ยูโร 2016 กลุ่มอี ‘อิตาลี-เบลเยียม’ชิงแชมป์กลุ่ม หวัง’ซลาตัน’ แผลงฤทธิ์สั่งลา

ภาพ AFP

หลังจบทราบผลการจับสลากแบ่งสายฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร 2016 ใหม่ๆ หลายคนยกให้ กลุ่ม อี ที่มี เบลเยียม, อิตาลี, สวีเดน และ ไอร์แลนด์ เป็น “กรุ๊ป ออฟ เดธ” หรือ “กลุ่มแห่งความตาย” ด้วยชื่อชั้นและผลงานของ 3 จาก 4 ทีมนี้ถือว่าอยู่ในระดับน่าตื่นตาตื่นใจในหลายความหมาย

แม้ว่าพอเวลาผ่านไป คนเริ่มจะมองกลุ่มดีว่าน่าจะมีแววต้องฟาดแข้งกันเข้มข้นกว่า กระนั้น กลุ่มอีก็ยังเป็นกลุ่มที่หลายคนจับตามองว่าน่าจะสู้กันสนุกและน่าติดตามไม่น้อย

สำหรับทีมวางของกลุ่มนี้คือ เบลเยียม ทีมอันดับ 2 ของโลกซึ่งเคยสร้างเสียงฮือฮาด้วยการก้าวไปยึดบัลลังก์ทีมลูกหนัง หมายเลข 1 ของโลก มาแล้วระหว่างเดือนพฤศจิกายนปี 2015 ถึงเดือนมีนาคมปี 2016

 

Advertisement

เบลเยียม (ภาพ AFP)

เบลเยียม (ภาพ AFP)

 

Advertisement

อย่างไรก็ตาม ในแง่ผลงานนั้น ทีมปีศาจแดงแห่งยุโรปถือว่าไม่เปรี้ยงสักเท่าไร โดยในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 14 ครั้งที่ผ่านมา พวกเขาผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายได้เพียง 4 ครั้งเท่านั้นในปี 1972, 1980, 1984 และ 2000 ขณะที่ผลงานที่ดีที่สุดคือการคว้าตำแหน่งรองแชมป์เมื่อปี 1980 รองลงมาคืออันดับ 3 ปี 1972 ส่วน 2 หนล่าสุดที่เข้ารอบล้วนจอดสนิทแค่รอบแบ่งกลุ่มทั้งสิ้น

แต่เบลเยียมยุคใหม่ต่างจากเมื่อในอดีตอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากมีผู้เล่นฝีเท้าดีและมีชื่อเสียงคุ้นหูแฟนบอลแทบจะทุกตำแหน่ง ไล่มาตั้งแต่ผู้รักษาประตู ธิโบต์ กูร์ตัวส์ ของเชลซี กับ ซิมง มิโญเล่ต์ ของลิเวอร์พูล, กองหลัง โทบี้ อัลแดร์ไวเรลด์ กับ แยน แฟร์ตองเกน สองแนวรับท็อตแนม ฮอตสเปอร์, กองกลาง เอเด็น อาซาร์, มารูยาน เฟลไลนี่, เควิน เด บรอยน์, มุสซ่า เด็มเบเล่ ที่ล้วนโลดแล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ร่วมด้วย ยานนิค คาร์ราสโก้ ดาวรุ่งจากแอตเลติโก้ มาดริด และกองหน้า โรเมลู ลูกากู, คริสติยง เบนเตเก้, ดิว็อค โอริกี้ เป็นอาทิ

เป็นที่น่าเสียดายว่า แว็งซอง กอมปานี กองหลังกัปตันทีมมีปัญหาบาดเจ็บหายไม่ทัน จึงอาจทำให้แนวรับของทีมอันดับ 2 ของโลกยวบไปบ้าง แต่ด้วยขุมกำลังที่มีน่าจะทดแทนกันได้ เช่นขยับอัลแดร์ไวเรลด์มายืนเซ็นเตอร์แบ๊กคู่ แยน แฟร์ตองเกน แล้วหาใครมายืนตรงแบ๊กขวาแทน

นอกจากนี้หากเทียบกันตัวต่อตัวกับทุกทีม เรียกว่าปีศาจแดงชุดนี้มีแนวรุกที่หลากหลายที่สุดในทัวร์นาเมนต์ โดยเมื่อครั้งฟุตบอลโลก 2014 เบลเยียมก็เป็นที่จับตามองด้วยจำนวนสตาร์ข้างต้น และไปได้ถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ก่อนจะสะดุดด้วยการปราชัยให้อาร์เจนตินาเพียง 0-1

สำหรับรอบคัดเลือกยูโรหนนี้ ลูกทีมของ มาร์ค วิลม็อต คว้าแชมป์กลุ่มบี มีสถิติชนะ 7 เสมอ 2 แพ้ 1 โดยยิงคู่แข่งได้ 24 ประตู สูงสุดเป็นอันดับ 3 ร่วมกับเยอรมนีจากทั้งหมด และเสียเพียง 5 ประตูเท่านั้น เมื่อเทียบกับฟุตบอลโลกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เบลเยียมชุดนี้เติบโตขึ้นและมีประสบการณ์มากขึ้น ยิ่งเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับหลายทีม

กระนั้นก็ยังมองข้ามคู่แข่งร่วมกลุ่มอย่าง อิตาลี อดีตแชมป์โลก 4 สมัย และแชมป์ยุโรป 1 สมัย เมื่อปี 1968 ไม่ได้

“อัซซูรี่” ยุคปัจจุบันอาจจะดูเงียบๆ เมื่อเทียบกับยุครุ่งเรือง แต่หากพูดถึงความเขี้ยวและความเก๋า และประสบการณ์ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ก็ยังถือว่าไม่เป็นรองใครอยู่ดี

 

อิตาลี (ภาพ AFP)

พวกเขาเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มเอ ด้วยสถิติไม่แพ้ใคร ชนะ 7 เสมอ 3 มีอายุเฉลี่ย 28.9 ปี สูงที่สุดเป็นอันดับ 4 ของ 24 ทีมที่เข้าร่วม นำทัพโดย 3 แข้งยูเวนตุส ได้แก่ สุดยอดผู้รักษาประตูกัปตันทีม จานลุยจิ บุฟฟ่อน วัย 38 ซึ่งอายุมากที่สุดในทีม กับสองกองหลัง จอร์โจ้ คิเอลลินี่ และ เลโอนาร์โด โบนุชชี่ ซึ่งช่วยให้อิตาลีเสียประตูให้คู่แข่ง 7 ลูกในรอบคัดเลือก

ส่วนกองกลางมีนักเตะฝีเท้าดีหลายราย นำโดย ดานิเอเล่ เด รอสซี่ กับ ติอาโก้ มอตต้า แต่เป็นที่น่าดายที่ มาร์โก้ แวร์รัตติ ของปารีส แซงต์แชร์แมง ซึ่งเล่นได้อย่างโดดเด่นในฤดูกาลที่ผ่านมา มีปัญหาเจ็บขาหนีบจนหลุดทีม เช่นเดียวกับ เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ ที่ต้องผ่าเข่าไปตั้งแต่หลายเดือนก่อน

แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดของอัซซูรี่ชุดนี้คงไม่พ้นแดนหน้าเนื่องด้วยจำนวนประตูยิงได้ในรอบคัดเลือกอยู่ที่ 16 เกือบจะน้อยที่สุดในหมู่แชมป์กลุ่มด้วยกัน แถมไม่มีใครในทีมยิงได้เกิน 2 ประตู โดยระดับสโมสร ซิโมเน่ ซาซ่า กองหน้ายูเว่ยิงให้ต้นสังกัดได้เพียง 5 ประตูเท่านั้น ตัวที่พอจะเป็นความหวังของกุนซือ อันโตนิโอ คอนเต้ ได้ คงเป็น ลอเรนโซ่ อินซินเญ่ หัวหอกเชิงสูงของนาโปลี ซึ่งคาดเดาการเล่นได้ลำบาก น่าจะเป็นตัวโจ๊กเกอร์เปลี่ยนเกมในช่วงเวลาสำคัญๆ ได้ดี

ด้วยศักดิ์ศรีของอดีตแชมป์โลก 4 สมัย และทีมยักษ์ใหญ่ของทวีปยุโรป เชื่อว่าอิตาลีคงไม่ยอมโดนหยุดอยู่แค่รอบแรกอย่างแน่นอน

สำหรับอีก 2 ทีมที่เหลือในกลุ่มนี้คือ สวีเดน และ ไอร์แลนด์ กรณีของทีมไวกิ้ง ผ่านเข้ารอบสุดท้ายก่อนหน้านี้มา 5 ครั้ง ผลงานที่ดีที่สุดคือตอนตัวเองเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 1992 ซึ่งผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ส่วนอีก 4 ครั้งที่เหลือ แม้จะผ่านเข้ารอบได้ 4 ครั้งรวดระหว่างปี 2002-2012 แต่ส่วนใหญ่จะตกรอบแบ่งกลุ่ม ยกเว้นปี 2004 ซึ่งไปได้ถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ

ครั้งนี้กว่าจะเข้ารอบมาได้ถือว่าทุลักทุเลพอสมควร สวีเดนจบอันดับ 3 ของกลุ่มจี มีสถิติชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 2 ต้องไปดวลเพลย์ออฟกับเดนมาร์ก และชนะด้วยผลรวม 2 นัด 4-3

แน่นอนว่าสตาร์ดังอันดับ 1 ของทีมไวกิ้งย่อมไม่พ้น ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ดาวยิงที่เพิ่งหมดสัญญากับปารีส แซงต์แชร์แมง โดยแม้ว่าวันนี้ซลาตันจะอายุปาเข้าไป 34 ปีแล้ว แต่ยังคงเป็นตัวอันตรายบริเวณหน้าปากประตูของคู่ต่อสู้เสมอ (ยืนยันได้จาก 11 ประตูที่ทำได้ในรอบคัดเลือก)

 

ซลาตัน อิบราฮิโมวิช (ภาพ AFP)

 

และด้วยอายุขนาดนี้ ก็ค่อนข้างแน่นอนว่าทัวร์นาเมนต์นี้น่าจะเป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่หนสุดท้ายในฐานะนักเตะทีมชาติสวีเดนของเขาด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้น ซลาตันจึงต้อง “จัดเต็ม” เพื่อสั่งลาอย่างแน่นอนที่สุด อย่างน้อยๆ ก็ต้องพยายามช่วยทีมเข้ารอบต่อไป หรือไม่ก็ฝากลูกยิงสวยๆ ไว้ในประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน

สำหรับทีมสุดท้ายคือไอร์แลนด์นั้น ถือเป็นไม้ประดับของกลุ่ม เนื่องด้วยครั้งนี้เพิ่งเป็นครั้งที่ 3 ที่นักเตะเลือดไอริชผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาได้ แถม 2 ครั้งที่ผ่านมายังเก็บชัยชนะจากรอบแบ่งกลุ่มได้เพียงนัดเดียวเท่านั้น (คือการเอาชนะอังกฤษในปี 1988)

ไอร์แลนด์เข้ารอบด้วยการเพลย์ออฟชนะบอสเนีย เฮอร์เซโกวินา 3-1 หลังจบอันดับ 3 ของกลุ่มดี ด้วยสถิติ ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 2 นอกจากจะเป็นรองทีมอื่นๆ ในแง่สถิติแล้ว ยังเป็นทีมที่มีอายุเฉลี่ยสูงที่สุดของทัวร์นาเมนต์ด้วยวัย 29.8 ปีอีกด้วย นำโดย ร็อบบี้ คีน ดาวยิงวัย 35 ปี ที่ยิงไป 5 ประตูในรอบคัดเลือก ขณะที่ เชย์ กิฟเว่น นายทวารวัย 40 ปี เป็นผู้เล่นอายุเยอะที่สุดในทีม

 

ไอร์แลนด์ (ภาพ AFP)

 

ภาพรวมของกลุ่มนี้ดูแล้ว เบลเยียมกับอิตาลีคงชิงกันเป็นแชมป์กลุ่ม ขณะที่สวีเดนอาจจะได้ติดสอยห้อยตามเข้ารอบในฐานะทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุด

ส่วน “กองทัพสีเขียว” ไอร์แลนด์ คงต้องลุ้นปาฏิหาริย์หากหวังจะไปได้ไกลกว่าประสบการณ์ลุยยูโร 2 ครั้งในอดีต

 

 

โปรแกรมแข่งขันกลุ่มอี

13 มิถุนายน
23.00 น. ไอร์แลนด์ พบ สวีเดน
02.00 น. เบลเยียม พบ อิตาลี

17 มิถุนายน
20.00 น. อิตาลี สวีเดน

18 มิถุนายน
20.00 น. เบลเยียม พบ ไอร์แลนด์

22 มิถุนายน
02.00 น. สวีเดน พบ เบลเยียม
02.00 น. อิตาลี พบ ไอร์แลนด์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image