ไม่ให้เกิดขึ้นอีก

กรมคุมประพฤติได้ออกเอกสารข่าวชี้แจง จากกรณีที่มีการร้องเรียนให้ ตรวจสอบศูนย์สงเคราะห์บำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด วิถีพุทธ วัดท่าพุราษฎร์บำรุง ต.ด่านมะขามเตี้ย อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ว่าระหว่างการบำบัดมีการทำร้ายผู้เข้ารับการบำบัดถึงขั้นเสียชีวิต มีการกักขังหน่วงเหนี่ยว อีกทั้งข่มขู่เรียกร้องทรัพย์สินจาก ผู้ปกครอง มีภาพเผยแพร่ทางสื่อสร้างความสลดใจแก่สังคมโดยทั่วไป
โดยมีการยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ รมต.ยุติธรรม และกระทรวงสาธารณสุขให้ตรวจสอบ

คำชี้แจงของกรมคุมประพฤติระบุต่อมาว่า เพื่อสร้างความเข้าใจ ที่ถูกต้องของสังคมว่า ภายหลังได้รับทราบข้อร้องเรียนดังกล่าว กรมคุมประพฤติ โดยผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดกาญจนบุรีได้ลงพื้นที่พร้อม นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และหัวหน้าส่วนราชการในจังหวัดที่เกี่ยวข้อง จากการลงพื้นที่พบว่าศูนย์ดังกล่าวมีการควบคุมกักขังผู้เข้ารับการบำบัดจริง จำนวนประมาณ 200 คน โดยผู้เข้ารับการบำบัดอยู่รวมกันในลักษณะแออัด มีการเรียกเก็บเงินค่าบำบัด 10,000 บาท มีเงื่อนไขต้องเข้ารับการบำบัดเป็นระยะเวลา 1 ปี และหากอยู่ไม่ครบระยะเวลาบำบัดต้องเสียค่าปรับอีก จำนวน 10,000 บาท และระหว่างบำบัด  ผู้ปกครองต้องจ่ายเงินรายเดือนอีกเดือนละ 2,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีได้ดำเนินการปล่อยตัวผู้ที่ถูกควบคุม และประสานไปยังกองพลทหารราบที่ 9 มารับตัวผู้เข้ารับการบำบัดออกจากสถานที่ดังกล่าว เพื่อไปพักชั่วคราวที่ศูนย์พักพิงเขาชนไก่ และประสานให้ญาติมารับกลับภูมิลำเนาต่อไป

กรมคุมประพฤติยืนยันว่า ผู้เข้ารับการบำบัดทั้งหมดไม่มีผู้กระทำผิดที่ อยู่ในความดูแลของสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดกาญจนบุรี และศูนย์สงเคราะห์ฯ ดังกล่าวไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของกรมคุมประพฤติแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นที่วัดท่าพุฯ เป็นภาพของการปฏิบัติต่อผู้ติดยาเสพติดที่ต้องการความช่วยเหลือในลักษณะของความทารุณ หน่วยงานราชการที่รับผิดชอบน่าจะสอดส่องว่า ยังมีการแอบอ้างหรือมีการฉวยโอกาสหาประโยชน์จากผู้ติดยาเสพติดในลักษณะเดียวกันนี้ที่ไหนอีกหรือไม่ และไม่ควรปล่อยให้เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอีก โดยจะต้องดำเนินการเอาผิดผู้กระทำผิดอย่างเฉียบขาดและถึงที่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image