กบ พิมลรัตน์ เลิกสามี รู้สัจธรรม บริจาคร่างกาย เผยสามียื่นข้อเสนอ ถ้าจะเอาสินสอดที่เหลือ ต้องคืนบ้าน และรถ ถูกบีบจนต้องฟ้อง
หลังจากอดีตดาราสาว กบ พิมลรัตน์ พิศลยบุตร ออกมาแถลงข่าวประกาศชัดเจนว่า เลิกกันสามีมหาเศรษฐี สาเหตุเพราะว่าฝากชายกลับคบกับครอบครัวเก่า ล่าสุดอดีตนักแสดงสาว ได้เดินทางไปบริจาคร่างกายและอวัยวะ ที่ตึกอำนวยการ ชั้น 1 โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทย พร้อมกับได้ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่มาบริจาคร่างกายครั้งนี้
เรามาบริจาคร่างกายเหมือนปลดทุกข์ ปลดโศกใช่ไหม?
“มันก็ประมาณนั้นค่ะมันก็เป็นความคิดของเราช่วงที่มีปัญหาช่วงที่วิกฤตเราต้องอยู่คนเดียวจัดการตัวเอง ตอนนั้นมีความรู้สึกว่าถ้าเกิดอะไรมันดีขึ้นถ้ามีจังหวะก็จะไปบริจาคร่างกาย มันเป็นความรู้สึกเหมือนว่าขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เราสวดมนต์นั่งสมาธิ
ขอบคุณคนรอบข้างที่อยู่กับเรา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือคนในครอบครัวหรือว่าพี่น้องในวงการที่เราสนิท ที่เราเคยปรับทุกข์กับเขา เหมือนเราได้หลุดออกมาจากวังวนอะไรก็ไม่รู้ มันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าอยากทำอะไรดีๆ อยากรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์กับคนอื่นถึงแม้ตอนนั้นเราจะไม่อยู่แล้ว
กบบริจาคร่างกายทั้งหมดให้เป็นอาจารย์ใหญ่เลยค่ะ มันเหมือนเป็นสัจธรรมคนเราพอตายไปแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้ สัจธรรมนี้มันเกิดขึ้นจากสามีเรานี่แหละ เราเห็นภาพสะท้อนเขาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมีทุกอย่างมากมาย ชาตินี้เค้าก็อยู่ได้อย่างสบาย แต่เค้าขาดบางอย่างขาดเมตตาจิต
ซึ่งเราที่มีน้อยกว่าเขา เรารู้สึกว่าถ้าเกิดเราตายไปก็ขอให้ร่างกายเราได้มีประโยชน์เงินเราไม่มีเท่าเขา แต่ร่างกายเราก็ยังมี อวัยวะเรายังมี ถ้ามันยังมีประโยชน์ก็ให้กับคนอื่นไป นี่คือสิ่งที่หนูคิด เวลาที่เราเจอปัญหาอะไรในตอนนั้นเราก็จะได้เห็นสัจธรรมด้วย”
วันที่เราเดินออกมาจากบ้าน เขาได้ให้อะไรเรามาตั้งต้นชีวิตใหม่บ้าง?
“ไม่มี มีแค่สินสอดที่เค้าให้มาตอนแรก แต่เขาก็ให้มาไม่หมดเหลืออีกครึ่งนึง”
เราออกมามีแค่กระเป๋าใบเดียว?
“เขาไม่ได้ไล่เราออกจากบ้าน เขาแค่เชิญออก ข่าวที่ออกมาอาจจะเป็นการจับใจความผิด คือเขาบอกว่าเขาจะออกไป กบก็เลยยกกระเป๋าออกไปให้ แต่วันที่เรายกกระเป๋าเขาออกไปแล้ว มันก็มีการต่อรองในเชิงที่ว่าเขาจะกลับมา ขอเวลาสองวันเพื่อที่เขาจะไปนอนกับลูก
เราก็ไม่ได้ตอบ แล้วเราบอกเขาว่าเขาควรจัดการส่วนที่เขาควรที่จะให้เรากลับมา เขาบอกว่าได้เขาจะจัดการ ในส่วนที่เขาติดเรา แต่ให้เราออกจากบ้าน คืนรถที่คุณแม่ใช้และรถที่เราใช้อยู่”
แล้วเราได้คืนให้เขามั้ย?
“คืนค่ะ คืนรถขอตัวเองไปก่อน เหลือรถคุณแม่ เพราะเราต้องหารถให้คุณแม่ใช่ ถ้าเราจะเอาเงินสินสอดที่เหลือ เราต้องคืนบ้านและรถให้กับเขา รถได้คืนไปแล้วค่ะแต่บ้านเรายังอยู่เพราะว่าทนายบอกว่าให้อยู่ก่อน”
บ้านและรถเป็นชื่อใคร?
“เป็นชื่อเขาทั้งหมดค่ะ คือถ้าเกิดคุณจะเอาสินสอดที่เหลือคุณต้องคืนบ้านคืนรถทั้งหมดเขาบีบเพราะเขารู้ว่าเราไม่มีทางไป”
โชคดีว่าเรายังไม่มีลูก?
“โชคดีมากค่ะ แต่จริง ๆ ที่ผ่านมาเราก็พยามทำกันตลอด ตั้งแต่แต่งงานแล้ว ส่วนตัวยังไม่พร้อมที่จะมี ตอนนั้นเราแต่งงานตอนอายุ 32 รู้สึกว่าเรายังทำได้ และเราก็ยังรอดูเขาอยู่ว่าเขาจะมีความเป็นพ่อไหม
อยู่ ๆ เขาก็ขอว่าอยากมีลูก เพราะเขาอายุมากแล้วมีลูกให้เขาเถอะ แล้วพอไปตรวจไข่ ไข่ก็เหลือน้อยกว่าอายุที่เราควรจะเป็น เราก็เลยใจอ่อนทำให้ปรากฏว่าน้องไม่ติด หรือบางทีน้องติดก็หลุดไป สองเดือนน้องก็หลุดตลอด
ด้วยความที่เราตั้งใจที่จะมีแฝดเราก็ใส่เยอะไปร่างกายเราบอบบางมาก จริง ๆ ถ้าเกิดมีก็ควรที่จะใส่ทีละคน แต่ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าเราเป็นคนที่บอบบางขนาดนั้น ในเรื่องการมีลูก เราก็ทำตามความต้องการของเรา น้องอยู่ถึงสองเดือนกว่าน้องก็ไป น้องมาสองสามรอบแล้ว
ตอนนั้นที่ยอมมีลูกเพราะต้องการเอาใจเขา และช่วงที่เราตั้งท้องเขาน่ารักมาก เขาคงอยากที่จะมีภรรยาดี เขาคงจะตั้งใจที่จะมีลูกกับเราเป็นคนสุดท้าย เขาดูแลเราดีมากจนเรารู้สึกว่าเราโชคดีจังสงสัยว่าเราเลือกถูกคนแล้ว”
เป็นไปได้นะ ถ้ามองในมุมที่ว่าเราไม่สามารถมีลูกให้เขาได้ เขาเลยเลิกกับเรา?
“มันเป็นไปได้ทั้งนั้น หรือความรักหมดอายุมันเป็นไปได้ทั้งนั้น เราก็ได้แค่แต่ประเมินแต่ความจริงเราไม่ทราบว่าเพราะอะไร”