ที่มา | นสพ.มติชน รายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | ศุภวิชญ์ เจียรรุ่งแสง |
เผยแพร่ |
โฟกัสโลกรอบสัปดาห์: วิเคราะห์สาเหตุ ‘เดโมแครต’ แพ้ยับ ส่งทรัมป์คว้าชัยเลือกตั้งมะกัน
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาปี 2024 จบลงไปแล้วด้วยชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และตัวแทนผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ถือเป็นการทวงคืนความยิ่งใหญ่หลังจากที่ลงจากตำแหน่งผู้นำสหรัฐท่ามกลางเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภา ตามด้วยการถูกฟ้องดำเนินคดีต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามา การรอดชีวิตจากความพยายามลอบสังหารถึง 2 ครั้งจนท้ายที่สุดก็ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้ง ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ถือว่าผิดคาดเพราะโพลหลายสำนักคาดการณ์ไว้ว่าจะออกมาสูสีมาก แต่ความจริงแล้วทรัมป์กลับคว้าชัยแบบม้วนเดียวจบ แบบที่ นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต คู่แข่งของทรัมป์ไม่ได้ขึ้นนำทั้งใน electoral college และ popular vote เลยแม้แต่ครั้งเดียว แถมพรรคเดโมแครตยังสูญเสียเสียงข้างมากในวุฒิสภาและน่าจะไม่สามารถทวงคืนเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรกลับมาจากรีพับลิกันได้อีกด้วย
ในรายงานชิ้นนี้เราจะมาวิเคราะห์สาเหตุว่าทำไมแฮร์ริสและเดโมแครตถึงพ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้อย่างยับเยิน และเดโมแครตจะทำอย่างไรต่อเมื่อทรัมป์จะเป็นผู้นำสหรัฐในอีก 4 ปีข้างหน้า
๐ทรัมป์จับกระแสชาวอเมริกันได้ดีกว่าแฮร์ริส
ทีมหาเสียงของแฮร์ริสทุ่มเงินมหาศาลเพื่อพยายามวาดภาพที่น่ากลัวว่าประชาธิปไตยของสหรัฐจะตกอยู่ในอันตรายหากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง และทรัมป์เป็นพวกฟาสซิสต์ แต่มีประโยคหนึ่งที่ทรัมป์มักถามในการหาเสียงนั้นคือ “ชีวิตของพวกคุณดีขึ้นกว่าเมื่อ 4 ปีที่แล้วหรือไม่” ขณะนี้สหรัฐกำลังเผชิญกับปัญหาค่าครองชีพที่ทำให้ชาวอเมริกันต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อหาเงินประคองชีวิตไปในแต่ละเดือน โพลสำรวจยังระบุอีกว่าชาวอเมริกันยังกังวลถึงการที่ผู้อพยพผิดกฎหมายจำนวนมากแห่เข้าประเทศมากสุดเป็นประวัติการณ์ในสมัยรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งทรัมป์มีจุดเด่นใน 2 เรื่องนี้มากกว่าแฮร์ริส
ชาวอเมริกันโหวตเลือกทรัมป์เพราะคิดว่าเศรษฐกิจของสหรัฐในยุคที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสหรัฐในสมัยแรกดีกว่าตอนที่ไบเดนเป็นประธานาธิบดี แม้ว่าภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐในรัฐบาลไบเดนส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยภายนอกอย่างการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ชาวอเมริกันก็ไม่พอใจกับรัฐบาลชุดปัจจุบันและต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะแก้ปัญหาเงินเฟ้อและขึ้นภาษีสินค้าจากต่างประเทศส่วนใหญ่อย่างน้อย 10% เพื่อให้สหรัฐลดการขาดดุลการค้ารวมถึงจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมากถึง 60% แม้ว่านักเศรษฐศาสตร์จะเตือนว่าการทำเช่นนั้นอาจทำให้ค่าครองชีพของประชาชนในประเทศสูงขึ้นก็ตาม
ส่วนในเรื่องผู้อพยพผิดกฎหมาย โพลสำรวจความคิดเห็นชี้ว่าชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้นมองว่าผู้อพยพที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอย่างผิดกฎหมายควรถูกเนรเทศกลับไปยังประเทศเดิมของตัวเอง และนโยบายสำคัญที่ทรัมป์หาเสียงไว้อย่างการประกาศว่าจะดำเนินโครงการเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกาก็ตรงใจชาวอเมริกันไม่น้อย ถึงแม้ทรัมป์ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าเขาจะดำเนินโครงการนี้อย่างไรและผู้มีสิทธิเลือกตั้งหลายคนจะไม่เชื่อว่าผู้อพยพเข้ามาจับสัตว์เลี้ยงของพวกเขากินอย่างที่ทรัมป์เคยบอก แต่พวกเขามองว่าทรัมป์คือคนที่ใช่ในการทำให้พรมแดนสหรัฐมีความแน่นหนารัดกุมขึ้น มากกว่าแฮร์ริสที่เป็นส่วนหนึ่งในรัฐบาลชุดที่ทำให้ผู้อพยพแห่เข้าสหรัฐมากที่สุด
๐มะกันชนมองแฮร์ริสเหมือนไบเดน แถมนโยบายไม่ชัดเจน
แฮร์ริสให้สัมภาษณ์ในรายการ The View ของสถานีโทรทัศน์เอบีซี เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ในคำถามที่ว่าหากมองย้อนกลับไปมีเรื่องใดบ้างที่เธอจะทำแตกต่างจากประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งแฮร์ริสตอบว่า ไม่มี นายเดวิด แอ็กเซลร็อด อดีตที่ปรึกษาของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ให้ความเห็นว่าคำตอบนี้ของแฮร์ริสเรียกได้ว่าเข้าขั้นหายนะ เพราะแฮร์ริสไม่ทำตัวเองให้ดูแตกต่างจากไบเดนที่มีคะแนนนิยมต่ำกว่า 40% ตลอด 4 ปีและผู้มีสิทธิเลือกตั้งราว 2 ใน 3 เชื่อว่ารัฐบาลไบเดนเดินไปผิดทาง เธอไม่ได้ดึงตัวเองออกห่างจากนโยบายต่างๆ ของไบเดนแต่ก็ไม่ได้กล่าวส่งเสริมนโยบายเหล่านั้นอย่างเปิดเผยในช่วงหาเสียง แม้ว่าแฮร์ริสจะประกาศว่ารัฐบาลของเธอจะไม่เป็นภาคต่อของรัฐบาลไบเดน แต่เธอก็ไม่สามารถโน้มน้าวอเมริกันชนให้เห็นว่าเธอสมควรเป็นผู้นำประเทศ แฮร์ริสไม่ได้ชูนโยบายของตัวเองออกมาอย่างชัดเจนและไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจรวมถึงผู้อพยพอย่างไร ต่างจากทรัมป์ที่มีนโยบายชัดเจนกว่า นายแฟรงค์ ลุนซ์ นักจัดทำโพลสำรวจของรีพับลิกันให้ความเห็นว่า แฮร์ริสแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้เพราะเธอมัวแต่มุ่งโจมตีทรัมป์มากเกินไป ทุกคนรู้จักทรัมป์อยู่แล้วแต่ไม่รู้จักแฮร์ริสว่าเธอมีแผนจะทำอะไรใน 1 เดือนหรือ 1 ปีข้างหน้าหากชนะเลือกตั้ง
คำถามต่อมาคือเดโมแครตจะทำยังไงต่อหลังแพ้การเลือกตั้งในเกือบทุกสนามที่ลงแข่งกับรีพับลิกัน นายโร คันนา สมาชิกสภาล่างของเดโมแครตจากรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวว่าเดโมแครตจะต้องมีผู้นำคนใหม่ ความคิดใหม่ รวมถึงไอเดียและทิศทางใหม่ บางคนในเดโมแครตชี้นิ้วโทษความผิดไปที่ไบเดนที่ถอนตัวจากการลงเลือกตั้งช้าเกินไปจนเดโมแครตไม่สามารถลงคะแนนเสียงเลือกตั้งไพรมารีเพื่อหาตัวแทนคนใหม่และทำให้แฮร์ริสมีเวลาหาเสียงเพียง 100 วัน ขณะที่หลายคนชี้นิ้วโทษความผิดไปที่ทีมหาเสียงของแฮร์ริสที่ใช้เวลาและทรัพยากรไปกับการโน้มน้าวผู้สนับสนุนรีพับลิกันสายกลางที่ยังลังเลแทนที่จะเน้นหาเสียงกับชาวอเมริกันผู้ใช้แรงงานที่เป็นฐานเสียงเดิมของพรรครวมถึงคนงานในสหภาพแรงงานที่ถูกทรัมป์ดึงดูดไปเป็นฐานเสียงจากนโยบายว่าจะปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศด้วยการขึ้นภาษีแก่ประเทศทั้งพันธมิตรและศัตรู
เจฟฟ์ พอลลอค นักจัดทำโพลความคิดเห็นของเดโมแครตกล่าวว่าเดโมแครตจะต้องหันมามองและถามตัวเองว่าจะสร้างความสัมพันธ์กับประชาชนที่อาศัยอยู่นอกเมือง กลุ่มคนชั้นแรงงาน ชาวอเมริกันเชื้อสายละตินและคนหนุ่มสาวขึ้นมาใหม่อย่างไร เพราะมันชัดเจนว่าพวกเขามองว่าเดโมแครตไม่ได้ตอบโจทย์ปัญหาที่พวกเขาเจอในชีวิตประจำวัน
ทั้งหมดนี้คงพอทำให้เห็นแล้วว่าชัยชนะของทรัมป์ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หลังจากนี้เราต้องจับตาดูว่าสหรัฐอเมริกาจะเป็นอย่างไรในอีก 4 ปีข้างหน้าเมื่อทรัมป์กลับมานั่งทำงานอยู่ในทำเนียบขาวอีกครั้ง!