สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกาต่อสินค้านำเข้าจากจีน ที่มีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของจีนพุ่งทะยานขึ้น ในการซื้อขายช่วงสายวันเดียวกัน หลังจากที่การซื้อขายในช่วงเช้าลดลงไปต่ำสุดในรอบ 2 ปี แต่ค่าเงินหยวนยังคงอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ
ข่าวระบุว่า หลังจากสหรัฐกำหนดกำแพงภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนรวมเป็นมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีผลบังคับใช้ มีรายงานในวันเดียวกันว่า จีนเองก็ได้ตั้งกำแพงภาษีต่อสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐจำนวน 545 ชนิด คิดเป็นเงินมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเป็นการตอบโต้เช่นกัน และหนึ่งในสินค้าที่ถูกตั้งกำแพงภาษี คือน้ำมัน ที่จีนขู่ว่าจะเพิ่มภาษีนำเข้าน้ำมันจากสหรัฐอีก 25 เปอร์เซ็นต์ แต่ยังไม่กำหนดระยะเวลาในการใช้ที่แน่ชัด โดยปัจจุบันสหรัฐส่งน้ำมันดิบให้จีนราว 400,000 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นมูลค่าราว 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน
ขณะที่มีรายงานว่า ท่ามกลางความสับสนของตลาดหุ้นเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน สองมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ด้านเศรษฐกิจโลกที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลทำให้ราคาน้ำมันที่ซื้อขายในวันเดียวกันเป็นไปอย่างผันผวน โดยการซื้อขายในตลาดเวสต์ เท็กซัส เพิ่มขึ้น 24 เซ็นต์ ส่วนเบรนท์ ลดลงไป 1 เซ็นต์
