คอลัมน์ แกะรอยต่างแดน : เรือนจำเอกชนที่กัมพูชา อัพเกรดได้ ถ้ามีเงิน

ขึ้นชื่อว่า “เรือนจำ” หรือ “คุก” เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากจะไปอยู่กันหรอก แต่ถ้าจำเป็นต้องถูกจับเข้าไปอยู่แล้ว เชื่อเลยว่าหลายคนก็คงภาวนาขอให้ได้คุกที่ดีๆ เหมาะสมกับฐานะ (อะไรก็แล้วแต่) แต่ใครจะไปเลือกได้ คุกก็คือคุก

แต่สำหรับที่ประเทศกัมพูชา “คุณเลือกได้”

อันเนื่องมาจากความแออัดของเรือนจำในกัมพูชา ทำให้ตอนนี้ทางการกัมพูชาอนุญาตให้เอกชนเข้าไปเปิดบริการเรือนจำและบริหารได้เองแล้ว ในกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา ตามข้อเสนอของนายซอร์ เค็ง รัฐมนตรีมหาดไทยของกัมพูชา

นายเค็งบอกว่า ตอนนี้มีบริษัทที่สนใจเข้ามาติดต่อแล้ว และได้รับการอนุมัติจากสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้วด้วย

โดยในหลักการเบื้องต้น นักโทษหรือครอบครัวของนักโทษที่มีเงินมากพอ สามารถที่จะขอ “อัพเกรด” เข้าไปอยู่ในคุกเอกชนแห่งนี้ได้เอง ซึ่งแม้ว่าตอนแรกนายเค็งจะบอกว่า มันไม่เหมือนกับโรงแรม แต่ตอนหลังกลับออกมาบอกว่า “จะเรียกว่าเป็นโรงแรม หรือเป็นศูนย์กักขังก็ได้”

ซึ่งจะเรียกว่าเป็นการจ่ายเงินเพื่อเช่าที่พัก และเงินเหล่านี้ส่วนหนึ่งก็จะเข้ากระเป๋าของรัฐด้วย

โดยนายเค็งบอกว่า แนวคิดนี้ได้มาจากเรือนจำสมัยใหม่ที่ได้ไปพบเห็นที่กรุงแคนเบอร์รา ประเทศออสเตรเลีย ที่ผู้คุมคอยจับตาดูนักโทษที่กำลังปิ้งย่างบาร์บีคิวกันอยู่ ขณะที่คู่สามี-ภรรยา ก็ได้รับอนุญาตให้พบปะกันในห้องส่วนตัวยาวนานเป็นชั่วโมง

ซึ่งการให้เอกชนทำนั้น นายเค็งบอกว่า ทำให้ไม่ต้องใช้งบประมาณของรัฐในการสร้างศูนย์กักขังขึ้นมาเอง

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เป็นที่แน่ชัดแล้ว เรือนจำเอกชนนี้จะตั้งอยู่ในกรุงพนมเปญ แต่ยังไม่ได้มีการเลือกสถานที่กัน ในขณะที่เรือนจำเปรย์ซอร์นั้น ก็เหลือพื้นที่เพียงน้อยนิดสำหรับการสร้างอาคารหลังใหม่ และตอนนี้ก็มีที่ที่ดูเอาไว้ 3 แห่งด้วยกัน

แม้ว่าหลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องดี ที่ทำให้ “นักโทษ” มีทางเลือก หากแต่เรื่องนี้ บรรดากลุ่มสิทธิมนุษยชนต่างออกมาคัดค้านหัวชนฝา โดยนายบิลลี ไต อดีตที่ปรึกษาของคณะกรรมาธิการปฏิบัติการด้านสิทธิมนุษยชนกัมพูชาบอกว่า การเปิดทางให้นักโทษที่มีเงินสามารถอัพเกรดไปอยู่ในเรือนจำที่ดีขึ้นนั้น เป็นเรื่อง “ไร้สาระ” เพราะเมื่อสร้างเรือนจำ “เฟิร์สต์คลาส” นักโทษที่เหลือก็จะกลายเป็นนักโทษชั้นต่ำ และเป็นการแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลกัมพูชาไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับประเด็นเรื่องของสภาพต่างๆ ในเรือนจำเลย

อย่างไรก็ตาม ทางการกัมพูชายืนยันว่า เรื่องนี้ยังเป็นเพียงแค่ข้อเสนอเท่านั้น และยังต้องมีการศึกษาเพื่อประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อไป

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่