หลังจากเคยออกมาเปิดใจพูดถึงปัญหาทางสุขภาพจิต และยอมรับว่า เธอเองก็เป็นคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคทางจิตเวช โดยป่วยเป็นโรค Post-Traumatic Stress Disorder หรือ “โรคพีทีเอสดี” โรคเครียดที่เกิดขึ้นหลังจากเธอเคยถูกข่มขืนตอนอายุ 19 ปี ซึ่งกลายเป็นเรื่องเลวร้ายฝังใจ
ล่าสุดเลดี้ กาก้า นักร้องดังวัย 32 ก็ถือโอกาสพูดถึงปัญหาทางสุขภาพจิตอีกครั้ง ระหว่างขึ้นรับรางวัล Global Changemakers Award ในงาน Children Mending Hearts Empathy Rocks ครั้งที่ 10 ที่นครลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่เธอและนางซินเธีย แม่ของเธอได้รับรางวัลนี้ ในฐานะผู้ก่อตั้งมูลนิธิบอร์น ดิส เวย์ ฟาวน์เดชั่น ที่มอบโอกาส และให้พื้นที่แก่เยาวชนที่จะสะท้อนถึงปัญหา และความรู้สึกของพวกเขา
ข่าวการฆ่าตัวตายของ เคท สเปด ดีไซเนอร์ชื่อดังชาวอเมริกัน ที่แขวนคอตายในวัย 55 ปี และแอนโธนี เบอร์เดน เชฟและพิธีกรดังของซีเอ็นเอ็น ที่ฆ่าตัวตาย ระหว่างถ่ายทำรายการที่ฝรั่งเศส ในวัย 61 ปี เมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้กาก้าอยากพูดถึงเรื่องนี้ ในฐานะคนป่วยคนหนึ่งที่อยากมาแชร์ความรู้สึก และแบ่งปันความคิด ที่เธอเชื่อว่า “ความเอื้ออาทร” ความเห็นอกเห็นใจ สามารถจะช่วยผู้ป่วย หรือผู้กำลังต่อสู้กับความรู้สึกซึมเศร้า หดหู่ให้ผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปได้ เพราะความเห็นอก เห็นใจ จะช่วยให้ผู้ป่วยหรือผู้คนเหล่านั้นกล้าบอกเล่าสิ่งที่เขากำลังวิตกกังวล หรือสิ่งที่กำลังเป็นปัญหาของเขาออกมา
“ฉันต่อสู้กับความเจ็บป่วยทางจิตใจของฉันมานานมาก ทั้งแบบเปิดเผยให้คนภายนอกได้รู้ และแบบไม่มีใครรู้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ฉันก็เชื่อจริงๆ ว่าการเก็บเรื่องเหล่านี้เป็นความลับยิ่งจะทำให้คุณป่วย”
เลดี้กาก้าเล่าว่า ที่เธอและแม่ตัดสินใจตั้งมูลนิธิบอร์น ดิส เวย์ ขึ้นมาก็เพราะ “เราต้องการเปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้มาพบเจอ พูดคุยกันอย่างเปิดใจ และมีความเอื้ออาทรต่อกัน ความเมตตา มีน้ำใจ ไม่ใช่เป็นเพียงคติหลักในการทำงานของเรา แต่ยังเป็นพลังที่ขับเคลื่อนทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ เป็นเลนส์ที่เราใช้มองเรื่องท้าทายทุกอย่างที่เราเผชิญ และช่วยให้เรามองเห็นทางแก้ปัญหาที่สามารถเป็นไปได้ สำหรับตัวฉันเอง ฉันคิดว่าปัญหาเกือบทุกอย่าง คุณสามารถคิดหาทางออกได้ หากใช้ความเห็นอก เห็นใจเป็นตัวนำทาง หรืออย่างน้อยมันก็สามารถช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น ความเมตตา เห็นอก เห็นใจ มีพลังอันอ่อนโยน แต่บางครั้งคนเรากลับมองว่าเป็นความอ่อนแอ ทั้งที่จริงแล้วมันคือพลังอันแข็งแกร่ง ที่สามารถเปลี่ยนมุมมองที่เรามองกันและกัน ที่เรามองสังคมของเรา และการกระทำของเรา หรือแม้แต่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกที่เรามีต่อตัวของเราเอง จงมีเมตตาต่อตัวเราเอง และเราจำเป็นต้องมีความเมตตาให้มากขึ้นในโลกใบนี้”
ในงานนี้ ระหว่างขึ้นกล่าวบนเวทีกาก้า ยังได้อ่านข้อความ ที่เพื่อนสนิทคนหนึ่งของเธอได้ออกมาเปิดใจเล่าถึงความทุกข์ทรมานใจ และเคยมีความคิดที่จะฆ่าตัวตายว่า “ผมไม่อาจจะทนนิ่งเงียบต่อไปได้อีกแล้ว การตายของ เคท สเปด และ แอนโธนี เบอร์เดน ทำให้ผมอยากออกมาพูดถึงความเจ็บป่วยทางจิตของผม”
กาก้าเล่าว่า หลังจากเพื่อนของเธอได้ออกมาพูดถึงปัญหาทางจิตใจของเขาแล้ว ต่อมาเจ้าตัวก็เล่าในจดหมายว่า “ผมเริ่มได้พบกับผู้คนที่มีปัญหาคล้ายๆ ผม มีความช่วยเหลือรออยู่มากมาย ขอเพียงคุณมีความกล้าหาญพอที่จะซื่อสัตย์ต่อตัวเอง และกล้าบอกให้ใครๆ ได้รู้ว่า คุณกำลังเผชิญอะไรอยู่เท่านั้น”
สำหรับกาก้า เธอได้กล่าวขอบคุณ ซินเธีย แม่ของเธอที่อยู่เคียงข้างเธอเสมอตลอดช่วงเวลาอันมืดมน โดยกล่าวขณะอยู่บนเวทีว่า “ขอบคุณแม่ ที่ไม่เคยกลัวความคิดอันดำมืดของฉัน และกล้าทำในสิ่งที่หลายคนไม่เชื่อว่าจะไปรอด แค่จับมือฉันและช่วยกันทำมูลนิธินี้ ที่ช่วยจับมืออีกหลายๆ มือให้มาช่วยกัน ฉันรักแม่ ความคิดฆ่าตัวตายมันเหมือนมนต์สะกด พวกเราต้องมีความเมตตาในหัวใจ และช่วยกันลบล้างมนต์สะกดนี้ และใช้ชีวิตต่อไปให้พัฒนางอกงาม”
