คอลัมน์ People In Focus: ซิโอมารา คาสโตร จากสตรีหมายเลข 1 สู่ประธานาธิบดีฮอนดูรัส
“ฮอนดูรัส” ประเทศในภูมิภาคอเมริกากลางที่เวลานี้ประชากรสัดส่วนถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ต่ำกว่าเส้นแบ่งความยากจน
ผู้นำประเทศถูกกล่าวหาว่าปกป้องแก๊งค้ายาและรับสินบน ขณะที่น้องชายประธานาธิบดีถูกตัดสินลงโทษจำคุกตลอดชีวิตในสหรัฐอเมริกาในข้อหาลักลอบขนยาเสพติด
เวลานี้ชาวฮอนดูรัสมีความหวังใหม่อีกครั้งเมื่อ “ซิโอมารา คาสโตร” อดีตสตรีหมายเลข 1 วัย 62 ปี ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศ
ซิโอมารา เป็นภรรยาของ “มานูเอล เซลายา” อดีตประธานาธิบดีฮอสดูรัส ก่อนที่เซลายา ถูกกองทัพทำรัฐประหารในปี 2009
หลังจากนั้น อดีตสตรีหมายเลข 1 ได้ออกมาร่วมเป็นแกนนำการประท้วงต่อต้านการรัฐประหารจนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้น “พรรคชาตินิยมพีเอ็น” พรรคฝ่ายขวาของประเทศ ก็ครองอำนาจต่อเนื่องยาวนานเป็นเวลาถึง 12 ปี
ซิโอมารา เกิดในครอบครัวชนชั้นกลางแต่งงานกับ “เซลายา” ที่ในเวลานั้นเป็นนักธุรกิจค้าไม้และปศุสัตว์ตั้งแต่อายุได้เพียง 16 ปี ก่อนที่สามีจะเข้าสู่วงการการเมืองจนได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีฮอนดูรัส ในปี 2006 ก่อนจะถูกรัฐประหารในปี 2009
ซิโอมารา ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้า “พรรคลิเบร” พรรคปีกซ้ายของประเทศ ลงชิงชัยในตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2013 แต่พ่ายแพ้ให้กับ “ฮวน ออร์ลันโด เออร์นันเดซ” ไปอย่างฉิวเฉียด ส่วนในปี 2017 ที่ เออร์นันเดซ ได้รับเลือกตั้งอีกสมัยนั้น ซิโอมารา ไม่ได้ลงชิงตำแหน่งด้วย
ซิโอมารา มีชื่อเสียงจากการเป็นปากเป็นเสียงให้กับคนยากจน ตั้งแต่ก่อนจะเข้าสู่วงการการเมืองด้วยการช่วยสังคมผ่านมูลนิธิหลายองค์กร
แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาในประเทศสายอนุรักษนิยมที่มีแนวคิดผู้ชายเป็นใหญ่ ซิโอมารา ถูกกล่าวหาว่าเธอมีแนวคิด “คอมมิวนิสต์” และ เป็น “หุ่นเชิด” ของสามี
อย่างไรก็ตามในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ซิโอมารา คว้าคะแนนเสียงไปได้อย่างถล่มทลายด้วยสัดส่วน 51.12 เปอร์เซ็นต์ ทิ้งห่างคู่แห่งจากพรรคชาตินิยมที่ได้ไปเพียง 36.93 เปอร์เซ็นต์
ซิโอมารา มีแนวคิดเสรีนิยมเอียงซ้าย สนับสนุนการทำแท้งถูกกฎหมาย และการแต่งงานของคนเพศเดียวกัน แต่ก็ยืนยันว่าตนไม่ได้มีโมเดลทางเศรษฐกิจแบบเดียวกับคิวบา หรือเวเนซุเอลา
นอกจากนี้ ซิโอมารา ยังประกาศนโยบายต่อสู้กับการทุจริต อาชญากรรม และแก้ไขปัญหายากจนในประเทศ ปัญหาที่ทำให้ชาวฮอนดูรัสต้องอพยพไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อชีวิตที่ดีกว่าเป็นจำนวนมากในแต่ละปี
จากนี้คงต้องรอดูว่า “ซิโอมารา คาสโตร” จะเปลี่ยนความหวังที่ประชาชนฝากเอาไว้ให้เป็นความจริงได้มากน้อยเพียงใด