คอลัมน์ People In Focus: เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีที่ต้องสู้เพื่ออนาคต

คอลัมน์ People In Focus: เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีที่ต้องสู้เพื่ออนาคต

เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดของอิสราเอล บริหารประเทศด้วยแนวคิดทางการเมืองปีกซ้าย บวกกับความเชี่ยวชาญทางการเมืองทำให้มักนำห่างคู่แข่งทางการเมืองอยู่เสมอ แต่เวลานี้ นักการเมืองวัย 69 ปีจำเป็นต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อตั้งรัฐบาลและอยู่ในตำแหน่งต่ออีกสมัย

หลังผ่านพ้นการเลือกตั้งครั้งที่ 2 ในรอบ 5 เดือน รวมไปถึงต้องเผชิญกับคดีทุจริตที่เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เนทันยาฮู จากพรรคลิคุด ได้รับเลือกจากประธานาธิบดีอิสราเอล ให้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล โดยมีกรอบเวลา 28 วัน นับตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา

หากทำไม่สำเร็จ เบนนี่ แกนต์ซ อดีตผู้บัญชาการทหาร จากพรรคบลูแอนด์ไวท์ พรรคซึ่งรวมคะแนนกับพันธมิตรมีคะแนนไล่จี้พรรคลิคุดในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมาจะเป็นผู้ได้รับโอกาสตั้งรัฐบาลแทน

เนทันยาฮูประสบกับความล้มเหลวมากที่สุดในชีวิตการทำงานการเมืองหลังจากเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายน เมื่อไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ต้องประกาศเลือกตั้งใหม่ แม้ว่าพรรคลิคุดและพันธมิตร จะมีคะแนนนำมาเป็นอันดับที่ 1

Advertisement

ในเวลาเดียวนั้นเองนายกรัฐมนตรีอิสราเอลก็ต้องเจออุปสรรคตามมาหลังอัยการสูงสุด ประกาศจะตั้งข้อหาในคดีฉ้อโกง รับสินบน และละเมิดความไว้วางใจ โดยการไต่สวนคาดว่าจะมีขึ้นในต้นเดือนตุลาคมนี้
หลายฝ่ายคาดว่าเนทันยาฮู จะใช้เอกสิทธิคุ้มครองจากคดีความทั้งหมดหากสามารถตั้งรัฐบาลได้และดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย

สำหรับนโยบายของเนทันยาฮู ในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งล่าสุด นายกรัฐมนตรีอิสราเอลเลือกใช้นโยบายประชานิยมเพื่อเอาใจฐานเสียงชาตินิยมปีกขวา ไม่ว่าจะเป็นการประกาศจะควบรวมเอาพื้นที่ในเขตเวสต์แบงก์โดยเฉพาะ “หุบเขาจอร์แดน” เข้าเป็นของอิสราเอล การกระทำซึ่งจะทำให้ความหวังในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง อิสราเอล-ปาเลสไตน์ ต้องจบสิ้นลงอย่างเป็นทางการ

นอกจากนี้เนทันยาฮู ยังหาเสียงด้วยการพยายามวางตัวเองเป็นรัฐบุรุษที่เป็นที่ยอมรับของเวทีโลก จากการสร้างสายสัมพันธ์กับผู้นำประเทศมหาอำนาจอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย

Advertisement

นายกรัฐมนตรีอิสราเอลยังนโยบายด้านความมั่นคงที่ชาวอิสราเอลให้ความสำคัญ จนเนทันยาฮู มีฉายาอีกชื่อว่า “มิสเตอร์ซิเคียวริตี้”

เนทันยาฮู เกิดในกรุงเทลอาวีฟ ในปี 1949 ราว 18 เดือนหลังการก่อตั้งประเทศอิสราเอล ปัจจุบันมีลูกชาย 2 คนกับภรรยาคนปัจจุบันอย่าง “ซาร่า” และมีลูกสาวอีก 1 คนกับภรรยาคนก่อน

ลูกชายของอาจารย์ด้านประวัติศาสตร์ มีส่วนหนึ่งของชีวิตในสหรัฐอเมริกา จบการศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ หรือเอ็มไอที ใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างเชี่ยวชาญ

เนทันยาฮู เคยได้รับบาดเจ็บจากการรับใช้ชาติในสงคราม และต้องสูญเสียน้องชายอย่าง โจนาทาน ระหว่างภารกิจหน่วยคอมมานโด บุกช่วยตัวประกันที่สนามบินในประเทศอูกันดา เมื่อปีพ.ศ. 2519 เหตุการณ์ที่ เนทันยาฮูร ะบุว่าเป็นเหตุการณ์สะเทือนอารมณ์ของชาติ และเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบใหญ่หลวงส่วนตัวด้วย
เนทันยาฮูก้าวเข้าสู่งานด้านการเมืองหลังได้รับแต่งตั้งเป็นเอกอัครราชทูตอิสราเอล ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา ก่อนจะได้รับแต่งตั้งเป็นเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ

เนทันยาฮู ได้ชัยชนะในการเลือกตั้งและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ในปีพ.ศ. 2539 กลายเป็นนายกรัฐมนตรีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศด้วยวัย 46 ปี

หลังจากพ่ายแพ้การเลือกตั้งในปี 2542 เนธันยาฮู ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้อีกครั้งในปี 2552 และดำรงตำแหน่งมาจนถึงปัจจุบัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image