ปรับครม.-ปราบเซียน

รัฐมนตรีใหม่ ไม่มีเวลาฮันนีมูนฉลองตำแหน่ง เหตุปัญหารอการแก้ไขมากมาย จำเป็นต้องเร่งบริหารจัดการ อย่างน้อยที่สุด เพื่อคลี่คลาย บรรเทาผลกระทบเฉพาะหน้าให้ได้ ช่วยประชาชน คนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่ได้รับความเดือดร้อนแทบทุกหย่อมหญ้าอยู่ในปัจจุบัน
โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง ที่สำคัญยิ่งยวด
เป็นเสาค้ำความมั่นคงชาติของแท้
จะพอใจอยู่แค่ผลการใช้อำนาจกดทับ ทำประเทศชาติสงบสุข โฆษณาชวนเชื่อเป็นชิ้นงานโบแดงรัฐบาล อย่างเดียวไม่ได้
เรื่องความสงบสุขนั้น
จับต้อง สัมผัสได้ก็จริง แต่คุ้มค่าหรือไม่ ยังน่าสงสัย
เนื่องจาก ต้นทุนสิ่งที่นำไปแลกนั้นมหาศาล
สิทธิ เสรีภาพประชาชนที่ถูกละเมิด ควบคุม ยิ่งใหญ่มากเทียบไม่ได้ กับผลได้น้อยนิด ที่ไม่ยั่งยืน และไม่เป็นไปตามธรรมชาติการเมือง
บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปรับใหญ่ยกเครื่องทีมบริหาร วางตัวขุนพลใหม่ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลให้ออกมาเป็นรูปธรรม การแก้ปัญหา
ในจำนวน 18 เก้าอี้ใหม่ ครม.ประยุทธ์ 5 ส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่งานด้านเศรษฐกิจ
เป็นการปรับ ครม.ตามยุทธศาสตร์
จัดแถว บุกงานฐานราก ลุยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ชาวบ้าน 30-40 ล้านคน ในปีสุดท้ายการอยู่ในอำนาจ
ก่อนปรับโหมด เข้าสู่ฤดูกาลเลือกตั้ง ตามโรดแมปเปลี่ยนผ่าน
คำถามมีอยู่บ้าง ปรับช้า-คิดช้าไปหรือไม่ และจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ในอายุขัยรัฐบาล ที่เหลืออยู่สั้นๆ ประมาณ 1 ปีเท่านั้น
เป็นคำสบประมาท ที่มองผ่าน-เทียบกับห้วง 3 ปีกว่าของการบริหารราชการแผ่นดิน ที่ทอดยาวจากบิ๊กตู่ 1 ล่วงเลยถึง 4
ประเทศมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน จริงหรือไม่
แต่ไม่ว่าจะถูกประเมิน 3 ปีกว่าสำเร็จหรือล้มเหลว
การปรับ ครม.ครั้งนี้ พอมองเห็นแง่ดีการปรับใหญ่ ที่ให้ความสำคัญกับกระทรวงเศรษฐกิจ ปากท้อง อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลก็ยอมรับว่า ขณะนี้ชาวบ้านลำบาก ตัวเลขเศรษฐกิจ ดัชนีชี้วัดในระดับมหภาคดีขึ้นจริง แต่เม็ดเงินไม่กระจายถึงมือชาวรากหญ้า
นโยบายปีหน้า จึงโฟกัสไปที่การช่วยเหลือ ลงลึกฐานราก เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา
แต่ถึงมีการทบทวนจัดอันดับความสำคัญเร่งด่วนของปัญหาได้ถูกต้อง การทำงานปีสุดท้าย ไม่ง่ายแน่นอน โจทย์ยาก งานหินกว่าเก่าหลายเท่า
ไม่เพียง ปัญหาสะสมมานานหลายปี
แต่ช่วงปลายรัฐบาล มักเป็นปีปราบเซียน ประชาชนเบื่อหน่าย เอือมระอา รัฐบาลจากการเลือกตั้งก็เผชิญเรื่องนี้มานักต่อนัก
หนำซ้ำยิ่งใกล้เลือกตั้ง ฝ่ายประจำ ข้าราชการซึ่งเป็นกลไก มือไม้สำคัญ แปรนโยบายสู่ภาคปฏิบัติ มักเกียร์ว่าง ดูทิศทางลม
งานที่ควรจะเดินก็สะดุด
รัฐบาลบิ๊กตู่ เต็มไปด้วยอดีตข้าราชการประจำ รู้ไต๋-ตื้นลึกหนาบางเป็นอย่างดี อาจพอมีวิธีรับมือ จัดการแก้ปัญหาเกียร์ว่างได้
แต่การที่รัฐมนตรีส่วนใหญ่มิได้มีเดิมพันสูงเหมือน คสช.
ไม่มีเดิมพันสูงเหมือนเช่นนักการเมือง ที่ฝากอนาคตไว้กับฝีมือบริหารเป็นหลัก จึงพากันไล่บี้ ขันนอตฝ่ายประจำ ให้กระตือรือร้น-เร่งปั๊มผลงานอย่าเข้าเกียร์ว่าง
สิ่งพึงระวังก็คือ
ภาวะเกียร์ว่างยุคนี้ อาจเกิดขึ้นทั้งกับรัฐมนตรีที่ดูอ่อนล้าโรยราหมดไฟเต็มที และอาจเกิดขึ้นได้ทั้งกับฝ่ายประจำในฤดูกาลพักผ่อน ดูทิศทางการเมืองเหมือนที่เคยเกิดมาแล้ว
แม่น้ำเกียร์ว่าง 2 สายไหลมาบรรจบกันเมื่อใด
ต้นธารแม่น้ำ 5 สาย กระอักพิษ รัฐราชการแน่

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image