ลูกชาย เผยสาเหตุเสียชีวิต ยอดชาย เมฆสุวรรณ เล่าคำพูดสุดท้าย พร้อมปณิธานของพ่อ

ลูกชาย เผยสาเหตุเสียชีวิต ยอดชาย เมฆสุวรรณ เล่าคำพูดสุดท้ายก่อนจะสิ้นใจ พร้อมสานต่อปณิธานของพ่อ

จัดพิธีรดน้ำศพและสวดพระอภิธรรม คุณพ่อยอดชาย (วิเชียร์) เมฆสุวรรณ ศิลปินและพระเอกชื่อดัง ได้อย่างสมเกียรติ สำหรับลูกชายทั้ง 3 คน วรรธนศม เมฆสุวรรณ, ชมวิชัย เมฆสุวรรณ และวงศ์สมรรถ เมฆสุวรรณ ที่หลังจบพิธีรดน้ำ ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ถึงสาเหตุการเสียชีวิต พร้อมเล่าปณิธานของคุณพ่อให้ฟัง รวมถึงเรื่องที่คุณพ่ออยากจะทำเป็นแต่สุดท้ายไม่มีโอกาสได้ทำแล้ว

คุณพ่อเสียชีวิตด้วยสาเหตุอะไร? “ก่อนหน้านี้อาการคุณพ่อปกติมาก เป็นความดัน เบาหวาน ก็เป็นโรคของผู้สูงอายุทั่วไป ไม่เคยมีเรื่องอาการหัวใจมาก่อน เราเลยชะล่าใจ ไม่ได้ไปโฟกัสตรงนั้น ก่อนจะมีอาการ ท่านบอกว่าท่านแน่นหน้าอก ตอนแรกคิดว่าเพราะแกเครียด หรือลมตีขึ้นตามประสาคนแก่

จากนั้นก็เป็นมากขึ้นเรื่อยๆ มีอาการเกร็ง เลยเรียกรถพยาบาล ระหว่างอยู่บนรถแกก็ฟื้นขึ้นมาโต้ตอบตามปกติ เราก็คิดว่าคงจะไม่เป็นอะไรแล้ว ก็เลยส่งตัวจากโรงพยาบาลนครปฐม มาโรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณ พอถึงโรงพยาบาลก็มีอาการแน่นหน้าอกขึ้นมาอย่างรุนแรง ซักพักก็นิ่ง มีอาการหัวใจหยุดเต้น ทางพยาบาลก็ CPR อยู่ประมาณ 20 นาที

ADVERTISMENT

สัญญาณชีพจึงขึ้นมา แต่ว่าสมองขาดเลือด ขาดออกซิเจนไปมากกว่า 5 นาที เป็นเหตุให้อาการท่านทรุดลงตามลำดับจนท่านเสียชีวิต ถือว่าท่านจากไปอย่างไม่ได้ทรมานอะไร มีบุญกับลูกๆ ตั้งแต่คราวของคุณแม่แล้ว พวกท่านไม่เคยทำให้ลูกๆ ลำบากเลยสักครั้งเดียว แม้กระทั่งท่านเสียชีวิต ท่านก็ยังเสียชีวิตแบบไม่ให้เราลำบาก ก็อยากจะขอบคุณทั้งพ่อและแม่”

ADVERTISMENT

ได้อยู่จนลมหายใจสุดท้ายของพ่อ? “เราก็อยู่กันครบตั้งแต่ตอน CPR อีก 3 วัน วันที่ 2 มีนาคม วันสัญญาณชีพดับเวลา 21.39 น. ช่วงเวลานั้นมันก็มีสิ่งที่เรียกว่าปาฏิหาริย์ ก็ขอครูบาอาจารย์ที่เราเคารพนับถือ เราถอดสร้อยพระของเราให้ท่าน ขอโอกาสอีกสักครั้งหนึ่ง อยู่ดีๆ ท่านก็ฟื้นขึ้นมาพูดคุยได้ปกติ เราก็คิดว่าไม่เป็นอะไรแล้ว

พอทุกอย่างมันสงบลง ใจเราปล่อยได้มากขึ้น เรารู้สึกว่าความตายมันอยู่ใกล้เราแค่นิดเดียว ไม่ว่าใครก็มาถึงจุดนี้ได้ คุณพ่อท่านพูดก่อนที่ท่านจะตายว่า มันเกิดอะไรขึ้นวะ ไม่เป็นไร ถ้ากูจะตายตอนนี้ กูก็ไม่กลัว คำพูดนั้นมันทำให้เรารู้สึกเหมือนเราได้โหลดพลังอะไรบางอย่างจากท่าน ต่อจากนี้ไปเราต้องไม่กลัวแบบพ่อ ทำอะไรก็ต้องทำให้สำเร็จให้ได้

แกพูดอีกด้วยว่าแกไม่ห่วงอะไรแล้ว และแกไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว แกปล่อยวางทุกอย่างแล้ว อย่างเดียวที่แกพูดคืออยากจะกลับบ้าน อยากกลับไปพักผ่อนที่บ้าน แกไม่ได้สั่งเสียหรือพูดอะไรไว้เลย ที่ผ่านมาในชีวิตทั้งหมดที่เราช่วยกันดูแลคุณพ่อ แกจะพูดให้เราซึมซับมาตั้งแต่เด็กๆ เลย แกจะไม่ค่อยสอนแต่จะทำให้เรารู้สึกว่าแกยังอยู่แถวๆ นี้ บางทีก็เห็นแวบๆ มันเป็นพลังงานความรักของพ่อที่มีต่อลูก ซึ่งเรารับได้เสมอ”

วันนี้นำรูปปั้นของท่านมาด้วย? “ที่พิพิธภัณฑ์ท่านก็ปั้นรูปไว้ รูปนี้จะเป็นรูปที่ท่านส่องกระจกแล้วก็ปั้นไปเรื่อยๆ เราก็รู้สึกกันว่าท่านอาจจะอยากให้ไว้เป็นตัวแทนของท่านตอนที่ท่านไม่อยู่ เราดูแล้วก็จะได้รู้สึกตอบสนองในสิ่งที่ท่านต้องการ”

“หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ท่านเอาคุณพ่อไปเล่นเป็นพระในภาพยนตร์พระสุริโยทัย จากนั้นท่านก็เลยโกนหัว ก็เลยปั้นรูปตัวเองตอนโกนหัวดีกว่า แกปั้นรูปตัวเองรูปนี้เป็นรูปที่ 2 รูปแรกอยู่ที่ศิลปสถานยอดชาย เมฆสุวรรณ จะเป็นรูปท่านนั่งมองงานศิลปะที่ตัวเองสร้างไว้อยู่

ถามเรื่องสานต่อพิพิธภัณฑ์ คือจากนี้เราทั้ง 3 คนก็คงจะช่วยกันดูแลต่อ ทางน้อยชายจะดูแลเยอะหน่อยเพราะเขาดีไซน์ร่วมกับคุณพ่อมาตั้งแต่แรกให้ร่วมสมัย นอกจากปั้นรูปตัวเองแล้วท่านยังกำลังปั้นพระพุทธรูปอยู่ด้วย เป็นสิ่งคุณพ่อปั้นตอบแทนคุณแม่ที่ดูแลมาตลอด 40-50 ปี ระหว่างที่ปั้นทุกครั้งที่ท่านจับเครื่องมือน้ำตาจะไหลออกมาทุกครั้ง

เราก็คิดว่าจะเอาพิมพ์นี้ พระพุทธรูปปางมารวิชัยเอาไปถวายวัดให้ได้มากที่สุด ตอนนี้ถวายไปได้แล้ว 2 วัด และได้ทำเป็นวัตถุมงคล เพื่อจะร่วมทุนสร้างพระมหาอุโบสถจตุรมุขที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะแล้วเสร็จในปี 2568″

 

มีสิ่งที่ท่านอยากจะทำค้างไว้ไหม? “มีเหตุที่ต้องสวด 5 วัน แต่เว้น 1 วันคือวันเสาร์ ที่ 8 มี.ค. เพราะวันเสาร์เป็นงานบุญใหญ่ที่คุณพ่อตั้งใจจะไป วันนั้นจะมีพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลเพื่อที่จะไปถวายท่าน แล้วท่านจะไปส่งต่อในการสร้างพระมหาอุโบสถ เราเลยต้องเว้น 1 วันเพื่อทำภารกิจนี้ให้คุณพ่อสำเร็จลุล่วง เป็นสิ่งที่คุณพ่อตั้งใจทำในวาระสุดท้ายแต่แกจากไปก่อน”

ลำดับพิธีการต่อไปหลังจากเสร็จสิ้นพิธีสวดพระอภิธรรม? “ตอนแรกว่าจะเผาเลย แต่คนหลายคนก็ยังไม่ได้เตรียมตัว แฟนคลับ ญาติบางคนอยู่ต่างประเทศเขาก็อยากจะมา เขาก็ขอให้ยืดเวลาหน่อยได้ไหม ก็เลยเก็บไว้ 50 วัน แล้วยังไงจะแจ้งให้ทราบอีกทีว่าเป็นวันที่เท่าไหร่ ก็อยากจะบอกกับคุณพ่อว่าชาติหน้ามีจริง เกิดเป็นพ่อลูกกันอีกพ่ออย่ากินคากิเยอะ แกชอบกินอะไรมันๆ กินเยอะ ขนมหวานนี่ชอบมาก กินเต็มที่อาจจะเป็นสาเหตุให้มีไขมันอุดตันในส่วนต่างๆ ในร่างกาย

จะพูดกับคุณพ่อเสมอตอนเด็กๆ ไม่เห็นจะดื้อเลย ทำไมคุณพ่อถึงดื้อกับเราจัง เพราะท่านก็จะกินอย่างที่ท่านชอบ เรากราบขอขมาคิดว่าคงไม่มีทุกอย่างเราทำเต็มที่ ทำดีที่สุดในทุกๆ วัน”

เรื่องที่ภูมิใจกับคุณพ่อ เพราะเป็นที่รักของประชาชน สร้างผลงานไว้มากมาย? “ความภูมิใจมันอยู่กับจิตในทุกๆ วัน เราเลยต้องดูแลเขาอย่างดีมากๆ ไม่ว่าจะถุงเท้า กางเกง หลังจากแม่ไม่อยู่ก็จะเป็นลูกๆ ดูแล ปณิธานท่านแน่วแน่มาก ท่านบอกเราตั้งแต่เด็กว่ากูโตมากับวัด พ่อกูเอากูมาฝากไว้กับหลวงปู่ เพราะฉะนั้นกูต้องตอบแทนพุทธศาสนา

กูมีชีวิตทุกวันนี้ได้เพราะพระให้ข้าวกูกิน ท่านก็บอกว่าท่านจะตอบแทนพระพุทธศาสนา ตอบแทนวงการบันเทิง ตอบแทนประเทศชาติและผู้มีพระคุณทุกๆ คน ท่านเลยสร้างศิลปสถานแห่งนี้ขึ้นมาเพื่อบรรเลงศิลปะในฉากชีวิตแต่ละฉากของท่านตั้งแต่การเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย การเกิดก็มีพระมหาอุโบสถที่มีหลวงพ่อวัดไร่ขิงในช่วงต้นวัยที่ท่านอยู่กับวัด

ในโบสถ์ ตื่นเช้ามาได้ยินเสียงพระทำวัด ช่วงวัยกลางคนมาเป็นดารา ก็เป็นศิลปะจากฉากชีวิต ก็มีท่านที่มีพระคุณทั้งหมด ท่านเก็บหนัง เก็บงานของหลายๆ ท่านไว้ ในช่วงปลายวันท่านก็บรรเลงศิลปะที่เป็นเหมือนการสอนให้มนุษย์รู้ถึงการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ชาติหนึ่งมันแป๊บเดียว เหมือนน้ำค้างบนยอดหญ้า เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง กะพริบตาแป๊บเดียวก็ถึงฆาต ท่านบอกว่ามันต้องฝากอะไรไว้ให้โลกนี้ ถ้าไม่ฝากมันเสียชาติเกิด”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image