จาก “ป๋า” ถึงบิ๊กตู่ “กองหนุน” ใกล้หมด สัญญาณเตือน “ลึกล้ำ”

เป็นข่าวดังส่งท้ายปี

เหตุเกิดในวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ตลอดจนข้าราชการทหาร ตำรวจ

เข้าขอรับพรและอวยพร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2561 วันที่29 ธันวาคม ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์

บรรยากาศการพบปะชื่นมื่น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนตัวรู้สึกภาคภูมิใจ ที่ได้เข้ามาอวยพร และหวังว่าปี 2561 จะเป็นปีแห่งความสำเร็จเพื่อนำพาประเทศไปสู่ความสงบ สันติอย่างยั่งยืนและเกิดการพัฒนาในทุกๆ ด้าน

Advertisement

ที่ผ่านมา พล.อ.เปรมถือเป็นแบบอย่างให้กับทุกคน ซึ่งทุกคนมีความมุ่งมั่นทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ดังที่ พล.อ.เปรมได้กล่าวไว้ว่า เกิดมาต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม ต้องทำหน้าที่เพื่อแผ่นดิน รักษาไว้เพื่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ รวมถึงจะต้องดูแลทุกข์สุขของประชาชนด้วย จึงขอขอบคุณ พล.อ.เปรมที่ให้กำลังใจเสมอมา และมีความผูกพันกันมาโดยตลอด

หลังจากคำกล่าวของนายกฯ พล.อ.เปรมกล่าวว่า ขอขอบคุณนายกฯ และพวกเราทุกคนกรุณารักษาประเพณีอันเป็นวัฒนธรรมเดิมของเรา

คนไทยทุกคนทราบ ได้ยินได้อ่านว่ารัฐบาลของตู่ กองทัพต่างๆ ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน กำลังทำอะไรกันอยู่เพื่อชาติบ้านเมืองของเรา

Advertisement

ตู่ได้ให้สัญญาว่าจะนำความสุขมาให้คนไทยเท่าที่สามารถจะทำได้ ดังนั้นตู่จะต้องดำรงความมุ่งหมายนี้ไว้ให้ได้ว่าเราจะทำทุกอย่างขอให้คนไทยมีความสุขมากขึ้น โดยเฉพาะคนยากคนจน

ไฮไลต์Ž อยู่ตรงที่ พล.อ.เปรมกล่าวว่า “ตู่ใช้กองหนุนไปเกือบหมดแล้ว แทบจะไม่มีกองหนุนเหลืออยู่แล้ว แต่ว่าถ้าเราสามารถแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดีที่มีต่อประชาชนชาวไทยกองหนุนก็จะมาเองŽ” 

“เพราะฉะนั้นขอให้ดำรงความมุ่งหมายเพื่อเติมกองหนุนมากขึ้นให้ได้ ผมเชื่อว่าตู่ทำได้ พวกเราทุกคนก็ทำได้ และกำลังทำกันอยู่ อย่างไรก็ตามข้อสำคัญที่สุดก็คือขอให้ประพฤติตนเป็นตัวอย่างที่ดีกับชาวไทยว่าคนไทยที่ดีคืออย่างไรŽ”

”ขอแสดงความชมเชยและภูมิใจในการกระทำของคณะรัฐบาลลุงตู่และขอย้ำอีกทีว่าที่ตู่พูดว่าจะนำความสุขมาให้คนไทยจะต้องดำรงความมุ่งหมายนี้ให้ได้แม้จะเหนื่อยยากก็ตามŽ”

อีกช็อตสำคัญได้แก่ การสนทนาสัพยอกระหว่าง ประธานองคมนตรีกับ บิ๊กป้อมŽ พี่ใหญ่ คสช. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม

พล.อ.เปรมแซว พล.อ.ประวิตร ว่าไปต่อยใครมา พล.อ.ประวิตรปล่อยมุขว่า ต่อยตัวเอง เรียกเสียงฮา

พล.อ.ประยุทธ์ยังได้เรียก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หรือ บิ๊กป๊อกŽ รมว.มหาดไทย พร้อมบอก พล.อ.เปรม ว่า “สาม ป. ผมเนี่ย หนักครับ โดนอยู่ทุกวัน เพราะคนไม่เข้าใจ และยากที่จะให้ทุกคนเข้าใจตรงกัน เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว และสิ่งที่ผมสัญญากับป๋าไว้ ผมก็จะทำให้ได้ จะไม่โมโห ยิ้มอย่างเดียว ประชาชนอยากให้ผมยิ้มเยอะๆ แม้ว่าใครจะทำให้ผมหงุดหงิดก็ตามŽ” 

ข้อสังเกตเรื่อง กองหนุนŽ บิ๊กตู่ใกล้หมด จาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ก่อให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างกว้างขวาง

เพราะกระแสโจมตีรัฐบาลในระยะหลัง มาจาก กองหนุนŽ หรือผู้ที่สนับสนุนรัฐบาล และเป็นแนวร่วมต่อต้าน ทักษิณŽมาด้วยกัน

เรียกว่า มิตรสหายที่รู้ใจและคนกันเอง ได้หันปลายทวนเข้าใส่กัน

เป็นสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดา

กองหนุนรายใหญ่ของ คสช. ก็คือ กปปส.Ž ซึ่งมีทั้งข้าราชการ อดีตข้าราชการระดับสูง กลุ่มทุนใหญ่ กลุ่มธุรกิจระดับสูงและระดับกลาง นักวิชาการบางส่วน ชนชั้นกลางในเมือง และเอ็นจีโอบางกลุ่ม

กลุ่มนี้ตั้งความหวังกับ การปฏิรูปŽ และการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น

แต่ผิดหวัง เพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นไม่เป็นไปตามที่คิดฝัน ขณะที่การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่เป็นจริง โดยเฉพาะเมื่อมีพวกพ้องเข้ามาเกี่ยวข้อง

องค์ประกอบสำคัญยังประกอบด้วย ประชาชนจากจังหวัดภาคใต้ แต่เมื่อเกิดปัญหาราคายางลงรูดไปเรื่อยๆ แถมแกนนำสวนยางมาขอพบนายกฯ 5 นาที กลับถูกเชิญตัวเข้าค่ายทหาร

กลายเป็น แผลใจŽ ที่รอการแก้ไข โดยเฉพาะหลังจากปรับ ครม. นำเอาอดีตปลัดมหาดไทยมาเป็น รมว.เกษตรฯ เพื่อโฟกัสปัญหานี้โดยเฉพาะ

อีกเหตุการณ์ที่ตอกย้ำแนวโน้มเดียวกันคือการจับกุมผู้ประท้วงโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ อ.เทพา จ.สงขลา จนเกิดการปะทะเป็นข่าวใหญ่เมื่อครั้งการประชุม ครม.สัญจร ที่ภาคใต้ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

กองหนุนสำคัญของ คสช. ยังได้แก่ พรรคการเมืองที่ใกล้ชิด กปปส. และการออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ยืดเวลาด้านธุรการของพรรคการเมือง กลายเป็นการ รีเซตŽ สมาชิกพรรคไปอย่างเจ็บแสบ

พรรคประชาธิปัตย์มีความภาคภูมิใจกับฐานสมาชิกพรรค ร่วมๆ 3 ล้านคน และสาขาพรรคถึง 175 แห่ง ซึ่งพรรคอื่นๆ เทียบไม่ติด

อยู่ๆ ให้สมาชิกทั้งหมดนับหนึ่งใหม่ มายืนยันสถานะใหม่ เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยาก

นอกจากนี้ การที่มีกระแสข่าวการตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพื่อมาผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯอีกสมัย ก็เท่ากับตั้งพรรคมาแข่งกับพรรคเก่า ซึ่งรวมถึง ปชป.ด้วย 

ในภาพรวม การใช้ กองหนุนŽ อย่างสิ้นเปลือง และร่อยหรอถึงขนาดที่ ป๋าเปรมŽ ต้องออกปาก ส่วนหนึ่งมาจากผลการบริหารงานของรัฐบาลเอง

อีกส่วนหนึ่ง มาจากนโยบายทางการเมืองของรัฐบาล ที่กระทบต่อกลุ่มการเมืองในเครือข่ายที่เคยสนับสนุนกันมา

หลังจาก พล.อ.เปรม ตั้งข้อสังเกตอย่างนี้ น่าสนใจว่านายกฯและ คสช. จะพลิกท่าทีต่อ กองหนุนŽ ที่กำลังไม่
พอใจรัฐบาลอย่างไร

รวมถึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหรือไม่ กับคำสั่ง รีเซตŽ หรือคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image