สถานทูตเตือนคนไทยถูกจับในเกาหลีใต้เพิ่ม คดียาเสพติด-กิจกรรมผิดกฎหมาย

(แฟ้มภาพ) นางสาว บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ

น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ออกประกาศหลังมีความห่วงกังวลและห่วงใยต่อประเด็นการลักลอบเสพและค้ายาเสพติด ตลอดจนกิจกรรมที่ผิดกฎหมายของชาวไทยที่พำนักในเกาหลีใต้ซึ่งมีจำนวนผู้กระทำผิดถูกจับกุมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดที่มีรายงานข่าวปรากฏในสื่อมวลชนท้องถิ่นช่วงเดือนที่ผ่านมาว่า มีการจับกุมขบวนการคนไทยในความผิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในเขตเมืองควังจู รวมทั้งสิ้น 30 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้ขยายผลการจับกุมจากการสืบสวนและซัดทอดการกระทำผิดกฎหมายตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2560 เป็นต้นมา โดยผู้เสพยาและค้ายาเสพติดส่วนใหญ่เป็นแรงงานที่อาศัยอยู่ในหลายเขตพื้นที่ในประเทศเกาหลีใต้ และถูกกวาดล้างจับกุม อาทิ เมืองควังจู 5 คน เมืองคิมแฮ 5 คน จังหวัดชุงชองนัมโด 10 คน เมืองยอง-กวัง 5 คน และพื้นที่อื่น ๆ 5 คน

จากการสืบสวนของตำรวจพบว่า มีการลักลอบนำเข้ายาเสพติดผ่านทางไปรษณีย์ในรูปแบบบรรจุภัณฑ์อาหารและส่งต่อในพื้นที่ทั่วประเทศ หรือมีการลักลอบนำติดตัวเข้ามาในเกาหลีใต้ ทำให้ทางการเกาหลีใต้เพิ่มมาตรการความเข้มงวดในการสุ่มตรวจ เฝ้าระวังและตรวจสอบพัสดุไปรษณีย์จากประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้เกิดภาพลักษณ์ทางลบของคนไทยต่อหน่วยงานภาครัฐและสื่อมวลชน รวมไปถึงประชาชนชาวเกาหลีใต้อีกด้วย

สถานเอกอัครราชทูตขอย้ำเตือนให้ประชาชนชาวไทยที่พำนักในเกาหลีใต้ทุกท่านปฏิบัติตนให้อยู่ในกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับทางสังคม วัฒนธรรมท้องถิ่นที่ดีงาม ร่วมมือกันรักษาภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย และมิให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกชนิด ทั้งในรูปแบบของผู้ซื้อและผู้ขาย รวมถึงหลีกเลี่ยงกิจกรรมผิดกฎหมายทุกรูปแบบ อาทิ การจัดทำเฟสบุ๊กหลอกลวงคนไทย การเป็นนายหน้าค้ามนุษย์ การเก็บดอกเบี้ยเงินกู้เถื่อนแบบผิดกฏหมาย การเปิดบ่อนเล่นการพนัน การดื่มสุราแบบควบคุมสติไม่ได้ และการทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายกัน เนื่องจากการกระทำเหล่านี้มีโทษขั้นรุนแรง ผู้กระทำผิดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด และจะถูกขึ้นบัญชีดำเป็นบุคคลที่รัฐบาลเกาหลีใต้ห้ามเข้าประเทศ (Blacklists) โดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งปัจจุบันมีผู้ต้องขังชาวไทยจำนวนเกือบ 200 คน ที่ต้องประสบชะตากรรมต้องโทษคุมขังในสาธารณรัฐเกาหลี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สถานเอกอัครราชทูตขอแนะนำให้ทุกท่านโปรดใช้เวลาว่างไปในทางที่ถูกต้อง เพื่อผลดีต่อตนเองและส่วนรวม หรือเพื่อพัฒนาความสามารถของตนเอง อาทิ สมัครศึกษาต่อทางไกลผ่านช่องทางออนไลน์ของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ทบทวนฝึกฝนภาษาต่างประเทศ ฝึกฝนทักษะอาชีพเพิ่มเติม หรือแนวทางประกอบกุศลจิต สร้างบุญ นั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม หรือแนวทางด้านการออกกำลังกาย ศึกษาธรรมชาติ หรือรวมกลุ่มกันบำเพ็ญประโยชน์จิตอาสาแก่สาธารณะ เป็นต้น

Advertisement

ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตยินดีให้ความช่วยเหลือและคำปรึกษาแก่คนไทยในกรณีฉุกเฉิน โดยสามารถติดต่อหมายเลขสายด่วน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล หมายเลข 010-6747-0095

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image