ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันแรก วันที่ 31 สิงหาคม นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยกล่าวหาว่าฝ่ายความมั่นคงมีปฏิบัติการไอโอ โดยนายณัฐชานำเอาคลิปวิดีโอและภาพมาเปิดโชว์ระหว่างการอภิปราย มีการแบ่งงานกันปฏิบัติ โดยเปิดเเพจอวตาร เพื่อปกป้องนายกฯ โดยเพจเหล่านั้นได้สร้าง Hate Speech และ Fake News เพื่อด้อยค่า ผู้เห็นต่างทางการเมือง
นายณัฐชาได้เปิดเอกสารการติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคล โดยมีชื่อของนักการเมือง บุคคลที่เคลื่อนไหวทางการเมือง และสื่อมวลชนบางส่วนรวมอยู่ด้วย พร้อมกันนั้นยังเชื่อมโยงข้อมูลการอภิปรายกับอำนาจหน้าที่ของหน่วยราชการด้านความมั่นคง งบประมาณด้านความมั่นคง และการใช้อำนาจหน้าที่และงบประมาณกับกลุ่มการเมืองและกลุ่มบุคคลที่เห็นต่าง นอกจากนี้ยังเปิดเผยถึงการจ่ายเบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
ต่อมา พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่า เอกสารที่พรรคฝ่ายค้านนำมาอภิปรายนั้นมีเอกสารที่ไม่เป็นเอกสารจริง มีจุดพิรุธ หนังสือที่นำมาแสดงทำขึ้นในเดือนมีนาคม-กรกฎาคม และลายเซ็นของแม่ทัพภาค 2 คนปัจจุบันในหนังสือทั้งสองฉบับไม่เหมือนกัน ส่วนอดีตผู้อำนวยการกองยุทธการกองทัพภาคที่ 2 ที่มีชื่อลงนามฉบับนี้ได้ย้ายไปลงตำแหน่งใหม่ 1 ปีเศษแล้ว ลายเซ็นรองแม่ทัพภาค 2 ก็ไม่ตรงของจริง นามสกุลของแม่ทัพภาค 2 คนปัจจุบันในหนังสือก็พิมพ์ไม่ถูกต้อง ซึ่งหากเป็นเอกสารจริงก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสภานี้ไม่ควรจะให้หยุดเพียงแค่การกล่าวหาและการชี้แจง แต่ควรจะขยายผลไปสู่การสอบสวนพิสูจน์ความจริง เพราะหลักฐานที่ปรากฏไม่ได้มีแค่เอกสารของทางราชการ แต่ยังมีคลิปเสียง มีรูปภาพ มีการกล่าวถึงเพจอวตาร และการใช้งบประมาณในปฏิบัติการต่างๆ ซึ่งน่าจะสามารถหาคำตอบได้ว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากคำอภิปรายและคำชี้แจง จับเค้าความเห็น
ตรงกันของทั้ง 2 ฝ่ายได้ว่า หากปฏิบัติการใดๆ สร้างความแตกแยกในสังคมขึ้น ปฏิบัติการนั้นๆ ย่อมไม่ถูกต้อง และควรหยุดยั้งไม่ให้ดำเนินการต่อไป
