พรีวิวยูโร 2020 กลุ่มซี : ถึงเวลา ‘เนเธอร์แลนด์’ คัมแบ๊ก ‘ออสเตรีย-ยูเครน’ ลุ้นเข้ารอบ

พรีวิวยูโร กลุ่มซี : ถึงเวลา ‘เนเธอร์แลนด์’ คัมแบ๊ก ‘ออสเตรีย-ยูเครน’ ลุ้นเข้ารอบ

เดินทางกันมาถึงกลุ่มซีแล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องบอกว่าบอกว่าน่าจะเป็นกลุ่มที่ถูกมองข้ามที่สุดแล้ว เพราะถ้าดูจากชื่อชั้นแต่ละทีมนั้น ต้องบอกว่าส่วนใหญ่เป็นแค่ทีมไม้ประดับเท่านั้น ยกเว้นแต่เต็งของกลุ่มอย่างเนเธอร์แลนด์

เพราะที่ผ่านมาทีมอย่าง ออสเตรีย, ยูเครน ยังไม่เคยผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้ และทีมน้องใหม่นอร์ธ มาซิโดเนีย ก็เพิ่งมาเล่นครั้งแรก ดังนั้นครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีให้พวกเขาสร้างประวัติศาสตร์ได้

ไปเจาะลึกทีละทีมกันเลย

เนเธอร์แลนด์

เฮดทูเฮด
พบ ยูเครน ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 0 ยิงได้ 4 เสีย 1
พบ ออสเตรีย ชนะ 9 เสมอ 4 แพ้ 6 ยิงได้ 36 เสีย 24
พบ นอร์ธ มาซิโดเนีย ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 0 ยิงได้ 8 เสีย 3
ผลงานดีที่สุดในยูโร : แชมป์ (1988)
ผลงานยูโร 2016 : ไม่ผ่านรอบคัดเลือก

Advertisement

“อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ พวกเขาห่างหายจากฟุตบอลรายการทัวร์นาเมนต์ใหญ่ไปถึง 7 ปีเต็ม หลังจากครั้งสุดท้ายที่ได้ร่วมสังคายนาในรายการระดับเมเจอร์ คือฟุตบอลโลก เมื่อปี 2014 นู่นเลยทีเดียว ซึ่งในรอบคัดเลือกที่ผ่านมา ถึงแม้จะพลาดแชมป์กลุ่มให้กับ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ก็จริง แต่พวกเขาก็มีแมตช์ประทับใจนั่นคือการบุกไปถล่มถึง 4-2 ได้ เรียกได้ว่าผลงานไม่ธรรมดาเลย

แต่ทว่าปัญหาคือในรอบสุดท้ายพวกเขาจะต้องขาดกองหลังที่ดีที่สุดในโลกอย่าง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ที่ได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เดือนตุลาคม แม้ว่าทุกฝ่ายจะพยายามเร่งให้เจ้าตัวหายกลับมาได้ทันศึกใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ทันและเจ้าตัวก็ต้องถอนตัวไปในที่สุด

Advertisement

นอกจากนี้ถ้าหากยูโรจัดขึ้นเมื่อปีก่อน พวกเขาจะมีกุนซือที่ชื่อว่า โรนัลด์ คูมัน แต่พอเลื่อนมาทำให้คูมันนั้นโยกไปคุมบาร์เซโลน่า และกลายเป็นแฟรงค์ เดอ บัวร์ ที่ขึ้นมาคุม ซึ่งก็ต้องมาลุ้นกันว่ากุนซือที่ยังไม่ผ่านงานใหญ่ จะเอาตัวรอดได้หรือไม่

ถึงแม้ว่าทีมชาติเนเธอร์แลนด์ชุดนี้จะไม่มีฟาน ไดค์ แต่ในแนวรับพวกเขายังมีคีย์แมนอย่าง มาไธจ์ส เด ลิกต์ และสเตฟาน เดอ ฟราย อยู่ ขณะที่แดนกลางก็มีรองกัปตันทีม จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม ที่เป็นดาวซัลโวให้ทีมในรอบคัดเลือก และเมมฟิส เดปาย ซึ่งพร้อมรับหน้าที่ตัวทำประตูให้ทีมได้

ยูเครน

เฮดทูเฮด
พบ เนเธอร์แลนด์ ชนะ 0 เสมอ 1 แพ้ 1 ยิงได้ 1 เสีย 4
พบ ออสเตรีย ชนะ 1 เสมอ 0 แพ้ 1 ยิงได้ 4 เสีย 4
พบ นอร์ธ มาซิโดเนีย ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1 ยิงได้ 3 เสีย 1
ผลงานดีที่สุดในยูโร : รอบแรก (2012, 2016)
ผลงานยูโร 2016 : รอบแรก

ทีม “เหลือง-ฟ้า” สร้างผลงานสุดพลิกล็อคในรอบคัดเลือก เมื่อพวกเขาสามารถเอาชนะทีมเต็งกลุ่มอย่างโปรตุเกส พร้อมกับคว้าแชมป์กลุ่มมาครองได้ด้วยผลงานการลงเล่น 8 นัด ชนะ 6 เสมอ 2 และทำสถิติมาเล่นในรอบสุดท้ายได้ 3 หนติดต่อกันแล้ว

ซึ่งคนที่มีส่วนสำคัญก็คือ อังเดร เชฟเชนโก้ อดีตดาวยิงตำนานของทีมชาติยูเครน ที่เข้ามารับงานตรงนี้ตั้งแต่จบยูโร 2016 แม้ว่าจะชวดตั๋วฟุตบอลโลกใน 2 ปีแรก แต่การพาทีมล้มโปรตุเกสมาได้นั้นถือว่าเป็นผลงานที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

คีย์แมนตัวหลักสุดของยูเครนชุดนี้ก็คือ อังเดร ยาร์โมเลนโก้ ที่เป็นดาวยิงสูงสุดของทีมชาติรองจากเชฟเชนโก้เท่านั้นในเวลานี้ ถึงแม้ว่าเขาจะไปไม่รุ่งกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ดเท่าไหร่ แต่เมื่อมาอยู่กับทีมชาติก็เป็นคนสำคัญเสมอ

ส่วนขุมกำลังหลักส่วนใหญ่นั้นก็มาจากดินาโม เคียฟ ถึง 10 ราย นำโดย วิคเตอร์ ซีกานคอฟ เมื่อนำมารวมกับ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ แบ๊กซ้ายจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ รวมถึงมาร์ลอส นักเตะที่โอนสัญชาติมาจากบราซิล ก็ทำให้ยูเครนชุดนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

ออสเตรีย

เฮดทูเฮด
พบ เนเธอร์แลนด์ ชนะ 6 เสมอ 4 แพ้ 9 ยิงได้ 24 เสีย 36
พบ ยูเครน ชนะ 1 เสมอ 0 แพ้ 1 ยิงได้ 4 เสีย 4
พบ นอร์ธ มาซิโดเนีย ชนะ 2 เสมอ 0 แพ้ 0 ยิงได้ 6 เสีย 2
ผลงานดีที่สุดในยูโร : รอบแรก (2008, 2016)
ผลงานยูโร 2016 : รอบแรก

ออกจะดูน่าเหลือเชื่อเล็กน้อยที่ทีมอย่างออสเตรีย เพิ่งผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 3 เท่านั้น แต่ครั้งนี้พวกเขาก็ถือว่ามีโอกาสไม่น้อย เนื่องจากถูกจับมาอยู่ในกลุ่มที่ไม่หนักมาก และพอจะมีลุ้นเข้ารอบต่อไปได้

ทีมชุดนี้ของพวกเขานำมาโดย ฟรังโก้ โฟด้า อดีตนักเตะชาวเยอรมัน ที่เข้ามาทำงานตั้งแต่ปี 2018 หลังจากพลาดตั๋วไปฟุตบอลโลก ซึ่งผลงานในรอบคัดเลือกเองก็ยังไม่ถือว่าดีมากนัก เพราะจาก 10 นัดพวกเขาพ่ายไปถึง 3 เกมด้วยกัน ส่วนที่เหลือชนะ 6 เสมอ 1

อย่างไรก็ตามผู้เล่นของออสเตรียชุดนี้ ถือว่าเป็นชุดที่แข็งแกร่งมากๆ ดาวเตะคนสำคัญของทีมก็คือ ดาวิด อลาบา แนวรับสารพัดประโยชน์ นอกจากนี้คนอื่นๆ ก็เป็นตัวหลักให้กับสโมสรในบุนเดสลีก้า เยอรมนีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกัปตันทีมอย่าง ยูเลียน บวมการ์ตลินเกอร์, มาเซล ซาบิตเซอร์, คอนราด ไลเมอร์ เป็นต้น

นอกจากนี้แนวรุกก็ถือว่ายังมีทีเด็ดอย่าง มาร์โก้ อาร์เนาโตวิช ที่กดไปคนเดียว 6 ประตูในรอบคัดเลือก เป็นดาวซัลโวของทีม ที่พร้อมจะเป็นความหวังในการพังประตูให้ทีมได้

นอร์ธ มาซิโดเนีย

เฮดทูเฮด
พบ เนเธอร์แลนด์ ชนะ 0 เสมอ 2 แพ้ 2 ยิงได้ 3 เสีย 8
พบ ยูเครน ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 2 ยิงได้ 1 เสีย 3
พบ นอร์ธ มาซิโดเนีย ชนะ 0 เสมอ 0 แพ้ 2 ยิงได้ 2 เสีย 6
ผลงานดีที่สุดในยูโร : เข้ารอบสุดท้ายครั้งแรก
ผลงานยูโร 2016 : ไม่ผ่านการคัดเลือก

อีกหนึ่งน้องใหม่ของฟุตบอลยูโรหนนี้ ซึ่งมาแบบพลิกความคาดหมายพอสมควร เพราะในรอบคัดเลือกพวกเขาต้องเล่นในรอบเพลย์ออฟ ก่อนจะเอาชนะ โคโซโว 2-1 ในรอบรอง และไปชนะจอร์เจีย ในรอบชิงตั๋วได้ 1-0 จนสร้างประวัติศาสตร์คว้าตั๋วมาได้สำเร็จ

คนที่พานอร์ธมาซิโดเนีย มาถึงจุดนี้ได้นั่นก็คือ อิกอร์ อังเจลอฟสกี้ กุนซือชาวยูโกสลาเวียเก่า ซึ่งเข้ามารับงานตั้งแต่เมื่อปี 2015 และในวัย 44 ปีเท่านั้น การที่ได้มาคุมทีมในรอบสุดท้ายอาจจะเป็นใบเบิกทางสำหรับอาชีพเขาก็ได้ถ้ามีผลงานที่ดี

ผู้เล่นคนสำคัญของนอร์ธมาซิโดเนีย ก็คือโกรัน ปานเดฟ กองหน้าจอมเก๋าวัย 37 ปี ที่ตอนนี้สถิติการทำประตูอาจจะไม่ดีเหมือนก่อน แต่การโลดแล่นในฟุตบอลยุโรปมานาน ทำให้เขามีประสบการณ์สูงที่จะนำน้องๆ ลุยในศึกใหญ่ครั้งนี้

นอกจากนี้ทีมชุดนี้ยังมีเอลจิฟ เอลมาส กองกลางวัย 21 ปี จากนาโปลี ที่เป็นดาวซัลโวให้ทีมในรอบคัดเลือก รวมถึง เอิร์ดซาน อลิออสกี้ ดาวเตะจากลีดส์ ยูไนเต็ด ซึ่งพอเป็นที่พึ่งให้กับทีมได้อยู่

สรุป

ดูเผินๆ แล้ว กลุ่มนี้คงต้องยกให้เนเธอร์แลนด์ เป็นทีมแรกที่จะได้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้ เพราะดูเหนือกว่าคู่แข่งทุกทีม เว้นเสียแต่จะไปออกทะเล หรือตื่นเต้นเพราะไม่ได้เล่นในรอบสุดท้ายมาหลายรายการเท่านั้น แต่เชื่อว่าเหตุผลอย่างหลังนั้นน่าจะเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้พวกเขาอยากทำผลงานเข้ารอบลึกๆ ให้ได้มากกว่า

ส่วนยูเครน กับ ออสเตรีย ต้องบอกว่าดูสูสีมากๆ อยู่ที่ผลงานในการเจอกันเอง ถ้าหากเสมอแบ่งแต้ม แล้วไปเก็บชัยชนะกับนอร์ธ มาซิโดเนีย ได้ทั้งคู่ ก็มีโอกาสกอดคอกันเข้ารอบในฐานะอันดับ 2-3 ได้เช่นกัน

ขณะที่นอร์ธ มาซิโดเนีย แม้ว่าจะเป็นน้องใหม่ แต่เชื่อว่าไม่มีใครประมาทพวกเขาแน่นอน อย่างไรก็ตามก็พูดยากจริงๆ ว่าพวกเขาจะเอาตัวรอดจากกลุ่มนี้ไปได้อย่างไร

โปรแกรมการแข่งขัน
วันที่ 13 มิถุนายน ออสเตรีย พบ นอร์ธ มาซิโดเนีย เวลา 23.00 น.
วันที่ 13 มิถุนายน เนเธอร์แลนด์ พบ ยูเครน เวลา 02.00 น. (เช้ามืดวันที่ 14 มิถุนายน)
วันที่ 17 มิถุนายน ยูเครน พบ นอร์ธ มาซิโดเนีย เวลา 20.00 น.
วันที่ 17 มิถุนายน เนเธอร์แลนด์ พบ ออสเตรีย เวลา 02.00 น. (เช้ามืดวันที่ 18 มิถุนายน)
วันที่ 21 มิถุนายน ยูเครน พบ ออสเตรีย เวลา 23.00 น.
วันที่ 21 มิถุนายน นอร์ธ มาซิโดเนีย พบ เนเธอร์แลนด์ เวลา 23.00 น.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image