บทนำ : แก้รธน.60 (อีกครั้ง)

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ แกนนำพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ เปิดกิจกรรมรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ตอนหนึ่งว่า ที่ผ่านมา ส.ว.มีท่าทีไม่ยอมรับการแก้ไข ขณะที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องมีเสียงเห็นชอบของ ส.ว.ในทุกขั้นตอนการแก้ไข ตนเห็นว่าท่าทีของ ส.ว.ได้รับผลกระทบจากเสียงของประชาชน ยิ่งเสียงภาคประชาชนดังเท่าไหร่ ท่าทีจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน ตัวอย่างที่ได้พยายามสองครั้งในการยกเลิกมาตรา 272 ครั้งแรกเป็น ช่วงที่ประชาชนตื่นตัวสูงมีร่างของกลุ่มไอลอว์ เข้าไปประกบด้วย ปรากฏว่า ส.ว.เห็นชอบ 56 คน พอมารอบที่สอง หลังจากผ่านไปหกเดือน มีร่างของพรรคการเมืองที่เสนอให้ยกเลิกอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ เหมือนกันกับของไอลอว์ เสนอเข้าไปในสภา ส.ว.เห็นชอบแค่ 26 คน ถามว่า ส.ว. 30 คน ที่เคยเห็นชอบกับการปิดสวิตช์ตัวเองแล้ว มาไม่เห็นชอบเป็นเพราะอะไร ตนเชื่อว่าเป็นเพราะความตื่นตัวของประชาชนในเวลานั้นอาจจะไม่สูงเท่ารอบแรก ดังนั้น ยิ่งประชาชนส่งเสียงดังเท่าไหร่ส่งผลต่อท่าทีของสมาชิกรัฐสภาอย่างแน่นอน

แกนนำพรรคก้าวไกลระบุอีกว่า พรรคการเมืองต้องใช้เวทีเลือกตั้งเป็นเวทีเพื่อไปขอฉันทานุมัติจากประชาชนว่าต้องการจะแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นนี้ในมาตรานี้ ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งปี 2562 วาระเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากเราติดตามการดีเบตในช่วงนั้น จะมีคำถามว่าจะแก้หรือไม่แก้ แต่ตนคิดว่าวาระของรัฐธรรมนูญในการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ จะไม่เพียงแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่จะเป็นคำถามว่าถ้าจะแก้จะแก้ไขอะไร ซึ่งพรรคก้าวไกลประกาศชัดว่าหากเป็นรัฐบาลจะแก้เรื่องใดบ้าง และถ้าประชาชนให้คะแนนเสียงเราอย่างท่วมท้น เป็นสัญญาณสู่ ส.ว.และ ส.ส. ว่านี่คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ประชาชนอยากจะเห็น แต่ตนคิดว่าทุกพรรคต้องใช้เวทีเลือกตั้งในการนำเสนอสูตรในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แล้วให้ประชาชนตัดสินว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร

ถือเป็นข้อเสนอที่สำคัญและจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการเมืองประเทศไทย ที่บัดนี้ เดินทางมาไกลจากรัฐประหาร 2557 แล้ว 8 ปี เป็นห้วงเวลาที่ทุกคนทราบดีแก่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ทุกอย่างควรกลับคืนสู่แนวทางปกติ อำนาจต่างๆ ควรกลับสู่ประชาชน รวมถึงการกำหนดตัวนายกรัฐมนตรี ซึ่งควรเป็นหน้าที่ของผู้แทนฯที่มาจากเลือกตั้ง ไม่ใช่อภิสิทธิ์ชนจากการแต่งตั้ง การยินยอมให้มีบทเฉพาะกาลที่ละเมิดหลักปฏิบัติทางประชาธิปไตย เป็นเรื่องที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน พรรคการเมืองต่างๆ ไม่ควรนิ่งเฉย หรือยอมรับ และถึงเวลาแล้วที่ทุกพรรคจะต้องออกมาประกาศจุดยืน และเสนอต่อประชาชน ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ประกาศให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นนโยบายสำคัญ รัฐบาลเอง เมื่อดึงพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล ก็ได้ประกาศเป็นในนโยบายเร่งด่วน สุดท้ายร่างแก้ไขต่างๆ ถูกตีตกหมด เพราะ ส.ว.ไม่เห็นด้วย

มีคำกล่าวที่สังคมจดจำแม่นยำว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์เพื่อพวกเรา และในทางปฏิบัติ ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง รัฐธรรมนูญควรเริ่มต้นจากผลประโยชน์ของประชาชน มิใช่เริ่มต้นจากผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคล เพื่อจะวางพิมพ์เขียวการเมือง เพื่อให้พวกตนเองมีอำนาจควบคุมการเมือง ดังนั้น ในการเลือกตั้งครั้งนี้ นอกจากรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิอย่างแลนด์สไลด์ เพื่อชัยชนะอย่างท่วมท้นหรือแลนด์สไลด์แล้ว พรรคการเมืองควรบอกประชาชน เป็นคำมั่นว่า ผลที่จะเกิดจากแลนด์สไลด์ ต้องรวมถึงการแก้ไขกฎกติกาหลักของประเทศ ให้เป็นประชาธิปไตยเพื่อทุกคน มิใช่เฉพาะเพื่อ “พวกเรา”

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image