คอลัมน์ Think Tank: สมรภูมิรบทางการค้ารอบด้านของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’

(FILES) / AFP PHOTO / NICHOLAS KAMM

เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน สหภาพยุโรป (อียู) เข้าร่วมในสงครามการค้าโลกกับสหรัฐอเมริกา โดยโจมตีสินค้าส่งออกที่เป็นสัญลักษณ์ของอเมริกันเป็นการตอบโต้การกำหนดพิกัดอัตราภาษีศุลกากรใหม่ต่อเหล็กที่ส่งออกไปยังสหรัฐ

ย่างก้าวของอียูเป็นการเพิ่มความตึงเครียดที่มีอยู่แล้วระหว่างสหรัฐกับจีน 2 ชาติที่มีขนาดของเขตเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก

ในขณะที่ทรัมป์ดำเนินนโยบาย “อเมริกาเฟิร์สต์” หรืออเมริกาต้องมาก่อน แต่เขาได้ก่อสงครามการค้ากับคู่ค้าสำคัญหลายรายด้วย

การต่อสู้ทางการค้าทั้งหมดทั้งปวงรวมเข้าด้วยกันได้จุดชนวนให้เกิดความกังวลว่าจะเกิดสงครามการค้าโลก และเขย่าตลาดหุ้นให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดผลกระทบที่ตามมาต่อเศรษฐกิจโลก

Advertisement

หลังการประกาศกำแพงภาษีใหม่ 25 เปอร์เซ็นต์ต่อสินค้านำเข้าจากจีนคิดเป็นมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา ทรัมป์ยังได้สั่งให้โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (ยูเอสทีอาร์) จัดทำบัญชีสินค้านำเข้าที่จะต้องถูกตั้งกำแพงภาษีเพิ่มอีก 10 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่า 200,000 ล้านดอลาร์ โดยอ้างว่า การตัดสินใจที่จะปรับขึ้นกำแพงภาษีของฝั่งจีนเป็นเรื่องที่ “รับไม่ได้”
และหากจีนเดินหน้าตามคำมั่นสัญญาที่ประกาศว่าจะตอบโต้ ทรัมป์ระบุว่าจเล่นงานสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 200,000 ล้านดอลลาร์

จีนที่ได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษีเหล็กเช่นกัน ประณามการกระทำของทรัมป์ว่าเป็น “การใช้แรงกดดันและข่มขู่แบล็กเมล์ที่สุดโต่ง” และเตือนว่าจะใช้มาตรการตอบโต้ที่เข้มแข็ง ทรงพลังหากประธานาธิบดีสหรัฐเดินหน้าตามคำข่มขู่ที่ระบุไว้

ขณะที่กำแพงภาษีตอบโต้ของอียูมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมาตั้งแต่กางเกงยีนส์ลีวายส์ ไปจนถึงรถมอเตอร์ไซค์ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน และวิสกี้เบอร์เบิน บัญชีตอบโต้ของอียูพุ่งเป้าไปที่การตั้งกำแพงภาษีต่อสินค้าส่งออกที่เป็นสัญลักษณ์ของอเมริกา

Advertisement

การเอาคืนครั้งนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ทรัมป์ได้เดินหน้าตามคำขู่ที่จะกำหนดกำแพงภาษี 25 เปอร์เซ็นต์ต่อเหล็กและ 10 เปอร์เซ็นต์ต่ออะลูมิเนียมนำเข้าจากอียู

แคนาดาและเม็กซิโก 2 ชาติที่เป็นสมาชิกในความตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟตา) ร่วมกับสหรัฐเองก็ไม่ได้รับการยกเว้นจากการตั้งกำแพงภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมเช่นเดียวกัน และทั้ง 2 ชาติขู่ว่าจะตอบโต้ด้วย

ด้านญี่ปุ่น ที่ตกเป็นอีกเป้าหมายหนึ่งของกำแพงภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมระบุว่า เป็นเรื่อง “น่าตำหนิอย่างที่สุด” และได้แจ้งต่อองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ถึงแผนการที่จะกำหนดกำแพงภาษีตอบโต้สหรัฐมูลค่า 50,000 ล้านเยน หรือราว 455 ล้านดอลลาร์หลังจากล้มเหลวที่จะโน้มน้าวชักจูงรัฐบาลสหรัฐให้ยกเว้นจากมาตรการนี้

นอกจากนี้ยังมีรัสเซีย อิหร่าน และเกาหลีใต้ที่ทรัมป์ใช้มาตรการทางการค้าเล่นงานและข่มขู่

เรียกได้ว่าเปิดสมรภูมิรบด้านการค้าไว้รอบด้านอย่างเต็มรูปแบบ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image