พรีวิว ยูโร 2020 กลุ่มบี : ‘เบลเยียม’ เต็งจ๋า – ห้ามประมาท ‘ฟินแลนด์’

พรีวิว ยูโร 2020 กลุ่มบี : ‘เบลเยียม’ เต็งจ๋า – ห้ามประมาท ‘ฟินแลนด์’

กลุ่มที่น่าสนใจเมื่อราชันไร้มงกุฎอย่าง “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม ต้องโคจรมาเจอกับทีมที่เพิ่งได้ผ่านเข้ามาเล่นทัวร์นาเมนต์ใหญ่เป็นครั้งแรกอย่าง ฟินแลนด์ รวมถึงอดีตแชมป์อย่าง “โคนม” เดนมาร์ก และรัสเซีย ที่พร้อมลุ้นโอกาสในการเข้ารอบต่อไปกันได้

เดนมาร์ก
เฮดทูเฮด
พบ ฟินแลนด์ ชนะ 39 เสมอ 9 แพ้ 11 ยิงได้ 154 เสีย 58
พบ เบลเยียม ชนะ 6 เสมอ 3 แพ้ 4 ยิงได้ 23 เสีย 21
พบ รัสเซีย ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 9 ยิงได้ 10 เสีย 32
ผลงานดีที่สุดในยูโร : แชมป์ (1992)
ผลงานยูโร 2016 : ไม่ผ่านรอบคัดเลือก

ทีม “โคนม” ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายอีกครั้งหลังจากพลาดตั๋วเมื่อ 5 ปีก่อนที่ประเทศฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ ก่อนที่ครั้งนี้พวกเขาจะทำผลงานในรอบคัดเลือกด้วยการเป็นรองสวิตเซอร์แลนด์ แชมป์กลุ่ม เพียงแค่คะแนนเดียวเท่านั้น ด้วยผลงานไร้พ่าย ชนะ 4 และเสมออีก 4 นัด

Advertisement

อย่างไรก็ตามกุนซือที่พาพวกเข้าเข้ามารอบสุดท้ายอย่าง อาเก้ ฮาไรเด้ กลับหมดสัญญาปี 2020 และได้มีการแต่งตั้ง แคสเปอร์ ยูลมันด์ เข้ามารับตำแหน่งต่อตั้งแต่ตอนปี 2019 ทำให้พอการแข่งขันถูกเลื่อนออกมาปีหนึ่ง ทำให้ต้องมารับงานในรอบสุดท้ายทันที

แน่นอนว่าคีย์แมนของพวกเขาไม่ใช่ใครอื่น คริสเตียน อีริกเซ่น เพลย์เมกเกอร์จาก “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน ที่เรียกได้ว่าเป็นทุกอย่างให้กับทีมแล้วไม่เว้นแม้แต่ดาวซัลโวในรอบคัดเลือก ที่ทำไปถึง 5 ประตูด้วยกัน

ขณะที่ผู้เล่นที่น่าสนใจของเดนมาร์กชุดนี้ยังมี อันเดรียส สคอฟ โอลเซ่น กองหน้าจากโบโลญญ่าที่ยิง 3 ประตู 5 แอสซิสต์ ด้วยเวลาในสนามเพียง 179 นาทีเท่านั้น และยังมีดาวดังจากพรีเมียร์ลีก ทั้งแคสเปอร์ ชไมเคิ่ล, อันเดรียส คริสเตนเซ่น, ปิแอร์ เอมิล-ฮอยแบร์ก เป็นต้น

Advertisement

ฟินแลนด์
เฮดทูเฮด
พบ เดนมาร์ก ชนะ 11 เสมอ 9 แพ้ 39 ยิงได้ 58 เสีย 154
พบ เบลเยียม ชนะ 4 เสมอ 4 แพ้ 3 ยิงได้ 19 เสีย 20
พบ รัสเซีย ชนะ 1 เสมอ 5 แพ้ 12 ยิงได้ 13 เสีย 55
ผลงานดีที่สุดในยูโร : –
ผลงานยูโร 2016 : ไม่ผ่านรอบคัดเลือก

ฟินแลนด์สร้างประวัติศาสตร์ของชาติตัวเองด้วยการผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายในรายการระดับเมเจอร์ได้เป็นครั้งแรก ซึ่งสามารถล้มทีมที่มีประสบการณ์ เคยผ่านการเป็นแชมป์มาแล้วอย่าง กรีซ ในรอบคัดเลือกมาได้ ด้วยผลงาน 10 นัด ชนะ 6 แพ้ 4

มาร์กคู คาร์เนร์ว่า กุนซือของฟินแลนด์นั้นถึงแม้จะอายุ 57 แล้ว แต่ต้องบอกว่าผลงานการคุมทีมของเขานั้นไม่ได้มากเท่าไหร่นัก เริ่มจากการคุมทีมยู-21 ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ช่วยชุดใหญ่และรับหน้าที่เต็มตัวเมื่อปี 2016

ตัวผู้เล่นตัวหลักของฟินแลนด์นั้นเป็นชื่อที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีอย่าง ตีมู ปุ๊กกี้ ดาวยิงจากนอริช ซิตี้ น้องใหม่ของพรีเมียร์ลีก ซึ่งจาก 16 ประตูของฟินแลนด์ในรอบคัดเลือกนั้น เป็นของเขาไปแล้วถึง 10 ประตูด้วยกัน นับว่าเป็นเครื่องจักรกลในการทำประตูคนสำคัญของทีมเลยก็ว่าได้

ส่วนผู้เล่นคนอื่นๆ ก็มี ลูคัส ฮราเด็คกี้ นายทวารจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และเฟรดดิค แยนเซ่น ปีกจากเอาก์สบวร์ก ที่พอเป็นตัวชูโรงได้

เบลเยียม
เฮดทูเฮด
พบ เดนมาร์ก ชนะ 4 เสมอ 3 แพ้ 6 ยิงได้ 21 เสีย 23
พบ ฟินแลนด์ ชนะ 3 เสมอ 4 แพ้ 4 ยิงได้ 20 เสีย 19
พบ รัสเซีย ชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 4 ยิงได้ 21 เสีย 17
ผลงานดีที่สุดในยูโร : รองแชมป์ (1980)
ผลงานยูโร 2016 : รอบก่อนรองชนะเลิศ (แพ้ เวลส์ 1-3)

ทีมอันดับ 1 ของโลก ที่เป็นตัวเต็งหลักของการแข่งขันรายการนี้ ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายด้วยผลงานเก็บชัยชนะ 10 เกมรวด แถมเกมรับยังยอดเยี่ยมเพราะเสียไปแค่ 3 ประตูเท่านั้น ขณะที่แนวรุกกดไปถึง 40 ประตูด้วยกัน

อย่างไรก็ตามโจทย์ใหญ่ของโรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ก็คือการทำผลงานไปถึงถ้วยแชมป์ให้ได้ หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับการพาเบลเยียมจบอันดับ 3 ในฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดของพวกเขา ดังนั้นเป้าหมายที่สูงขึ้นก็คงจะต้องเป็นแชมป์ยูโรนี่เอง

ผู้เล่นตัวหลักของเบลเยียมชุดนี้คงหนีไม่พ้น เควิน เดอ บรอยน์ จอมทัพของทีมที่ทำไปถึง 4 ประตูกับ 7 แอสซิสต์ในรอบคัดเลือก เพียงแต่ก็ต้องลุ้นอาการบาดเจ็บจากเกมนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ว่าจะพร้อมช่วยทีมหรือไม่

ส่วนผู้เล่นที่น่าสนใจนั้นต้องบอกว่าเบลเยียมนั้นแข็งแกร่งในทุกตำแหน่ง ทั้งติโบต์ กูร์ตัวส์, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, ธิโมธี คาสตานเญ่, ยูริ เทียเลมองส์, โรเมลู ลูกากู และเอเด็น อาซาร์ ที่ยังลุ้นกลับมาคืนฟอร์มในทัวร์นาเมนต์ใหญ่อยู่

รัสเซีย
เฮดทูเฮด
พบ เดนมาร์ก ชนะ 9 เสมอ 1 แพ้ 1 ยิงได้ 32 เสีย 10
พบ ฟินแลนด์ ชนะ 12 เสมอ 5 แพ้ 1 ยิงได้ 55 เสีย 13
พบ เบลเยียม ชนะ 4 เสมอ 2 แพ้ 6 ยิงได้ 17 เสีย 21
ผลงานดีที่สุดในยูโร : แชมป์ (สหภาพโซเวียต 1960) รอบรองชนะเลิศ (2008)
ผลงานยูโร 2016 : รอบแบ่งกลุ่ม

หนึ่งในคู่แข่งของเบลเยียมตั้งแต่รอบคัดเลือก ที่โคจรมาอยู่กลุ่มเดียวกันอีกครั้งในรอบสุดท้าย ผลงานในรอบคัดเลือกนั้นพวกเขาชนะ 8 และแพ้ไป 2 นัด ซึ่ง 2 เกมดังกล่าวก็คือการแพ้ให้กับเบลเยียมแบบไป-กลับนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ทีมหมีขาวมีปัญหาในรอบสุดท้าย เมื่อพวกเขาไม่ชนะใครมาแล้วถึง 5 เกมติดต่อกัน นับตั้งแต่ชนะในนัดเปิดสนามเมื่อปี 2012 ดังนั้นจึงเป็นงานของ สตานิสลาฟ เชอร์เชซอฟ ที่จะต้องสานต่องานจากฟุตบอลโลกเมื่อ 3 ปีก่อนเอาไว้ให้ได้ และพาทีมผ่านรอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งแรกใน 3 หนหลังสุดเสียที

คีย์แมนของรัสเซียชุดนี้ ก็คือ อาเต็ม ซูบ้า กองหน้าร่างยักษ์จากเซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ที่กดไป 9 ประตูในรอบคัดเลือก และเป็นดาวซัลโวของทีม ที่พร้อมจะลงล่าตาข่ายในรอบสุดท้าย

เพียงแต่นอกจากซูบ้าแล้วอีกคนที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลยก็คือ อเล็กซานเดอร์ โซโบเลฟ กองหน้าวัย 23 ปี ที่ถูกยกให้เป็นตัวแทนของซูบ้าที่ตอนนี้อายุ 32 ปีเข้าไปแล้ว ขณะที่แดนกลางคงต้องหวังการทำเกมจาก อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน และเดนิส เชรีเชฟ ที่เป็นตัวหลักมาตั้งแต่ฟุตบอลโลกนั่นเอง

สรุป
กลุ่มนี้ก็ค่อนข้างชัดเจนว่าเต็ง 1 คือทีมอย่างเบลเยียม เพียงแต่ทีมที่เพิ่งมาครั้งแรกอย่างฟินแลนด์เองก็ประมาทไม่ได้เช่นกัน เพราะเราเคยเห็นหลายครั้งว่าทีมที่เพิ่งมาครั้งแรกมักจะทำผลงานได้ดี เป็นม้ามืดแบบไอซ์แลนด์เมื่อ 5 ปีก่อน

ขณะที่เดนมาร์ก กับ รัสเซีย ก็นับว่าชื่อชั้นดีกว่าฟินแลนด์แน่นอน สิ่งสำคัญคือพวกเขาจะต้องเล่นตามฟอร์มของตัวเองให้ได้ อย่างน้อยถ้าสามารถเอาชนะได้คนละ 1 นัด น่าจะเข้ารอบในฐานะอันดับ 3 ที่ดีที่สุดได้เช่นกัน

โปรแกรมการแข่งขัน
12 มิถุนายน เดนมาร์ก พบ ฟินแลนด์ เวลา 23.00 น.
12 มิถุนายน เบลเยียม พบ รัสเซีย เวลา 02.00 น. (เช้ามืดวันที่ 13 มิถุนายน)
16 มิถุนายน ฟินแลนด์ พบ รัสเซีย เวลา 20.00 น.
17 มิถุนายน เดนมาร์ก พบ เบลเยียม เวลา 23.00 น.
21 มิถุนายน ฟินแลนด์ พบ เบลเยียม เวลา 02.00 น. (เช้ามืดวันที่ 22 มิถุนายน)
21 มิถุนายน รัสเซีย พบ เดนมาร์ก เวลา 02.00 น. (เช้ามืดวันที่ 22 มิถุนายน)

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image