สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิดเผยเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนว่า มีผู้คนจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ถึง 68.5 ล้านคน ที่ถูกบีบให้ต้องหนีออกจากที่พักอาศัยในระหว่างสงคราม ความรุนแรง และการถูกข่มเหงรังแก ที่เห็นได้ชัดเจนคือในสถานที่อย่างพม่าและซีเรีย
รายงานของข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ระบุว่า นับจนถึงสิ้นปี 2560 ตัวเลขอยู่ที่สูงกว่าเมื่อปีก่อนหน้าเกือบ 3 ล้านคน และเพิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ จาก 42.7 ล้านรายของผู้ที่ต้องพลัดถิ่นจากที่พักอาศัยเมื่อ 1 ทศวรรษที่แล้ว
ตัวเลขปัจจุบันเท่ากับจำนวนประชากรทั้งหมดของไทย และจำนวนของผู้คนที่ต้องถูกบีบบังคับให้ย้ายถิ่นฐานเท่ากับ 1 คนในทุกๆ 110 คนทั่วโลก
“เรามาถึงจุดเปลี่ยนที่ความสำเร็จในการจัดการกับการถูกบีบให้ต้องย้ายถิ่นฐานทั่วโลก ต้องการวิธีการใหม่ที่ครอบคลุมมากกว่าเดิม ในการทำให้ประเทศหรือชุมชนนั้นไม่รู้สึกว่าถูกทอดทิ้งให้จัดการกับปัญหานี้อย่างโดดเดี่ยว” นายฟิลิปโป กรันดี ข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติกล่าว และว่า ราว 70 เปอร์เซ็นต์ของตัวเลขดังกล่าวมาจากแค่ 10 ประเทศเท่านั้น
“หากมีการแก้ปัญหาความขัดแย้งใน 10 ประเทศดังกล่าว หรืออย่างน้อยในบางประเทศ จำนวนผู้พลัดถิ่นมหาศาลน่าจะเริ่มลดลง แทนที่จะเพิ่มขึ้นทุกปี” นายกรันดีกล่าว
ยูเอ็นเอชซีอาร์ระบุว่า รายงานแสดงให้เห็นว่า มี 16.2 ล้านคน ที่พลัดถิ่นในปีที่แล้ว ซึ่งเท่ากับมีประชากร 44,500 คน ถูกผลักดันให้ต้องหนีออกจากที่พักอาศัยทุกวัน คิดเป็นเท่ากับ 1 คนทุกๆ 2 วินาที