ที่มา | นสพ.มติชน รายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ศรีสกุล ลีลาพีระพันธ์ |
เผยแพร่ |
ทะเลสาบบาลาตอน ทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปกลาง แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติยอดนิยมแห่งหนึ่งในประเทศฮังการี ที่มีน้ำทะเลสีคราม หาดทรายสีขาว ภูเขาสีเขียวรีสอร์ตสวยๆ และไวน์ขึ้นชื่อ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักท่องเที่ยวอยากจะไปเที่ยวที่ทะเลสาบแห่งนี้
หากตอนนี้ทะเลสาบบาลาตอนกำลังเจอกับปัญหาใหญ่ เรื่องการขาดแคลน “แรงงาน” อันเนื่องมาจากค่าจ้างที่ต่ำ และนโยบายต่อต้านผู้ลี้ภัยของรัฐบาลฮังการี ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของทะเลสาบบาลาตอนแห่งนี้
กลายเป็นปัญหาน่าปวดหัวสำหรับบรรดาเจ้าของร้านอาหารและโรงแรมที่ทะเลสาบบาลาตอน ที่กำลังเจอกับปัญหาไม่มีคนทำงาน แต่มีลูกค้าจำนวนมาก
นายบาลาซส์ บันลากี เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ทะเลสาบบาลาตอนบอกว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ที่จะหาคนทำสวน พนักงานเสิร์ฟ หรือพ่อครัว จากปกติที่ต้องการพนักงานในร้านอย่างน้อย 10 คนเพื่อช่วยงานในร้านอาหารของเขาที่เปิดเฉพาะในช่วงฤดูร้อน แต่ตอนนี้ บันลากี ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
“ก่อนที่จะเริ่มฤดูกาลท่องเที่ยว เราต้องทาสีร้านใหม่ แต่แม้แต่งานทาสี ผมก็ต้องทำเองแล้ว” บันลากีพร่ำบ่น และบอกต่อว่า เมื่อปีก่อน ในร้านอาหารของเขาเสิร์ฟได้แต่เครื่องดื่มเท่านั้น เพราะไม่สามารถหาพ่อครัวได้
กระทั่งปีนี้ เขายอมเพิ่มเงินเดือนให้ จึงมีผู้เข้ามาสมัครทำงานมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนเหล่านี้จะอยู่ทำงานกับเขาตลอดไป เพราะเวลาผ่านไป คนงานก็อาจจะลาออกอีกในเวลาอันรวดเร็ว
ทั้งนี้ เงินเดือนเฉลี่ยของฮังการี อยู่ที่ไม่ถึง 530 ยูโรต่อเดือน หรือราวๆ 20,000 บาท แต่ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา กลับมีประชาชนราวครึ่งล้านคนที่ออกนอกประเทศไปทำงานที่ประเทศทางฝั่งตะวันตกของยุโรป จนทำให้ฮังการีขาดแคลนแรงงานในการทำงาน
และแน่นอนว่า ปัญหาเรื่องการขาดแคลนแรงงาน ไม่ได้เกิดเฉพาะที่ทะเลสาบบาลาตอนเท่านั้น เพราะปัญหาได้กระจายไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆของฮังการีไปทั่วแล้ว จนรัฐบาลเองต้องหาทางแก้ อย่างเช่น การพยายามผลักดันให้พวกนักโทษกลับไปทำงาน โดยแลกกับผลประโยชน์ที่จะได้รับกลับคืนไป เป็นต้น
หรือการยอมให้คนจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างยูเครนและเซอร์เบีย เข้าไปทำงานในฮังการีได้ 90 วัน โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตการทำงาน
กระนั้นก็ตาม ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานของฮังการีได้อยู่ดี