คอลัมน์ People In Focus : แลดจ์ ลี จากการจลาจลสู่พรมแดงเมืองคานส์

เหตุจลาจลเมื่อปี 2005 แพร่กระจายไปทั่วประเทศฝรั่งเศสเริ่มต้นจากชุมชุน “คลิชี ชูส์ บอย” ชานกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ชุมชนที่อาศัยของกลุ่มผู้อพยพจากทวีปแอฟริกา และเป็นชุมชนบ้านเกิดและเติบโตของ “แลดจ์ ลี”

ลี เติบโตขึ้นผู้กำกับที่ถ่ายทอดเรื่องราวของเยาวชนกลุ่มหนึ่งที่เป็นศูนย์กลางของการจลาจลครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ผ่านจอภาพยนตร์และได้มีชื่อเข้าชิงรางวัลเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในเวลานี้

“เลอ มิเซอราบส์” ภาพยนต์ขนาดยาวที่ดัดแปลงจากภาพยนต์สั้นของลี เล่าเรื่องราวเหตุการณ์การวัยรุน 2 คนที่เสียชีวิตจากการหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจในย่านชุมชนดังกล่าว เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2005 เหตุการร์ที่จุดกระแสความไม่พอใจของกลุ่มผู้อพยพในฝรั่งเศส กลายเป็นเหตุจลาจลไปในหลายเมืองทั่วประเทศ

บอกเล่าเรื่องราวผ่านเหตุการณ์จริงที่ลี บันทึกเอาไว้ด้วยตัวเอง และเคยทำเป็นภาพยนตร์สารคดีขนาดสั้นเมื่อ 2 ปีก่อน ก่อนที่จะกลายเป็น “เลอ มิเซอราบส์” ที่เคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลซีซาร์อวอร์ด ที่เปรียบได้กับรางวัลออสการ์ ของวงการภาพยนตร์ฝรั่งเศสเมื่อปีก่อนด้วย

Advertisement

ลี ผู้เกิดจากครอบครัวผู้อพยพชาวมาลี นอกจากจะสร้างชื่อเสียงผ่านผลงานภาพยนตร์แล้ว ยังส่งต่อความรู้ด้านภาพยนตร์ให้กับคนในชุมชนเพื่อเป็นโอกาสสู่ความสำเร็จและได้เล่าเรื่องราวของกลุ่มคนที่เรียกได้ว่าเป็นพลเมืองชั้นสองของสังคม

ลี เปิดโรงเรียนสอนด้านภาพยนตร์ใน “คลิชี ชูส์ บอย” ชุมชนที่มีประชากร 5,400 คน ในจำนวนนี้ 40 เปอร์เซ็นต์ไม่มีงานทำ โดยโรงเรียนสอนภาพยนตร์ดังกล่าวเป็นโปรเจ็กต์ที่ลี ทำร่วมกับ กลุ่มศิลปะคูร์ทราจาม ที่รวมรวมผลงานของศิลปินท้องถิ่นอย่าง “เจอาร์” ที่มีผลงานกราฟฟิตี้โด่งดังไปสู่ระดับโลก

โรงเรียนของลี เปิดให้บริการฟรี เปิดสอนเกี่ยวกับ “การเขียนบทภาพยนตร์” “การกำกับ” และ “เทคนิคโพสต์โปรดักชั่น” 3 คอร์สที่มีผู้สนใจจำนวนมากถึง 1,500 คน ต่อคอร์ส ที่เปิดรับเพียงคอร์สละ 30 คนเท่านั้น และในบรรดาผู้เข้าเรียน 9 ใน 10 คนนั้นเป็นกลุ่มคนที่มาจากย่านชานเมืองของกรุงปารีสทั้งสิ้น

Advertisement

ลี ระบุว่า การเปิดโรงเรียนสอนด้านภาพยนตร์ดังกล่าวเป็น ไอเดียเพื่อแสดงให้เห็นว่า “มันเป็นไปได้ที่จะสร้างภาพยนตร์โดยที่ไม่ต้องมีเงินถุงเงินถัง” และเป็นโอกาสที่จะแชร์ประสบการณ์และคอนเนคชั่นด้านภาพยนตร์กับคนที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้

เรื่องราวของ ลี จากเด็กครอบครัวผู้อพยพชนชุมชนแออัด ก้าวขึ้นสู่การเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ในเทศกาลหนังระดับโลกคู่กับผู้กำกับชื่อดัง

แสดงให้เห็นชัดเจนว่าโลกของภาพยนตร์นั้นเปิดออกสำหรับทุกๆคนไม่ว่าจะยากดีมีจนหรือจะอยู่ในชนชั้นไหนของสังคมก็ตาม

และไม่เพียงแต่ก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จเท่านั้น แต่การส่งต่อความรู้และเปิดโอกาสให้กับคนรุ่นต่อไปก็เป็นสิ่งที่น่ายกย่องไม่แพ้กัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image