“บัวแก้ว” มอบรางวัล ตราสัญลักษณ์เฉลิมฉลอง 70 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-พม่า

ปี 2561 ถือว่าเป็นปีสำคัญในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า เพราะถือเป็นปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันยืนยาวมาจนครบ 70 ปีแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม 2491 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลาที่ยาวนานพอที่จะทำให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกันมีความหมายและความสำคัญมากเพียงใด พม่าไม่เพียงแต่เป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีพรมแดนใกล้ชิดติดกับไทย และเป็นพรมแดนที่ยาวที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านของไทยประเทศอื่นๆ ปัจจุบันไทยและพม่ายังมีมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกันสูงถึงหลายแสนล้านบาทต่อปี

ตราสัญลักษณ์ที่ชนะการประกวด

ขณะที่ชาวพม่าหลายล้านคนก็เข้ามาทำงานในไทยและถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ปัจจุบันแรงงานพม่าในไทยมีอยู่เกือบ 1.4 ล้านคน นับเป็นแรงงานต่างด้าวกลุ่มใหญ่ที่สุดในไทยหรือคิดเป็นร้อยละ 64 ของแรงงานต่างด้าวทั้งหมด

ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-พม่าเติบโตงอกงามขึ้นตามลำดับ จากความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐและกองทัพของทั้งสองประเทศ งอกงามสู่การมีปฏิสัมพันธ์ในภาคประชาชน ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในพม่าก็ได้มุ่งเน้นการให้ความช่วยเหลือพม่าในทุกมิติ เพื่อให้พม่ามีความพร้อมที่จะเปิดรับการค้าการลงทุน ไปจนถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ท่านทูตจักร บุญ-หลง เอกอัครราชทูตไทยประจำพม่า กล่าวว่า ปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างไทย-พม่าอยู่ในขั้นที่ดีมาก ไทยให้การช่วยเหลือพม่าอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องการศึกษา การฝึกอบรมด้านต่างๆ ไปจนถึงเรื่องเศรษฐกิจ โดยในโอกาสเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-พม่าครบ 70 ปีในปีนี้ ก็จะมีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองตลอดทั้งปี ทั้งในด้านวัฒนธรรม วิชาการ ไปจนถึงกีฬาด้วยง

Advertisement
จักร บุญ-หลง

เพื่อต้อนรับโอกาสสำคัญดังกล่าว กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ จึงได้จัดประกวดตราสัญลักษณ์เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับพม่าขึ้น เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ไทย-พม่าในหมู่สาธารณชน และนำตราสัญลักษณ์ดังกล่าวไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตลอดทั้งปีนี้

โดยผู้ชนะการประกวดคือนายสุรัตนชัย ชื่นตา อาจารย์สาขากราฟฟิคดีไซน์ จากมหาวิทยาลัยศรีปทุม ตราสัญลักษณ์ที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการเป็น “ช้างไทย” สวมผ้าโพกศีรษะ หรือคองบองแบบพม่า ที่ถูกออกแบบให้ผสานสัมพันธ์กันเป็นตัวเลข 70 อย่างกลมกลืน เพื่อแสดงความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างไทยกับพม่าที่มีมาอย่างยาวนานถึง 70 ปี นอกจากเงินรางวัลสำหรับผู้ชนะ 15,000 บาทแล้ว สายการบินไทยสมายล์แอร์เวย์ยังได้มอบรางวัลตั๋วเครื่องบินไปกลับไทย-พม่า 2 ที่นั่งให้กับอาจารย์สุรัตนชัย ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นผู้คว้ารางวัลชนะเลิศในการประกวดคราวนี้ แต่ผลงานของอาจารย์สุรัตนชัยที่ส่งเข้าประกวดอีกชิ้นหนึ่งยังได้รับรางวัลชมเชยด้วยเช่นกัน
ตราสัญลักษณ์ที่ได้รับการคัดเลือกนี้จะถูกนำไปใช้ในกิจกรรมต่างๆ ที่จะจัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสสำคัญนี้ตลอดทั้งปี โดยกิจกรรมที่สำคัญประกอบด้วย การจัดงานสัมมนาวิชาการ การจัดเทศกาลสงกรานต์และการแสดงของคณะนาฏศิลป์พม่าในไทยโดยสถานเอกอัครราชทูตพม่าประจำประเทศไทย การจัดแสดงโขนและหุ่นร่วมไทย-พม่า เทศกาลภาพยนตร์และโทรทัศน์ไทยในพม่า การสร้างเจดีย์จำลองในพม่า การคัดลอกจิตรกรรมฝาผนังวัดมหาเตงดอจี การจัดนิทรรศการแสดงภาพเขียนศิลปินแห่งชาติของทั้งสองประเทศ และการจัดตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่มหาวิทยาลัยเกษตรเยซินของพม่า

นายดำรง ใคร่ครวญ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวขณะร่วมพิธีมอบรางวัลให้กับผู้ชนะเลิศการประกวดตราสัญลักษณ์เฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับพม่าว่า ตลอด 70 ปีที่ผ่านมา สายสัมพันธ์ไทย-พม่ามีพัฒนาการก้าวหน้าในทุกมิติ การมอบรางวัลในวันนี้เป็นการย้ำเตือนว่า ความสัมพันธ์ไทยและพม่าหยั่งรากลึกซึ้ง เกี่ยวร้อยกันด้วยวัฒนธรรมและประเพณีมาหลายร้อยปี ตลอดจนความร่วมมือด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจก็เกี่ยวโยงกันอย่างแยกไม่ขาด เนื่องจากเป็นไทยและพม่าเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความใกล้ชิด และเป็น “หุ้นส่วนยุทธศาสตร์โดยธรรมชาติ” อย่างแท้จริง

Advertisement

ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับพม่าได้เดินเข้าสู่บทใหม่ในประวัติศาสตร์เมื่อมีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการระหว่างกันเมื่อปี พ.ศ. 2491 หรือ 70 ปีที่แล้ว ตลอดช่วงการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ของสองประเทศผ่านพบความท้าทายอยู่หลายช่วง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของประเทศที่มีชายแดนติดกันยาวที่สุดในบรรดาประเทศเพื่อนบ้านถึง 2,401 กิโลเมตร ทำให้ผลประโยชน์และความท้าทายในทุกมิติไม่สามารถแยกออกจากกันได้

สิ่งที่สำคัญคือทั้งสองประเทศร่วมมือร่วมใจที่พัฒนาความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิด ราบรื่น สร้างเสริมความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และพัฒนารุดหน้ามาจนถึงวันที่ความร่วมมือเพิ่มพูนขึ้นในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ความเชื่อมโยง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังเห็นได้จากนโยบายของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านที่ยึดมั่นในหลักการที่แน่วแน่ว่า ประเทศไทยจะเติบโตและแข็งแกร่งไปด้วยกันไปกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างยั่งยืน (growing together) และไม่ทิ้งผู้ใดไว้ข้างหล้ง (leave no one behind) เพื่อการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนของอนุภูมิภาคอย่างแท้จริง

ในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมเอเชียตะวันออกเมื่อ 5 ปีก่อนที่ไทยและพม่าเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ครบ 65 ปี รองปลัดฯดำรงมองย้อนไปว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการเฉลิมฉลองเมื่อ 5 ปีก่อนแล้ว วันนี้คนไทยและพม่ามีปฏิสัมพันธ์อย่างกว้างขวางอย่างทวีคูณ คนทั้งสองชาติตระหนักดีว่าต่างต้องอยู่ร่วมกันด้วยผลประโยชน์ที่ต้องเกื้อกูลกันในทุกด้าน และชายแดนของทั้งสองประเทศต้องมีความสงบและมั่นคง จึงทำให้ทั้งสองประเทศรุดหน้าพัฒนาพื้นที่ชายแดนไปด้วยกันอย่างรวดเร็ว โดยมุ่งเน้นการพัฒนาและเติมเต็มเส้นทางคมนาคม รวมถึงอำนวยความสะดวกและลดอุปสรรคต่อการเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการยกเว้นการตรวจลงตราให้กับประชาชนที่สัญจรทางอากาศหรือการสรรหาพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเปิดจุดผ่านแดนเพิ่มเติม ทั้งนี้เพื่อให้ทั้งสองประเทศเชื่อมโยงระหว่างกันและไปยังทั่วภูมิภาคอย่างไร้รอยต่อ

ปัจจุบันการดำเนินการเหล่านั้นได้ส่งผลให้การสัญจรไปมาหาสู่กันทั้งทางบกและอากาศของประชาชนทั้งสองประเทศและนักท่องเที่ยว มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ การค้าและการลงทุนได้รับประโยชน์และมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จนขณะนี้มีมูลค่าคิดเป็นกว่า 230,443 ล้านบาท พม่าถือเป็นคู่ค้าอันดับ 6 ของไทยในอาเซียน ขณะที่ในแง่การลงทุน ภาคเอกชนไทยได้เข้าไปมีส่วนร่วมลงทุนในพม่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในสาขาพลังงาน การผลิต ประมง และปศุสัตว์

ปัจจุบัน ไทยและพม่ายังร่วมมือเสริมสร้างศักยภาพของทั้งสองประเทศไปด้วยกัน โดยมีการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่สองที่ จ. ตาก ซึ่งคาดว่าแล้วเสร็จในปี 2561 สะพานดังกล่าวจะช่วยลดความแออัดของการสัญจรของประชาชนและสินค้าที่ด่านแม่สอดที่มีสัดส่วนการค้าชายแดนสูงถึงร้อยละ 43 ของมูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทยกับพม่าทั้งหมด รวมถึงอยู่ระหว่างการพัฒนาเส้นทางรถยนต์สามฝ่ายเชื่อมอินเดีย-พม่า-ไทย ระยะทาง 1,360 กิโลเมตร ซึ่งใกล้จะแล้วเสร็จและรอเปิดบริการให้กับประชาชนเร็วๆ นี้ โดยเส้นทางดังกล่าวจะเชื่อมจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ผ่านมาตอนกลางของพม่าและเชื่อมสู่อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งไทยได้ช่วยพัฒนาเครือข่ายเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจ(Economic Corridor)ทั้งหลาย โดยเฉพาะเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจที่เชื่อมภาคตะวันออกไปภาคตะวันตก(East West Economic Corridor) และเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้(Southern Economic Corridor) เพื่อให้ใช้ประโยชน์การเชื่อมโยงซีกโลกตะวันตกและตะวันออกได้อย่างเต็มที่ โดยมีไทย พม่า และประเทศอาเซียนอื่นๆ ในภาคพื้นทวีปเป็นศูนย์กลาง

การเปิดตัวตราสัญลักษณ์ครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์ไทย-พม่า จึงเป็นโอกาสดีที่จะสร้างความตระหนักรู้ให้เป็นที่ประจักษ์กับสาธารณชนในวงกว้างถึงความสัมพันธ์ที่ร้อยใจไทยกับพม่าตลอดมา และเป็นโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันดำเนินกิจกรรมที่จะกระชับความสัมพันธ์ในทุกระดับให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image