| ที่มา | นสพ.มติชน รายวัน |
|---|---|
| ผู้เขียน | ศรีสกุล ลีลาพีระพันธ์ |
| เผยแพร่ |
เมืองเซอร์โร กอร์โด เมืองร้างที่เกิดขึ้นมาในยุคศตวรรษที่ 19 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ถูกขายออกไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นเงิน 1.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 46.65 ล้านบาท จากราคาที่ตั้งไว้ที่ 925,000 ดอลลาร์สหรัฐ
เจค ราสมูสัน นายหน้าค้าที่ดิน บอกว่า เมืองร้างกำลังเป็นที่นิยมกันอยู่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีผู้สนใจขนาดนี้ โดยมีผู้เสนอราคาเข้ามากว่าสิบราย แต่ผู้ที่ประมูลซื้อไปได้ คือ นายอันเดอร์วูด ที่ให้ราคางาม แถมยังมีแผนที่เป็นประโยชน์ต่อการอนุรักษ์เมืองนี้
เซอร์โร กอร์โด มีความหมายว่า “เทือกเขาอ้วน” ปัจจุบันหลงเหลือสิ่งปลูกสร้างอยู่ 22 แห่ง ซึ่งรวมทั้งโรงแรมร้าง โบสถ์ร้างและบ้านพักคนงานร้าง และเหมืองที่ถูกปล่อยทิ้งร้าง
เมืองนี้ตกเป็นของครอบครัวหนึ่งมานานหลายสิบปี และตอนนี้ครอบครัวนี้ก็คิดว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องขายเมืองนี้
แต่เดิม เมืองเซอร์โร กอร์โด เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นเมืองแห่งเหมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง หลังจากมีการค้นพบธาตุเงิน เมื่อปี ค.ศ.1865 และทำให้เมืองนี้กลายเป็นแหล่งผลิตเงินและตะกั่วที่ใหญ่ที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย
และในยุคที่รุ่งเรือง เมืองนี้มีการฆาตกรรมเฉลี่ยสัปดาห์ละครั้ง เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนของจริง
แต่หลังจากที่ราคาของตะกั่วและเงินตกลง ก็ถึงยุคถดถอย บรรดาผู้ผลิตเงินทั้งหลายก็เริ่มปิดตัวไปตามๆกัน และทิ้งเหมืองปล่อยร้างไว้เช่นนั้น จนกลายเป็นมาเมืองร้างในที่สุด
ส่วนอนาคตของเซอร์โร กอร์โด นั้น อันเดอร์วูดบอกว่า “ประวัติศาสตร์ของเมืองนี้” เป็นสิ่งที่เขาให้ความสนใจ
อันเดอร์วูด ตอบบอกกับซีเอ็นเอ็นว่า “มันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นง่ายๆที่จะได้เป็นเจ้าของสิ่งที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อเมริกัน เมืองนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และมีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของผู้คนจำนวนมาก”
อันเดอร์วูด บอกว่า เขาและจอน เบียร์ คู่หูทางธุรกิจมีแผนที่จะซ่อมแซมอาคารที่เหลืออยู่ในเมืองแห่งนี้ ให้เป็นสถานที่สำหรับผู้คนได้ใช้สอยร่วมกัน และจะนำไวไฟ อินเตอร์เน็ต มาให้บริการที่เมืองนี้ด้วย
แต่กระนั้น อันเดอร์วูดก็ยังคงอยากจะคงไว้ซึ่งธรรมชาติของประวัติศาสตร์และข้าวของต่างๆให้คงอยู่ ขณะเดียวกันผู้คนก็จะสามารถเข้ามาหาความบันเทิง ณ ที่แห่งนี้ได้ด้วย ทั้งการจัดสถานที่สำหรับการประชุม เวิร์คช้อป การถ่ายภาพยนตร์ หรือแม้แต่การเปิดให้ผู้คนทั่วไปได้เข้าชม
“เซอร์โร กอร์โด” ก็จะไม่ใช่เมืองร้างอีกต่อไป
