินาทีก็คือจบ”
ดังนั้น ในหนึ่งคอนเทนต์ที่ถ่ายมาวิธีการตัดต่อและนำเสนอมันก็จะแตกต่างกันออกไป ซึ่งนอกจากจะต้องแข่งขันกับคู่แข่งแล้ว ก็ยังต้องทำงานแข่งกับแพลตฟอร์มด้วย
การที่ละครสักเรื่องจะดังหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับอีกหลายปัจจัย ทั้งนักแสดง ผู้จัด ผู้กำกับ รวมไปถึงจังหวะของละคร และสถานการณ์บ้านเมือง
“บางทีเราก็รู้สึกว่าเราต้องแข่งกับรายการข่าวด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่ละครด้วยกันเอง”
ส่วนเรื่องการโปรโมตในฐานะที่เป็นผู้จัดละครด้วย ตู่ ปิยวดี ก็แชร์ประสบการณ์ไว้ว่า
“ก็เหมือนก็คือการเล่าละครอีกครั้งหนึ่งในมุมมองของการตลาดว่าเราจะหยิบยกเรื่องอะไรมาพูดก่อน อะไรจะรอให้ฉากนี้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยพูด ตอนที่ละครจบแล้วเราจะต้องปล่อยอะไร”
“เราจะต้องคิดละเอียดมากขนาดนั้น”
กับละครชุด “ดวงใจเทวพรหม” ที่ทำการตลาดในรูปแบบใหม่ชูกลยุทธ์โปรโมต “ละครมีกลิ่น” ครั้งแรกของไทย กับน้ำหอมชุด “เซนส์ ออฟ เทวพรหม เพอร์ฟูม คอลเล็กชั่น”
“อันดับแรกสิ่งที่เราอยากจะพยายามสื่อสารออกไปว่าละครชุดเรื่องนี้มี 5 เรื่อง ก็เลยเป็นที่มาของน้ำหอม 5 กลิ่นใน 1 กล่อง”
“คนชอบพูดว่ากลิ่นอายของละคร แต่เราไม่เคยได้กลิ่นมันจริงๆ” นี่คือจุดเริ่มต้นของการทำน้ำหอม
“ประหนึ่งว่าดูละครไปด้วยและได้รับรู้ถึงกลิ่นของละคร เพราะกลิ่นส่งผลต่อความรู้สึก เราก็เลยคุยกับผู้จัดทุกเรื่อง”
เพราะฉะนั้น ในละครชุดดวงใจเทวพรหม ก็จะมีกลิ่นเฉพาะของตัวเอง เริ่มจาก ลออจันทร์ ที่มีเรื่องความเชื่อตำนานพญานาค มีความลึกลับ กลิ่นของตัวน้ำหอมก็จะมีความซับซ้อนนิดนึง กลิ่นแบบลึกลับน่าค้นหา เหมาะสำหรับฉีดออกงานสังคม
ขวัญฤทัย เปรียบเสมือนดอกดาวเรือง เขาจะมีปมเรื่องแม่ แล้วก็จะมีฉากที่เข้าป่าเยอะ ก็เลือกเป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่น
ส่วนเรื่อง ใจพิสุทธิ์ เป็นกลิ่นที่คิดได้เร็วที่สุด และง่ายที่สุด เพราะพระเอกจะชอบเอาดอกกุหลาบมาให้นางเอกตลอด ก็จะมีความชัดเจนมาก
“เราก็รู้สึกว่าน่าจะดีนะ ถ้าทุกครั้งที่ผู้ชมได้เห็นกุหลาบแล้วได้กลิ่นกุหลาบไปในขณะเดียวกันด้วย”
ส่วนเรื่อง ดุจอัปสร เป็นเรื่องที่มีดราม่า มีปมของตัวละครเยอะที่สุดในละครชุดนี้
“สุดท้ายเราก็เลยบอกจ๋า (ยศสินี ณ นคร-ผู้จัดละคร) ว่าละครของจ๋ามีเรื่องรวมถึงปมเยอะขนาดนี้ พี่ว่าเราควรจะเลือกกลิ่นที่ทำให้ใจสงบลง และช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้ด้วย”
และเรื่องสุดท้าย พรชีวัน อย่างที่รู้ว่าเราไปถ่ายกันที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก็เลยอยากนำกลิ่นความเย็นมาใส่ไว้ในขวดนี้
“เราก็พยายามที่จะคิดจากภูมิหลังเพื่อต่อยอดให้การดูละครนอกจากการเห็นและได้ยินแล้ว ยังได้กลิ่นไปด้วย”
นอกจากนี้ยังจะมีหน้าร้านอย่างเป็นทางการที่ชื่อ ซี-ทรี (C3) สำหรับวางจำหน่ายสินค้าเมอร์ชั่นไดซ์ต่างๆ บนแพลตฟอร์มออนไลน์ด้วย
ทั้งเมื่อถูกถามถึงการตั้งเป้าหมายจากยอดขายของผลิตภัณฑ์ที่มาจากละครในปีนี้ ตู่ ปิยวดี ก็ว่า
“มีการตั้งเป้าเอาไว้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างละเอียด และรายได้ในส่วนนี้ก็จะเข้ามาส่งเสริมละครอย่างแน่นอน”
เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งรายได้ที่ต้องนำมาเสริมในส่วนของรายได้จากโฆษณาที่ลดลงไป
“ปีนี้ตู่ดูเรื่องของการตลาด การขาย และในส่วนของบีอีซี สตูดิโอ ที่เป็นหน่วยงานใหม่ ที่จะเข้ามาดูแลเรื่องของการจัดหางบประมาณเข้าบริษัท”
“ตู่พยายามที่จะเชื่อมโยงระหว่างการออนแอร์ ออนไลน์ และออนกราวด์เข้าด้วยกัน”
“ซึ่งแต่ละส่วนตู่ก็หวังว่ารายได้มาส่งเสริมกัน เพื่อให้เราสามารถทำรายได้สูงสุดของในแต่ละเรื่อง”
แต่กระนั้นรายได้หลักของช่อง 3 ก็ยังเป็นละครอยู่ ในขณะที่รองลงมาเป็นข่าว
“อย่างที่ตู่บอกว่าสุดท้ายมันเริ่มจากสิ่งนี้ ถึงทุกคนจะบอกอุตสาหกรรมทีวีลดลง แต่ทีวีเป็นจุดเริ่มต้นของทั้งหมดเลย”
“เพราะฉะนั้นทีวีเป็นจุดหลัก เราจะขยายออกไปให้มากขึ้น”
