หาญส์ เป็นตัวแทน ‘ปู มัณฑนา’ ขึ้นศาลไต่สวน เผชิญหน้า ‘ลูกหมี’ แจงภาพร่วมเฟรม บอสพอล
เมื่อเวลา 13.10 น. วันที่ 22 ตุลาคม ที่ศาลแขวงพระนครใต้ หาญส์ ภักดีหาญส์ หิมะทองคำ ซึ่งมาเป็นตัวแทนภรรยา ปู มัณฑนา พร้อมด้วย ทนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช และทนายกิ่ง ศิริญญ์รดา เลืองวัฒนะวณิช ขึ้นศาลไต่สวนมูลฟ้อง สืบพยานฝั่งโจทก์ (ลูกหมี รัศมี) ซึ่งได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ยืนยันไม่ไกล่เกลี่ยแล้ว ซึ่งศาลนัดอีกครั้งวันที่ 1 พ.ย. พร้อมเผยถึงประเด็นมีภาพร่วมเฟรมกับ บอสพอล วรัตน์พล ผู้บริหารดิไอคอน
หาญส์ : “วันนี้มาเป็นตัวแทนคุณปู แล้วก็มาให้กำลังใจ อ.ประมาณด้วยครับ ครึ่งเช้าที่ผ่านมาก็ยังไม่เสร็จ เดี๋ยวจะต้องขึ้นไปต่ออีกครึ่งชั่วโมง แล้วศาลก็นัดอีกครั้งหนึ่งวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เดี๋ยวคุณปูน่าจะมาด้วยครับ”
เรายืนยันว่าไม่ไกล่เกลี่ยแล้ว?
หาญส์ : “ไม่ไกล่เกลี่ยแล้วครับ เพราะว่าน่าจะไกล่เกลี่ยจบกันที่ สน.ทองหล่อแล้ว วันนี้มาถึงศาลแล้ว ผมก็ได้ลุกขึ้นเรียนศาลว่าไม่ไกล่เกลี่ยแล้ว ทุกอย่างให้ศาลเป็นคนตัดสิน ว่าข้อมูลที่เรามีเป็นความจริงอย่างไร แล้วก็ให้จบตรงนี้นดีกว่าครับ”
สังคมบอกว่าทำไม่จ่ายๆ ไป จะได้จบๆ เราคิดยังไงกับคำนี้?
หาญส์ : “อันนี้เราคุยกันตั้งแต่แรกแล้ว แล้วเขาก็ไม่ยอมมาคุยกับเรา จนในที่สุดเขาออกข่าวทำลายทุกอย่าง ประจาน มันเป็นการกระทำที่สมควรหรือไม่ เราก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามันไม่สมควรทำแบบนี้ เพราะฉะนั้นถามว่าจะรับได้ไหม เราก็พยายามเต็มที่แล้ว ผมก็ต้องกอบกู้ชื่อเสียงเรากลับคืนมา แน่นอนเรื่องเงินเดี๋ยวค่อยว่ากัน ดำเนินการในส่วนของตรงนี้ให้เป็นไปตามกฎหมายดีกว่า”
เกือบปีที่ผ่านมา “ปู” เครียดขนาดไหน?
หาญส์ : “เขาก็เครียดครับ ตอนนั้นก็เข้าโรงพยาบาลตั้ง 7 ครั้ง น้ำหนักลงไปตั้ง 5-6 กิโล แต่ตอนนี้ก็จิตใจดีขึ้นมาค่อนข้างเยอะแล้ว เพราะว่าเราได้ทำข้อมูลกับ อ.ประมาณและทนายกิ่ง ซึ่งเป็นความจริง ไม่มีอันไหนที่เป็นเท็จเลย เพราะฉะนั้นเราจะเอาความจริง มาสู้กับสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามเขากล่าวหาหรือว่ากล่าวอ้าง เพื่อที่จะได้เห็นคำตอบกันจริงๆ ว่าใครที่เป็นคนกล่าวเท็จหรือกล่าวจริง”
อ.ประมาณ : “วันนี้จริงๆ ผมเตรียมตัวจะมาซักค้านคุณลูกหมี เพราะผมต้องการให้ได้ข้อเท็จจริง ว่าที่คุณลูกหมีให้สัมภาษณ์เนี่ย มันใช่ความจริงหรือเปล่า เพราะว่าการที่คุณลูกหมีให้ข่าวไป จนกระทั่งเกิดความเสียหายกับคุณปูเยอะแยะไปหมด วันนี้ต้องการมาซักค้านให้เห็นความจริง ถ้าความจริงปรากฏก็จะรู้ว่าคดีนี้มันไม่ใช่คดีอาญา มันไม่ใช่คดีฉ้อโกง มันเป็นเรื่องของคนสองคนที่ฝากกันลงทุน มีผลประโยชน์ตอบแทนเยอะแยะกันไปหมด
มันมีความลึกซึ้งมากกว่าที่คุณลูกหมีอ้างว่า ตอนต้นเดือนมีนาคมคุณปูไปขอยืมเงิน เลยได้ทำสัญญากู้ แล้วก็เขียนเช็คให้ พอถึงปลายเดือนมีนาคมเช็คเด้ง ทวงมาเป็นร้อยครั้งแล้วอะไรต่างๆ ซึ่งฟังจากข่าวทั้งหมดที่เขาให้ข่าว มันทำให้คุณปูเสียหายมาก วันนี้เลยตั้งใจจะมาถามค้าน เพราะการเบิกความในศาล ถ้าพูดความเท็จเมื่อไหร่ มันก็มีความผิดตามกฎหมายทันที บางคนมาเบิกความเท็จในศาลและซุกซ่อนความจริงเอาไว้ แต่ฟังดูจากความสมเหตุสมผลก็จะรู้เลย ว่าสิ่งที่คุณให้การมันเป็นความเท็จหรือเปล่า วันนี้ที่เสียดายที่สุด คือมาแล้วไม่ได้ถามค้านคุณลูกหมี”
สรุปแล้วเป็นการกู้ยืมเงินหรือเป็นการร่วมกันลงทุน?
อ.ประมาณ : “ก็เอาเงินมาฝากปู ปูเขาจะลงทุนอะไร คุณลูกหมีไม่สนใจหรอก เขาสนแค่ผลตอบแทน ทีนี้ไอ้ผลตอบแทน เขาก็โอนให้กันเป็นประจำอยู่แล้ว แม้จะช้าบ้างก็เรื่องธรรมดา ก็ถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่ใช่ทำกันแบบนี้ เพราะมันเสียหายมากมาย แล้ววันนี้ความจริง ถ้าเอาคุณลูกหมีมาให้การคนแรกเปิดคดีก่อน เพราะเขาเป็นโจทก์ คุณก็เปิดคดีสิว่าคุณถูกฉ้อโกงยังไง มันมีความผิดอาญาเกิดขึ้นยังไง ตามที่คุณเคยให้ข่าวก็ดี ตามที่คุณมาฟ้องก็ดี แต่ก็ไม่ เขาไปเอาผู้จัดการธนาคารมา ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย”
มีความกังวลอะไรไหม?
หาญส์ : “ไม่ครับ เท่าที่เรารวบรวมข้อมูลจากปูมาทั้งหมด แล้วก็มาทำหลายเดือน เราเห็นแล้วเราก็ถึงบอก อ.ประมาณกับทนายกิ่งว่าเราต้องเดินหน้าแล้วล่ะ เราจะไม่ไกล่เกลี่ย จะไม่ประนีประนอมแล้ว เพราะคุยไปคุยมาก็ไม่จบ วันนี้ทนายเดชาเขายังพูดเลยต่อหน้าศาล ว่าเดี๋ยวผมออกไปข้างนอกก็ได้ ให้ไกล่เกลี่ย คือมันมายังไง ก็เราจบเรื่องไกล่เกลี่ยไปตั้งนานแล้ว ศาลเองท่านก็เมตตา ก็บอกให้ไปคุยกันก่อนดีไหมหรือยังไง ผมก็ได้ลุกขึ้นและบอกศาลท่าน ว่าคงจะไม่มีการไกล่เกลี่ยเกิดขึ้นอีกแล้ว ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย และให้ศาลใช้ดุลยพินิจในการวินิจฉัยแล้วกัน”
ทนายประมาณ : “คือโดยเนื้อแท้ของคดี มันเป็นคดีเล็กมาก ไกล่เกลี่ยได้แล้วสามารถจบได้โดยง่าย แต่พอคุณลูกหมีกับก๊วนทนายตัดสินใจจะเลือกใช้วิธีการออกมาประจาน ทำให้เขาไม่มีที่ยืนในสังคมแล้วให้เขายอมจ่าย มันเลยเถิดล้ำเส้นเกินที่จะเจรจาแล้ว ผมว่าความมา 40 กว่าปี เจรจามาเป็นร้อยเป็นพันคดีแล้วง่าย คดีนี้เล็กนิดเดียวแต่ทำกลายเป็นเรื่องใหญ่โตมโหฬาร กลายเป็นมหากาพย์ที่เสียหายมากมายในเรื่องชื่อเสียง ทำให้มันยืดเยื้อเสียชื่อเสียง ทำให้คนอื่นเขาเสียหาย แล้วก็ประกาศตลอดเวลาว่าต้องทำให้มันไม่มีที่ยืนในสังคม ทนายเดชาเป็นทนายรุ่นน้องผมแท้ๆ ด่าผมอยู่ทุกวันหาว่าผมเป็นทนายหัวหมอยุให้เขาขี้โกงอย่างโน้นอย่างนี้ ทำให้ผมเสียหายไปด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มันเลยเส้นที่จะไกล่เกลี่ยกันแล้ว มีทางเดียวคือทำความจริงให้ปรากฏ”
มีการฟ้องกลับหมิ่นประมาทกลับ?
หาญส์ : “ใช่ครับ มีการฟ้องหมิ่น เพราะมันมีหลายกรรม ต่างกรรมต่างวาระ อย่างที่บอกเขาจะออกโซเชียลมีเดียทุกวัน หัวเราะเยาะปูบ้างเห็นเป็นเรื่องสนุกสนานบนความทุกข์คนอื่น ผมมีลูก 3 คน ครอบครัวหิมะทองคำเป็นครอบครัวใหญ่ มันกระทบถึงทุกคน คุณทำแบบนี้คิดว่ามันสนุกสนาน เดี๋ยวรอวันที่ 1 พฤศจิกายน อาจจะมีอะไรที่พลิกเห็นได้ชัด คราวนี้รอแล้วกันว่าเราจะดำเนินยังไง”
ทนายประมาณ : “วันที่ 1 พ.ย.นี้ ศาลจะดำเนินการเต็มวันให้มันเสร็จสิ้นกันไป ทำความจริงให้ปรากฏว่ามันคืออะไร”
เราจะกอบกู้ชื่อเสียงกลับมายังไงที่สังคมมองว่าปูเบี้ยวหนี้ติดหนี้แล้วไม่ยอมใช้?
หาญส์ : “ก็เดี๋ยวรอวันที่ 1 พ.ย. ถ้าจบวันนั้นได้ เราก็จะเห็นข้อเท็จจริงชัดเจนเลย ให้เป็นดุลพินิจของศาลให้ศาลท่านเป็นคนกลางดำเนินให้จบเลย หลังจากนั้นกอบกู้คงไม่ยากแล้วล่ะครับ เพราะว่าทุกคนจะได้ทราบความจริง ผมก็เคยแถลงข่าวตั้งแต่ครั้งแรก อยากให้เป็นคดีตัวอย่างเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าลูกหนี้จะหัวหมอ จะเอาชนะเจ้าหนี้ คือวันนี้มันมีอะไรสอดไส้ข้างในเยอะแยะมากมาย เป็นหนี้มันก็ต้องจ่ายเราพูดตั้งแต่วันแรกแล้ว เราไม่เคยหนีไปไหน ปูก็อยู่ที่นี่ไม่ได้ไปไหน แต่ความจริงคือมันเลยเถิดมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมก็อยากจะเดินให้มันสุดเลยแล้วกัน คราวนี้จะได้รู้ว่าเจ้าหนี้เป็นแบบไหนอย่างไร แล้วเจ้าหนี้ทั่วไปที่บอกว่าอยากให้เป็นคดีตัวอย่าง จะได้รับทราบกันสักทีว่าถ้าพวกคุณยังเดินกันแบบนี้ต่อไปมันก็จะมีผลแบบนี้ต่อไปสำหรับพวกคุณในอนาคตเหมือนกัน”
ที่บอกว่ามีอะไรสอดไส้ คนสงสัยว่า ปู ได้เอาเงินไปลงทุนกับดิไอคอน เราทราบมั้ย?
หาญส์ : “อันนี้ต้องสอบถามกับปู เท่าที่ผมทราบก็น่าจะมีบางส่วน แต่อะไรยังไงเท่าไหร่ต้องถามปู”
ทนายประมาณ : “คงนิดหน่อยมั้ง ตามประสาคนในวงการเขาชวน”
เป็นหลักล้านจริงมั้ย?
หาญส์ : “อันนั้นไม่ทราบ คือภาพที่ออกไปที่มีผมกับปู ต้องเข้าใจว่าผมเป็นผู้ใหญ่ ผมเป็นรุ่นพี่บอสพอล เขาก็เป็นรุ่นน้อง เขาเชิญผมไปทานข้าว ถ่ายรูปพูดคุยโน่นนี่ เป็นเรื่องปกติ ผมก็ไม่ได้ไปเป็นพรีเซนเตอร์ ปูก็ไม่ได้ไปเป็นพรีเซนเตอร์ หรือไปชักชวนใคร ไม่ได้มีแบบนั้น”
ภาพที่ออกมามีการติดต่อร่วมลงทุนมั้ย?
หาญส์ : “อันนี้ไม่ทราบเลย ต้องถามคุณปู ตัวผมไม่มีแน่นอน แต่ไปในฐานะที่เขาเป็นรุ่นน้องแล้วเขาเชิญไปทานข้าว ผมไม่ได้กังวลเลยครับ เพราะว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีอะไร เราไม่ได้มีสัญญาอะไร การเป็นพี่น้องคนไทยธรรมดาทั่วไปที่เขาเชิญไปทานข้าวแล้วถ่ายภาพร่วมกันแค่นั้นเอง เราก็รู้จักกันไม่นานมาก ปูเขายังไม่ได้เล่าอะไร ต้องรอปูเป็นคนพูดจะรู้ดีมากกว่าผม”